เพศสัมพันธ์หลังคลอด
เซ็กซ์หลังคลอด ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามสำหรับคุณแม่เสมอไป ไม่ว่าจะช่วงใกล้คลอดหรือหลังคลอดเพียงไม่นานก็ตาม หากคุณแม่ไม่มีปัญหาใด ๆ ทางการแพทย์ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่ในช่วงหลังคลอด การปรึกษาเรื่องนี้กับหมอก็จะได้คำตอบที่ดีที่สุด เพราะคุณแม่แต่ละคนอาจมีความต้องการทางเพศหลังคลอดแตกต่างกัน หรือแม้แต่ละครรภ์ก็ยังมีความต้องการต่างกัน
โดยทั่วไปแล้วฮอร์โมนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์จะกลับลงสู่ปกติภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด ในระหว่างนี้เมือกหล่อลื่นในช่องคลอดอาจจะลดน้อยลง ซึ่งก่อให้เกิดความเจ็บปวดกับคุณแม่ได้ แต่ในปัจจุบันมีความเห็นโดยทั่วไปว่าคุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดการมีเพศสัมพันธ์นานถึงเพียงนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความต้องการตรงกันและไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ใด ๆ แล้ว ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ในเวลาที่รู้สึกพร้อมทั้งสองฝ่าย
เริ่มมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดได้เมื่อไหร่
ปกติแล้วหมอผู้ทำคลอดทั้งแบบคลอดตามปกติและแบบผ่าคลอดแนะนำว่า ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ออกไปก่อนจนกระทั่งมาตรวจหลังคลอดในอีก 4-6 สัปดาห์ เพื่อคุณหมอจะได้ดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่ และหลังจากนี้ไปแล้วตัวมดลูกจะเริ่มเข้าอู่และช่องคลอดจะกระชับเข้าที่เรียบร้อย รวมทั้งน้ำคาวปลาก็หมดไปแล้ว จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องครบ 4-6 สัปดาห์เสมอไปนะครับ ถ้าหากน้ำคาวปลาหมด ใกล้หมด หรือมีน้อยลง แผลที่ช่องคลอดหายดี คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บปวด (ถ้าผ่าคลอดก็ต้องรอให้หายเจ็บแผลก่อน) การร่วมเพศก็ไม่ทำให้เจ็บปวดเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และสามารถทำได้โดยไม่มีอันตรายใด ๆ (คุณพ่อควรสวมถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคู่สมรสแต่ละคู่ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปฝ่ายภรรยาจะเป็นคนตัดสินใจ แต่ไม่จำเป็นต้องรอไปจน 3-4 เดือน หรือ 5-6 เดือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมานะครับ
สำหรับคุณแม่ที่ยังคงมีน้ำคาวปลาไหลอยู่ การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและในโพรงมดลูกมากกว่าปกติ ส่วนคุณแม่บางรายที่ยังเจ็บแผลฝีเย็บอยู่ โดยเฉพาะในรายที่แผลมีการฉีกขาดมากในขณะคลอดก็อาจจะต้องรอให้แผลหายดีก่อน เพราะถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่แผลยังไม่หายดี อาจทำให้แผลฝีเย็บฉีกขาดได้ และที่สำคัญอย่างมากก็คือถ้ามีการร่วมเพศกันก่อนถึงวันนัดตรวจสุขภาพหลังคลอด ก็ขอให้ระวังไว้ว่าอาจจะเกิดการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปตามมาได้ เพราะคุณแม่บางคนหลังคลอด 3-5 สัปดาห์ก็เริ่มมีไข่ตกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ที่ไม่ได้ให้ลูกกินนม กรณีเช่นนี้ก็ควรจะคุมกำเนิดไว้ก่อนด้วยการให้คุณพ่อสวมถุงยางอนามัยครับ
หลังคลอดประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่
คุณแม่หลายคนมีความกังวลใจและหลายคนยังไม่ยอมคุมกำเนิดถ้าประจำเดือนยังไม่มา ความจริงแล้วถ้าประจำเดือนยังไม่มาก็ไม่เป็นไรครับ แต่การคุมกำเนิดนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อน คุณแม่ควรเริ่มคุมกำเนิดหลังจากการตรวจหลังคลอดได้เลย
เชื่อไหมครับว่าการที่คุณแม่ให้ลูกดูดนมตนเองนั้นก็เป็นการคุมกำเนิดที่ได้ผลอย่างมากอีกวิธีหนึ่ง เพราะการให้ลูกกินนมแม่อย่างสม่ำเสมอจะมีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “โปรแล็กติน” (Prolactin) ออกมาจากต่อมใต้สมอง ทำให้ไข่ไม่ตก เมื่อไข่ไม่ตกก็ไม่มีประจำเดือนออกมา (แม้การให้นมลูกจะเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้ผลดี แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นจึงควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วยเสมอ) แต่เมื่อลูกกินนมน้อยลงหรือคุณแม่ทิ้งระยะห่างในการให้นมมากขึ้น ฮอร์โมนตัวนี้ก็จะออกมาน้อยลง จึงมีการตกไข่และมีประจำเดือนตามปกติ สำหรับสถิติโดยทั่วไปพบว่าคุณแม่หลังคลอดจะมีเริ่มมีประจำเดือนในระยะเวลาดังนี้
- คุณแม่จำนวน 60% จะเริ่มมีประจำเดือนในช่วงเดือนที่ 7 หลังคลอด
- คุณแม่จำนวน 20% จะเริ่มมีประจำเดือนในช่วงเดือนที่ 2-4 หลังคลอด
- คุณแม่จำนวน 10% จะเริ่มมีประจำเดือนในช่วงเดือนที่ 2 เดือนครึ่งหลังคลอด
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่พบว่า ร้อยละ 2-3 ของคุณแม่หลังคลอดจะมีการตกไข่แล้วเมื่อมาตรวจร่างกายหลังคลอด แม้ว่าจะเป็นส่วนน้อยก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าคุณแม่มีโอกาสจะตั้งครรภ์ได้อีกถ้าไม่คุมกำเนิด และในกรณีที่คุณแม่ไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่หรือให้หย่านมเร็วด้วยเหตุผลต่าง ๆ จะพบว่าคุณแม่กลุ่มนี้จะมีประจำเดือนมาเร็วกว่าที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งจากการสำรวจในบางประเทศที่เจริญแล้วพบว่า ในระยะ 2 เดือนครึ่งหลังคลอด คุณแม่ที่ไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่จะมีประจำเดือนมาและมีไข่ตกถึงร้อยละ 80 ก็มี
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีประจำเดือนแล้วคุณแม่ก็ยังสามารถให้นมลูกกินได้ตามปกติ ไม่ต้องหย่านม เพราะการมีประจำเดือนไม่ได้เปลี่ยนแปลงคุณค่าของน้ำนมแต่อย่างใด
ประโยชน์ของการมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด
- การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงหลังคลอดนั้นจะช่วยส่งเสริมความมั่นใจของความรักที่มีต่อกันได้
- ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในขณะมีเพศสัมพันธ์นั้นยังช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้นอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดไม่มีอารมณ์ทางเพศ
หลังจากคลอดลูกแล้ว คุณแม่บางคนอาจจะไม่มีความต้องในเรื่องนี้เลย เพราะร่างกายยังคงอ่อนเพลียจากการเสียเลือดมากในระหว่างการคลอด มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย นอกจากนี้อาจจะยังเจ็บแผลที่เกิดจากการคลอด รวมทั้งมีความวิตกกังวลต่าง ๆ เกิดขึ้น เช่น กังวลเรื่องการเลี้ยงลูก ยังไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเองที่เปลี่ยนไป มีความเครียดเพราะพักผ่อนน้อย และสัญชาตญาณของความเป็นแม่ที่เป็นห่วงเป็นใยและต้องการดูแลลูกน้อยอย่างดีที่สุด รวมทั้งบรรยากาศอันวุ่นวายในการเลี้ยงลูกบวกกับงานบ้านที่ทำ ก็ล้วนแต่ทำให้คุณแม่มีความสนใจในตัวคุณพ่อน้อยลง
โดยทั่วไปแล้วความต้องการทางเพศจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งในอีก 2-3 เดือน แต่หากลองนึกถึงความเครียดจากการเลี้ยงลูกวัยแรกเกิดด้วยแล้ว ก็อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 1 ปีกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง และกลับมาใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมีความสุขและเต็มที่อีกครั้ง
สำหรับคุณพ่อเองก็อาจมีความต้องการทางเพศลดลงได้เช่นกัน เพราะสมาชิกคนใหม่ในครอบครัวแม้จะตัวเล็กจิ๋ว แต่ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตให้คุณพ่อได้อย่างใหญ่หลวง คุณพ่อบางคนอาจรู้สึกสับสน ยังปรับตัวไม่ได้ดีมากนักกับการเป็นพ่อและสามีในเวลาเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณพ่อจะมีความต้องการทางเพศลงลดในช่วงแรก ๆ เหมือนกับคุณแม่ ปัญหาแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับคุณพ่อและคุณแม่ได้ ดังนั้นการเตรียมใจไว้ล่วงหน้า การปรึกษาพูดคุยกันอย่างเปิดเผยและช่วยกันประคับประคองแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ควรทำ
คุณแม่หลังคลอดไม่มีความต้องการทางเพศ ควรทำอย่างไร
ในช่วงหลังคลอดใหม่ ๆ คุณแม่อาจจะยังรู้สึกเพลีย จิตใจยังพะวงอยู่กับเจ้าตัวน้อย ประกอบกับระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนมีผลทำให้คุณแม่มีอารมณ์แปรปรวน อีกทั้งร่างกายยังต้องการพักฟื้นจากการคลอด คุณแม่เองก็กำลังใช้เวลานี้ในการปรับตัวเข้าหาลูกน้อย จึงถือเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่หลังคลอดจะไม่มีความสนใจในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ เรื่องนี้ก็ขอให้คุณแม่พูดคุยกับคุณพ่อเพื่อจะได้มีความเข้าใจร่วมกันและผ่านช่วงนี้ไปได้อย่างสบาย
การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของคุณแม่หลังคลอด
การให้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของผู้หญิงสามารถกระทำได้ โดยการให้ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งออกฤทธิ์เป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่คุณแม่ควรใช้ในกรณีที่มีข้อบ่งชี้จริง ๆ และโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น ส่วนการดูแลตัวเองให้ดีก็ช่วยส่งเสริมความต้องการทางเพศได้เช่นกัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และการออกกำลังกายหลังคลอดอย่างสม่ำเสมอ
คำแนะนำในการมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด
- หากคุณแม่หลังคลอดยังไม่พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์จริง ๆ เช่น อาจจะยังเจ็บแผลหรือรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก ก็ควรบอกกับคุณพ่อไปตามตรงในเรื่องนี้ เพราะความเข้าอกเข้าใจจากคุณพ่อเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อจะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาในภายหลัง ส่วนคุณพ่อเองก็ต้องใจเย็นและอดทนรอคอยจนกว่าคุณแม่จะมีความพร้อม
- คุณพ่อคุณแม่อาจต้องรอเวลาเพื่อจะกลับมามีความสุขด้วยกันเช่นเดิม การกอดจูบสัมผัสลูบไล้อย่างนุ่มนวลและรักใคร่ จะช่วยปลุกเร้าความต้องการก่อนเริ่มต้นมีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในช่วงหลังคลอดได้เป็นอย่างดี
- ในช่วงแรกของการมีเพศสัมพันธ์หลังคลอด ถึงแม้คุณแม่อาจจะไม่มีแผลตัดฝีเย็บจากการคลอด ก็ควรใช้น้ำยาหล่อลื่นไปก่อนจนกว่าระดับฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะปรับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะในระยะแรกช่องคลอดจะยังไม่สามารถขับสารหล่อลื่นเองได้ ไม่ว่าจะมีการเล้าโลมช่วยเพียงใดก็ตาม (ปกติแล้วจะกลับเป็นปกติภายใน 6 สัปดาห์หลังคลอด)
- ถ้าคุณแม่รู้สึกเจ็บแผลตัดฝีเย็บหรือไม่สะดวก อาจลองปรับเปลี่ยนท่าทางเป็นท่านอนตะแคงก็อาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าใด คุณพ่อก็ควรเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคุณแม่อย่างนุ่มนวล เข้าใจ และค่อยเป็นค่อยไป อดทนรอคอยเพื่อมีความสุขร่วมกัน
- เมื่อเริ่มมีเพศสัมพันธ์และคุณแม่รู้สึกเจ็บมาก ก็อย่าฝืนนะครับ ให้หยุดและควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่คลอดเองแบบธรรมชาติแผลฝีเย็บอาจเป็นสาเหตุของความเจ็บ นอกจากนี้ หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ถ้าหากของเหลวที่ออกมาจากช่องคลอดมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ นั่นอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที รวมทั้งหากยังคงมีเลือดออกจากช่องคลอดนานเกิน 4 สัปดาห์หลังคลอดก็ควรรีบไปพบแพทย์เช่นกัน
การคุมกำเนิดหลังคลอด
ในช่วงหลังคลอดประมาณ 3-5 สัปดาห์ คุณแม่ก็สามารถมีไข่ตกได้ตามปกติแล้ว และหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็สามารถตั้งครรภ์ใหม่ได้ในทันที การรอให้ประจำเดือนครั้งแรกมาก่อนแล้วค่อยคุมกำเนิดจึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดและช้าเกินไป ดังนั้นถ้าต้องการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ก็ควรคุมกำเนิดไว้ก่อน โดยให้คุณพ่อใช้ถุงยางอนามัยไปก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าคุณแม่จะได้รับการตรวจหลังคลอดแล้วจึงค่อยเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ในระยะยาว
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้กันมานานและเป็นที่ทราบกันว่าถ้าให้ลูกดูดนมหลาย ๆ เดือนหรือเป็นปี โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อยมาก สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า “เมื่อลูกดูดนมแม่ ฮอร์โมนโปรแล็กติน (Prolactin) จะหลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง และจะระงับการทำงานของฮอร์โมนตัวอื่น ทำให้ไข่ไม่ตก” แต่ก็ใช่ว่าคุณแม่ทุกคนจะใช้วิธีนี้แล้วจะได้ผลกันหมด ที่ไม่ได้ผลก็มีบ้างครับ แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้จะขึ้นอยู่กับความถี่ของการดูดนมและระยะเวลาหลังคลอด ถ้าลูกดูดนมถี่ ๆ ทุก 3-4 ชั่วโมงก็จะได้ผลดีมาก แต่คุณแม่บางคนที่จำเป็นต้องทำงานนอกบ้านในตอนเช้า ให้ลูกดูดนมเฉพาะในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันใช้นมผงช่วย โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็มีสูงมากขึ้นหากไม่ได้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้จะใช้ได้ผลในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอด แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว แม้ว่าลูกจะยังดูดนมอยู่ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ เพราะฮอร์โมนดังกล่าวจะมีน้อยลงในช่วง 6 เดือนหลังคลอด และเพื่อความมั่นใจคุณแม่ควรหาวิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเสมอ สำหรับวิธีการคุมกำเนิดหลังคลอดก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ผมจะขอแนะนำเฉพาะวิธีที่ใช้กันบ่อย ๆ นะครับ ดังนี้
- ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยทั่วไปยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดฮอร์โมนรวมและชนิดฮอร์โมนเดี่ยวที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนอย่างเดียว สำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูกต้องเลือกยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีโปรเจสโตเจนอย่างเดียว เพราะยาคุมกำเนิดชนิดนี้จะไม่ลดปริมาณของน้ำนมแม่ จึงเหมาะกับผู้ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ใช้แล้วไม่ค่อยเป็นสิวเป็นฝ้า แต่จะมีข้อเสียในเรื่องประจำเดือนผิดปกติมากกว่าชนิดฮอร์โมนรวม ทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ไม่นิยมใช้กัน แต่มักจะใช้เฉพาะหลังคลอดไม่กี่เดือน เมื่อไม่ให้ลูกกินนมแม่แล้วก็จะเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดชนิดฮอร์โมนรวม
- ห่วงคุมกำเนิด (ห่วงอนามัย) เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของสตรี เพื่อทำให้สภาพในโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและป้องกันได้นาน โดยขึ้นอยู่กับชนิดของห่วง ถ้าเป็นชนิดที่ใช้ในปัจจุบันของบ้านเราคือ “มัลติโลด” (Multiload) ที่สามารถใส่คุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ส่วนอีกชนิดจะเป็นรูปตัวที (T) ที่ใช้ได้นานถึง 10 ปี ถ้านึกอยากจะมีลูกก็ถอดห่วงออกได้ นอกจากนี้ห่วงคุมกำเนิดก็ไม่ทำให้การร่วมเพศเปลี่ยนไปจากเดิม เพียงแต่จะมีข้อเสียเล็กน้อยคือจะต้องให้หมอเป็นผู้ใส่และถอดออกให้ครับ
คำแนะนำในการคุมกำเนิดหลังคลอด
- ยาฉีดและยาฝังคุมกำเนิดก็เป็นวิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน อีกทั้งยังช่วยให้น้ำนมแม่มีมากขึ้นอีกด้วย
- ถ้าคุณแม่ไม่อยากใช้ฮอร์โมนในการคุมกำเนิดก็สามารถเลือกที่จะใช้ห่วงคุมกำเนิดหรือให้คุณพ่อใช้ถุงยางอนามัยก็ได้
- ในกรณีที่คุณแม่มีลูกพอแล้วหลายคนและไม่ต้องการตั้งครรภ์อีกต่อไป การทำหมันจะเป็นวิธีที่ดีและสะดวกมากที่สุด
- คุณแม่ที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมน เช่น เป็นโรคครรภ์เป็นพิษ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีด และยาฝังคุมกำเนิด โดยการใส่ห่วงอนามัยแทน แต่ห่วงอนามัยที่เลือกใช้ไม่ควรเป็นห่วงคุมกำเนิดชนิดที่เคลือบฮอร์โมน เพราะอาจจะมีผลเสียต่อความดันโลหิตได้
- คุณแม่ที่ไม่สะดวกที่จะใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยเหตุผลว่าเป็นข้อห้ามทางศาสนา ก็สามารถเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิดตามธรรมชาติด้วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะการให้ลูกดูดนมอย่างสม่ำเสมอในระยะ 6 เดือนหลังคลอดจะสามารถคุมกำเนิดได้ผลดีเช่นเดียวกับการกินยาคุมกำเนิดหรือการใส่ห่วงอนามัย
- โดยทั่วไปแล้วคุณแม่ควรเว้นระยะการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไปประมาณ 2 ปี เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่ได้ฟื้นฟูสภาพให้แข็งแรง และให้ลูกคนก่อนโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้บ้างแล้ว คุณแม่จะได้มีเวลาเลี้ยงลูกคนต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ
สรุป การมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ภายหลังการคลอดประมาณ 1 เดือน หรือจนกว่าน้ำคาวปลาจะหมด แผลที่ช่องคลอดหายดี และคุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บปวด เพียงแต่คุณแม่ต้องระมัดระวังในเรื่องของการคุมกำเนิดให้มากขึ้น ถ้าจะใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดก็ควรเลือกแบบชนิดฮอร์โมนเดี่ยวเพราะจะไม่ออกฤทธิ์ไปยับยั้งการสร้างน้ำนมของคุณแม่ หรือถ้าจะใช้ห่วงอนามัยก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้ผลดีเหมือนกันครับ สำหรับวิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ ผมอยากให้คุณแม่ถามจากคุณหมอที่ดูแลอยู่จะดีกว่าครับ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
- การคุมกำเนิด : 34 วิธีการคุมกําเนิด & คุมกําเนิดแบบไหนดีที่สุด ??
- การตรวจหลังคลอด…สำคัญและมีขั้นตอนอย่างไร ??
- 32 วิธีการดูแลตัวเองหลังคลอด ! (คลอดธรรมชาติ & ผ่าคลอด)
- 15 ท่าบริหารร่างกายหลังคลอด & การออกกำลังกายหลังคลอด !!
- 10 วิธีลดน้ำหนักหลังคลอด (ลดความอ้วนหลังคลอดลูก) !!
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือ 40 สัปดาห์ พัฒนาครรภ์คุณภาพ. “เพศสัมพันธ์หลังคลอด”. (รศ.พญ.สายฝน – นพ.วิชัย ชวาลไพบูลย์). หน้า 278-279.
- หนังสือคู่มือตั้งครรภ์และเตรียมคลอด. “การมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดบุตร”. (ศ. (คลินิก) นพ.สุวชัย อินทรประเสริฐ). หน้า 385.
ภาพประกอบ : www.yummymummyclub.ca, www.irishexaminer.com, www.womenshealthmag.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)