20 สรรพคุณและประโยชน์ของอะโวคาโด ! (Avocado)

อะโวคาโด

อะโวคาโด, อาโวคาโด, อาโวกาโด, อโวคาโด้ (Avocado) หรือ ลูกเนย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Persea americana Mill จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE)

อะโวคาโดเป็นต้นไม้พื้นเมืองของเม็กซิโกในรัฐปวยบลา ในประเทศไทยมีการนำมาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย ลักษณะของผลจะมีรูปร่างคล้ายสาลี่ หรือรูปไข่จนถึงรูปกลม

อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แต่สำหรับบางคนแล้วกลับไม่ชอบรับประทานอะโวคาโดเอาเสียเลย เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน และมีไขมันสูง ผลไม้ชนิดนี้จึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย

แม้ว่าผลอะโวคาโดน้ำหนัก 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) จะมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม ! (ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นจะมีไขมันน้อยมากหรือไม่มีไขมันเลย) แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการรับประทานอะโวคาโดไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการรับประทานไขมันอื่นในปริมาณเท่ากัน แถมการรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย และไม่ทำให้อ้วน แถมยังช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย !

ประโยชน์ของอะโวคาโด

ประโยชน์ของอะโวคาโด

  1. อะโวคาโดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
  2. ประโยชน์ของอโวคาโดอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ จึงช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี
  3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้
  4. อะโวคาโดช่วยลดน้ำหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวและลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) ลงได้อย่างชัดเจน
  5. อะโวคาโดเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดได้ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย
  6. ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
  7. ในผลอะโวคาโดมีวิตามินซีซึ่งช่วยป้องกันหวัดได้
  8. อะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
  9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคปากนกกระจอก
  10. อะโวคาโดมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
  11. ไขมันในอะโวคาโดสามารถช่วยดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน เบตาแคโรทีน หรือลูทีนในผักผลไม้ต่าง ๆ
  12. การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดความถี่ของการเกิดโรคเหน็บชาได้
  13. อะโวคาโดมีประโยชน์อย่างมาก ซึ่งเหมาะให้ลูกน้อยรับประทานเป็นอาหารเสริม แม้ว่าจะมีแคลอรีสูงแต่ก็อุดมไปด้วย DHA และไขมันดี (HDL) ในปริมาณที่สูงเช่นกัน
  14. อะโวคาโด เมนูอะโวคาโดมีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะจำเป็นสำหรับทารกในครรภ์
  15. น้ำมันอะโวคาโดเป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดหากเทียบกับน้ำมันอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด อัลมอนด์ หรือแม้กระทั่งน้ำมันมะกอก
  16. น้ำมันอะโวคาโดสามารถนำมาใช้นวดศีรษะเพื่อช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้
  17. อะโวคาโด ประโยชน์นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือรับประทานร่วมกับไอศกรีม นมข้นหวาน น้ำตาล เค้ก สลัด ฯลฯ
  18. เนื้อของอะโวคาโดสามารถนำมาปรุงอาหารแทนเนยได้
  19. สามารถนำมาสกัดน้ำมันทำเป็นเครื่องสำอางได้
  20. อะโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้

คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดดิบต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 160 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม
  • น้ำตาล 0.66 กรัม
  • เส้นใย 6.7 กรัม
  • ไขมัน 14.66 กรัม
  • กรดไขมันอิ่มตัว 2.13 กรัม
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 9.8 กรัม
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1.82 กรัม
  • โปรตีน 2 กรัม
  • น้ำ 73.23 กรัม
  • วิตามินเอ 7 ไมโครกรัม 1%
  • เบตาแคโรทีน 42 ไมโครกรัม 1%
  • ลูทีนและซีแซนทีน 271 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
  • วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม 11%
  • วิตามินบี 3 1.738 มิลลิกรัม 12%
  • วิตามินบี 5 1.389 มิลลิกรัม 28%
  • วิตามินบี 6 0.257 มิลลิกรัม 20%
  • วิตามินบี 9 81 ไมโครกรัม 20%
  • วิตามินซี 10 มิลลิกรัม 12%
  • วิตามินอี 2.07 มิลลิกรัม 14%
  • วิตามินเค 21 ไมโครกรัม 20%
  • ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม 1%
  • ธาตุเหล็ก 0.55 มิลลิกรัม 4%
  • ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม 8%
  • ธาตุแมงกานีส 0.142 มิลลิกรัม 7%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม 7%
  • ธาตุโพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม 10%
  • ธาตุโซเดียม 7 มิลลิกรัม 0%
  • ธาตุสังกะสี 0.64 มิลลิกรัม 7%
  • ธาตุฟลูออไรด์

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

อะโวคาโดกินอย่างไร วิธีกินอะโวคาโดไม่นิยมรับประทานผลดิบเนื่องจากมีรสขม แต่นิยมรับประทานแบบสุก ด้วยการปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าใส่น้ำกะทิ หรือจะผ่าตามยาว เอาเมล็ดออกแล้วราดด้วยน้ำผึ้งแล้วรับประทานก็ได้

โทษของอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

วิธีทำน้ำอะโวคาโด

  1. วิธีทำน้ำอะโวคาโดการทำน้ำอะโวคาโด อย่างแรกให้เราเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ผลอะโวคาโดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย / มะเขือเทศล้างสะอาด 1 ผล / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา / น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / น้ำเปล่า / น้ำแข็ง / เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  2. นำผลอะโวคาโดที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำอะโวคาโด
  3. นำมะเขือเทศที่เตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำมะเขือเทศ
  4. หลังจากนั้นให้นำน้ำอะโวคาโด น้ำมะเขือเทศที่ได้มา น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือป่น น้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนละลายเข้ากัน นำใส่แก้วและน้ำแข็งดื่มแก้กระหายได้เลย

สูตรมาส์กหน้าอะโวคาโด

สูตรคลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวหน้า

  1. ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโดบดละเอียด ครึ่งลูก / ไข่แดง 1 ฟอง / นมครึ่งถ้วย
  2. นำไข่แดงมาตีจนเข้ากันแล้วเติมนม และตามด้วยเนื้ออะโวคาโดที่เตรียมไว้ตามลำดับ แล้วตีส่วนผสมให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อครีมคล้ายโลชัน
  3. หลังจากนั้นให้ใช้สำลีแผ่นชุมครีมแล้วนำมาเช็ดหน้าให้ทั่วเหมือนคลีนเซอร์ทั่ว ๆ ไป
  4. คุณสามารถใช้สูตรนี้หลังการล้างหน้าแบบปกติที่ทำอยู่ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวหน้าปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างได้เป็นอย่างดี

สูตรสำหรับผิวที่เสี่ยงต่อความแห้งกร้าน

  1. อะโวคาโดพอกหน้าให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโด 2 ผล / น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  2. นำเนื้ออะโวคาโดใส่ลงในเครื่องปั่นแล้วตามด้วยน้ำผึ้งและน้ำมะนาว
  3. ปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมที่มีลักษณะข้น แล้วนำมาใส่ถ้วยที่เตรียมไว้
  4. นำส่วนผสมที่ได้มาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นบริเวณขอบตาและริมฝีปาก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
  5. ระหว่างที่รอไม่ควรขยับใบหน้าหรือยิ้มแสดงอารมณ์ เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยย่นหรือรอยพับบริเวณใบหน้าได้
  6. หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและคลีนเซอร์
  7. เมื่อเสร็จแล้วให้เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้วบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือจะใช้เดย์ครีมหรือไนท์ครีมก็ได้ตามปกติ
  8. ทำติดต่อกันเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งจะช่วยทำให้ผิวสดชื่น ไม่แห้งกร้าน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ตากแดดตากลมเป็นประจำอย่างมาก

สูตรสำหรับผิวแห้ง

  1. ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ไข่แดง 1 ฟอง / เนื้ออะโวคาโดบดละเอียดครึ่งลูก
  2. นำไข่แดงมาตีให้เข้ากัน แล้วตามด้วยเนื้ออะโวคาโด คนจนเข้ากัน หรือจะใช้เครื่องปั่นก็ได้
  3. ล้างหน้าให้สะอาดแล้วก็นำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
  4. หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดหน้าให้แห้ง
  5. หลังจากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ผลที่ได้จะทำให้ผิวหน้าสดใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และทำให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้นอีกด้วย

สูตรสำหรับผิวมัน

  1. ขั้นตอนแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโดครึ่งลูก / ไข่ขาว 1 ฟอง / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  2. นำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาปั่นรวมกันในเครื่องปั่นจนเนื้อเข้ากัน
  3. ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าหรือลำคอก็ได้ พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
  4. หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณปราศจากความมันได้แล้ว

สูตรบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น

  1. ขั้นตอนแรกให้ทำตามสูตรสำหรับผิวมันให้เสร็จ
  2. หลังจากนั้นให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เปลือกอะโวคาโดครึ่งลูก เพราะเปลือกนั้นจะอุดมไปด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะมีสารห่อหุ้มความชุ่มชื้นที่จะช่วยทำให้ผิวหน้ารู้สึกสดชื่น
  3. ให้นำเปลือกอะโวคาโดที่เตรียมไว้มาถูและนวดบนใบหน้าในแนวขึ้น
  4. ทิ้งให้น้ำมันจากเปลือกอะโวคาโดซึมเข้าสู่ผิวประมาณ 15 นาที
  5. เมื่อครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นเป็นอันเสร็จ แต่หากทำก่อนเข้านอนสามารถทาทิ้งไว้ได้ตลอดคืนโดยไม่ต้องล้างออก จบเพียงเท่านี้กับสูตรอะโวคาโดพอกหน้า

แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (นิดดา หงส์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด