เทียนสัตตบุษย์
เทียนสัตตบุษย์ ชื่อสามัญ Anise[2], Aniseed[3]
เทียนสัตตบุษย์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Pimpinella anisum L. จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)[1]
สมุนไพรเทียนสัตตบุษย์ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เสียวหุยเซียง โอวโจวต้าหุยเซียง (จีนกลาง) เป็นต้น[1]
ลักษณะของเทียนสัตตบุษย์
- ต้นเทียนสัตตบุษย์ จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีอายุได้ประมาณ 1 ปี ลำต้นมีความสูงได้ประมาณ 50 เซนติเมตร กิ่งและก้านเป็นสีเขียว รูปทรงกลมผิวมีร่องหรือเหลี่ยม[1] เทียนสัตตบุษย์เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ได้มีการนำไปปลูกมากทางตอนกลางและตอนใต้ของทวีปยุโรป รัสเซีย แอฟริกาเหนือ เม็กซิโก และอินเดีย[3]
- ใบเทียนสัตตบุษย์ ใบเป็นใบเดี่ยวแทงขึ้นมาจากรากใต้ดิน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่เหมือนพัด ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ก้านใบยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร ส่วนที่แตกจากกิ่งช่วงยอดต้นเป็นรูปแฉกยาวมีใบประกอบ 3 ใบ แบบขนนก ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย[1]
- ดอกเทียนสัตตบุษย์ ออกดอกเป็นช่อคล้ายก้านซี่ร่ม หลายชั้น ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีเหลืองหรือสีขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียวมีขนาดเล็ก ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 ตัว ติดอยู่บนฐานรอบดอก เรียงสลับกับกลีบดอก มีรังไข่ 5 ห้อง อยู่ต่ำกว่า[1]
- ผลเทียนสัตตบุษย์ ผลมีลักษณะเป็นรูปยาวรีกลม คดงอเล็กน้อย เปลือกผลเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล[1]
สรรพคุณของเทียนสัตตบุษย์
- ผลและเมล็ดเทียนสัตตบุษย์มีรสเผ็ดหวานเล็กน้อย เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ธาตุ และไต ใช้เป็นยาแก้หอบหืด แก้หลอดลมอักเสบ (ผล, เมล็ด)[1]
- ใช้เป็นยาแก้ไข้หอบ (เมล็ด)[2] ช่วยขับเสมหะ แก้อาการไอ (ผล, เมล็ด)[1],[3] ใช้เป็นส่วนผสมในยาอมแก้ไอ โดยใช้ร่วมกับชะเอมจีน (น้ำมันหอมระเหย)[3]
- ช่วยขับเหงื่อ (ผล)[3]
- ช่วยแก้อาการสะอึก (ผล, เมล็ด)[1]
- ผลและเมล็ดใช้เป็นยาแก้ลมขึ้น ขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ผล, เมล็ด)[1],[3]
- ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้อง (ผล, เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้อาการแพ้ท้อง (เมล็ด)[2]
- ช่วยขับประจำเดือนของสตรี (ผล, เมล็ด)[1]
- ช่วยขับน้ำนมของสตรีหลังการคลอดบุตร (ผล, เมล็ด)[1]
- ผลมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา (ผล)[3] น้ำมันจากเมล็ดมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค (น้ำมันหอมระเหย)[3]
- เมล็ดเทียนสัตตบุษย์จัดอยู่ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดเทียน” ซึ่งพิกัดเทียนจะประกอบไปด้วย “พิกัดเทียนทั้ง 5” (เทียนแดง, เทียนขาว, เทียนดำ, เทียนข้าวเปลือก และเทียนตาตั๊กแตน), “พิกัดเทียนทั้ง 7” (เพิ่มเทียนสัตตบุษย์ และเทียนเยาวพาณี), และ “พิกัดเทียนทั้ง 9” (เพิ่มเทียนตากบ และเทียนเกล็ดหอย) มีสรรพคุณโดยรวม คือ เป็นยาบำรุงโลหิต แก้อาเจียน ช่วยขับลม และใช้ตำรับยาหอม (เมล็ด)
- เมล็ดเทียนสัตตบุษย์ยังจัดอยู่ในกลุ่มยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) โดยปรากฏอยู่ในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ซึ่งมีส่วนประกอบของเทียนสัตตบุษย์อยู่ในพิกัดเทียนทั้ง 9 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง นอกจากนี้ยังปรากฏอยู่ในกลุ่มยารักษาอาการทางระบบทางเดินอาหาร โดยปรากฏอยู่ในตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” ซึ่งมีส่วนประกอบของเทียนสัตตบุษย์ เทียนแดง เทียนขาว เทียนดำ และเทียนเยาวพาณี ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการท้องอืด (เมล็ด)
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [1] ให้ใช้ครั้งละ 3-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาตามที่ต้องการ[1]
ข้อควรระวัง : ไม่ควรนำผลเทียนสัตตบุษย์มาบดให้เป็นผง เพราะจะทำให้กลิ่นหอมระเหยไป และไม่ควรใช้เกินกว่าปริมาณที่กำหนดให้ใช้ เพราะจะเป็นพิษกับร่างกาย[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเทียนสัตตบุษย์
- ในผลเทียนสัตตบุษย์พบน้ำมันหอมระเหย Anise oil มีสาร Anethole เป็นองค์ประกอบหลัก และยังพบสารคล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิงอีกด้วย[1]
- จากการทดลองฤทธิ์ขยายหลอดลมของเทียนสัตตบุษย์ โดยใช้หลอดลมของหนูที่ถูกทำให้ตีบตัวด้วย methacholine เมื่อให้สารสกัดน้ำ สารสกัดเอทานอล น้ำมันหอมระเหย และ theophylline (1mM) จะแสดงฤทธิ์ขยายหลอดลมอย่างมีนัยสำคัญ โดยน้ำมันหอมระเหยจะออกฤทธิ์ได้น้อยกว่า theophylline ส่วนสารสกัดน้ำและสารสกัดเอทานอลไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับ theophylline กลไกในการออกฤทธิ์เกี่ยวข้องกับการยับยั้ง muscarinic receptors[4]
- เมล็ดเทียนสัตตบุษย์ มีฤทธิ์ในการกระตุ้นมดลูกให้บีบตัวแรงขึ้น[1]
- เมื่อใช้เมล็ดเทียนสัตตบุษย์ ให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทาน พบว่าสามารถกระตุ้นเต้านมให้ผลิตน้ำนมให้มากขึ้นได้ แต่หากสตรีไม่มีบุตรจะพบว่ามีอาการคัดเต้านม และมีการกระตุ้นความต้องการทางเพศได้เล็กน้อย[1]
- เมื่อให้หนูขาวทดลองรับประทานน้ำมันจากผลเทียนสัตตบุษย์ พบว่ามีการสร้างเซลล์ใหม่ที่ตับเพิ่มขึ้นได้[1]
ประโยชน์ของเทียนสัตตบุษย์
- ใบสดใช้รับประทานเป็นผักดิบ หรือใช้ตกแต่งอาหารให้ดูสวยงามน่ารับประทาน[3]
- ในประเทศอินเดียจะใช้ใบและรากเทียนสัตตบุษย์ที่มีกลิ่นหอม นำไปเป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร[1]
- ผลหรือเมล็ดมีกลิ่นหอมและมีรสหวาน สามารถนำมาใช้แต่งกลิ่นอาหาร ขนมหวาน ขนมปัง ลูกกวาด เครื่องดื่ม เหล้า ใช้เครื่องเทศแต่งกลิ่นอาหารคาวหวาน โดยเฉพาะพวกเข้าเครื่องแกงแบบอินเดีย อีกทั้งเมล็ดยังช่วยเพิ่มรสให้กับพวกซุป ซอสต่าง ๆ ขนมปัง เค้ก บิสกิต ฯลฯ ได้อีกด้วย[3]
- เนื่องจากสมุนไพรชนิดนี้มีกลิ่นหอม ทางยุโรปและอินเดีย จึงนิยมใช้น้ำมันจากผลเทียนสัตตบุษย์ (Oil of anise) เป็นส่วนผสมในยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก ใช้ผสมเครื่องหอม สบู่ และของหอมชนิดอื่น ๆ ใช้แต่งกลิ่นน้ำยาบ้วนปาก แต่งกลิ่นอาหาร ลูกกวาด เครื่องดื่ม เหล้า ใช้แต่งกลิ่นบุหงา และกลบกลิ่นไม่ดีของยา แต่ต้องใช้ในปริมาณที่กำหนด[1],[3]
- บ้างใช้น้ำมันจากเมล็ดเป็นยาฆ่าแมลงต่าง ๆ เช่น หมัด เหา เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เทียนสัตตบุษย์”. หน้า 280.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เทียนสัตตบุษย์ Anise”. หน้า 215.
- ไทยเกษตรศาสตร์. “เทียนสัตตบุษย์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaikasetsart.com. [05 ธ.ค. 2014].
- หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์ขยายหลอดลมของเทียนสัตตบุษย์”. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/. [04 ธ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Víctor, Achégate, Bogumil Rychlak, Kenko.), www.luontoportti.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)