สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) จัดเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากและเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะเปี่ยมด้วยสารฟลาโวนอยด์ซึ่งมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าวิตามินซีและวิตามินอี
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่นในรูปของอาหารเสริมมักมีวางจำหน่ายในรูปแบบของอาหารเสริม ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของซอฟเจลหรือแคปซูล
- ขนาดที่แนะนำให้คุณรับประทานโดยประมาณของสารสกัดเมล็ดองุ่นคือ 100 mg. ต่อวัน โดยแบ่งรับประทานเป็นวันละ 2 เวลา ครั้งละ 50 mg.
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งในระยะแรกควรรับประทาน 200 mg. ต่อวัน หากเป็นมะเร็งระยะแพร่กระจายแล้วควรรับประทานวันละ 500 mg.
คำแนะนำและข้อควรระวัง
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่นอาจมีผลในเรื่องของการชะลอการแข็งตัวของเลือด (ทำให้เลือดแข็งตัวช้า)
- ผู้ที่รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือผู้ที่เป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด ไม่ควรรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
- ก่อนการผ่าตัดหรือทำฟัน คุณควรหยุดรับประทานอาหารเสริมจากสารสกัดจากเมล็ดองุ่น เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายไหลไม่หยุด
ประโยชน์ของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
- เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ เพราะอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง และช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอไม่ให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยและแห้งกร้านของเซลล์ผิว ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
- ช่วยปกป้องดวงตาของคุณหรือโรคที่เกี่ยวกับการมองเห็นอื่น ๆ ด้วยการป้องกันและรักษาโรคต้อหิน ศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม
- ช่วยในการรักษาโรคเบาหวานขึ้นตา
- ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ
- ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน
- ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ
- ช่วยป้องอันตรายจากรังสีและเคมีบำบัดบางชนิดได้ด้วย
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วยการยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน
- มีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- มีผลคล้ายกับยาแอสไพรินในการชะลอการเกิดลิ่มเลือดอีกด้วย
- ช่วยรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก หรือเส้นเลือดฝอยเปราะได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
- ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ซึ่งสารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะเข้าไปทำลายเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ และหอบหืด
- ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ
- ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ
- ช่วยลดอาการบวมหลังจากเข้ารับการผ่าตัด
- ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ลดแผลในช่องปาก และโรคเริมในช่องปาก
- ช่วยลดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย แต่ทั้งนี้ควรออกกำลังกายด้วยเป็นประจำ
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)