โมก
โมกบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ Wrightia religiosa (Teijsm. & Binn.) Benth. ex Kurz (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Echites religiosus Teijsm. & Binn., Wrightia religiosa (Teijsm. & Binn.) Benth.) จัดอยู่ในวงศ์ APOCYNACEAE เช่นเดียวกับโมกเครือ โมกแดง โมกมัน โมกหลวง[1]
โมกบ้าน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หลักป่า (ระยอง), โมกซ้อน โมกลา โมกบ้าน (ภาคกลาง), โมก โมกบ้าน โมกดอกหอม โมกกอ (ไทย), ปิดจงวา (เขมร-สุรินทร์) เป็นต้น[1],[3],[4]
ลักษณะของโมกบ้าน
- ต้นโมกบ้าน มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย จัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลางไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 1-3 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง เปลือกต้นเรียบเกลี้ยงเป็นสีน้ำตาลเข้ม และมีจุดเล็ก ๆ สีขาวประอยู่ทั่วไป แตกกิ่งต่ำใกล้ผิวดินเป็นลำต้นจำนวนมาก ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี มีความชื้นปานกลาง ชอบแสงแดดแบบเต็มวันถึงรำไร เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ทนต่อความร้อนและแสงแดดได้ดี มักพบขึ้นตามป่าละเมาะที่ชื้น และตามป่าดงดิบ[1],[2],[3],[4]
- ใบโมกบ้าน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบมนหรือสอบเข้าหากัน ส่วนขอบใบเรียบไม่มีหยัก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.8-2.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.3-7.8 เซนติเมตร เนื้อใบบาง ท้องใบเรียบ ส่วนก้านใบยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร[1]
- ดอกโมกบ้าน ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อหนึ่งมีประมาณ 4-8 ดอก ดอกมีกลิ่นหอมเย็น (ในตอนค่ำจะมีกลิ่นหอมแรงกว่าตอนกลางวัน) มีทั้งดอกชั้นเดียวที่เรียกว่า “โมกลา” และชนิดที่มีกลีบดอกเรียงซ้อนกันเรียกว่า “โมกซ้อน” ดอกย่อยเป็นสีขาว มีกลีบดอก 5-16 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปไข่ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ดอกมีกลิ่นหอม ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉกแหลม กลางดอกมีเกสรติดกับหลอดท่อดอก ก้านชูดอกยาวเป็นเส้นเล็ก เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปีหากอยู่ในสภาพที่เหมาะสม และจะออกดอกมากเป็นพิเศษในช่วงปลายฤดูและต้นฤดูหนาว[1],[2],[3],[4]
- ผลโมกบ้าน ออกผลเป็นฝักคู่ โคนฝักเชื่อมติดกัน ปลายฝักแหลม ผิวฝักเรียบ ขนาดของฝักยาวประมาณ 5-6.5 นิ้ว เมื่อฝักแก่แล้วจะแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในฝักมีเมล็ดจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปกระสวย ที่ปลายเมล็ดมีขนปุยสีขาว ช่วยทำให้ปลิวลมไปได้ไกล ๆ โดยชนิดดอกลาจะติดฝักได้ดีกว่าชนิดดอกซ้อน[1],[2],[4]
สรรพคุณของโมกบ้าน
- เปลือกเป็นยาช่วยทำให้เจริญอาหาร (เปลือก)[5]
- ยางจากต้นใช้เป็นยาแก้โรคบิดที่มีอาการเลือดออก (ยาง)[3]
- ดอกเป็นยาระบาย (ดอก)[5]
- เปลือกช่วยรักษาโรคไต (เปลือก)[5]
- ใบใช้ขับน้ำเหลือง (ใบ)[5]
- ยางใช้เป็นยาแก้พิษงูและแมลงกัดต่อย (ยาง)[3]
- รากมีรสเมามัน ใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคผิวหนังจำพวกโรคเรื้อนและคุดทะราด (ราก)[1],[2]
ประโยชน์ของโมกบ้าน
- ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป มีใบสวยงาม ดอกหอม นิยมปลูกไว้ประดับสวน ปลูกริมน้ำตก ลำธาร ริมทะเล หรือปลูกลงในกระถางเป็นไม้แคระหรือบอนไซ หรือปลูกเป็นแถว ๆ เพื่อบังสายตา โดยจะทิ้งใบในช่วงฤดูหนาว ทนร่มได้ดี จึงปลูกในอาคารได้นาน สามารถควบคุมการออกดอกได้ ด้วยการควบคุมการให้น้ำและปุ๋ยอย่างเหมาะสม และสามารถตัดแต่งให้เป็นรูปทรงที่สวยงามได้ตามต้องการ การตัดแต่งทรงพุ่มต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เป็นทรงพุ่มแน่นสวยงาม แต่จะไม่ค่อยออกดอกให้ชม และควรปลูกในพื้นที่กลางแจ้ง เพราะการปลูกในที่มีแสงแดดไม่เพียงพอจะทำให้ต้นสูงชะลูดและไม่ค่อยออกดอก[3],[4]
- ดอกนิยมนำไปสกัดกลิ่นหอมทำเป็นน้ำอบไทยหรือน้ำปรุง
- คนไทยโบราณเชื่อว่าหากบ้านใดปลูกต้นโมกไว้เป็นไม้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความสุขบริสุทธิ์ สดใส เพราะคำว่าโมกนั้นมีเสียงพ้องกับคำว่า “โมกข์” หรือ “โมกษ์” นั้นหมายถึงความหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์ทั้งปวง ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับนิพพานนั่นเอง นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองป้องกันภัยทั้งปวง (โดยเฉพาะกับชาวราศีพฤษภ (15 พ.ค.-14 มิ.ย.)) และเพื่อความเป็นสิริมงคล ให้ปลูกต้นโมกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์เพื่อเอาคุณ[3]
ต้นโมก
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “โมกบ้าน (Mok Bann)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 247.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “โมกบ้าน”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 649-650.
- ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “โมกซ้อน”. (นพพล เกตุประสาท). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th. [19 พ.ค. 2014].
- ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “โมกลา โมกซ้อน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [19 พ.ค. 2014].
- ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, กระทรวงวัฒนธรรม. “ต้นโมกไม้มงคล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: m-culture.in.th. [19 พ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by rohana kamarul ariffin, cp7083, Jennie Pham, rogerphayao, 澎湖小雲雀, Cliff, Bobby9812, mcgarrett88, Shannon Chan)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)