11 ประโยชน์ของวิตามินบี 6 (Pyridoxine-ไพริด็อกซิน) !

วิตามินบี 6

  • วิตามินบี 6 หรือ ไพริด็อกซิน เป็นคำที่ใช้เรียกรวมกันของกลุ่มสารที่มีโครงสร้างคล้ายกันและทำงานร่วมกัน ซึ่งประกอบไปด้วยไพริด็อกซิน ไพริด็อกซาล และไพริด็อกซามีน ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน และมีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (mg.)
  • แบคทีเรียในลำไส้บางชนิดสามารถสังเคราะห์วิตามินบี 6 เองได้ โดยเฉพาะหากมีการรับประทานร่วมกับเซลลูโลสเสริม และวิตามินบี 6 มีความจำเป็นต่อการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแมกนีเซียม ร่างกายมีความจำเป็นต้องใช้วิตามินบี 6 ในการสร้างแอนติบอดีและเม็ดเลือดแดง
  • แหล่งที่พบวิตามินบี 6 ตามธรรมชาติ ได้แก่ บริเวอร์ยีสต์ รำข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัต กะหล่ำปลี กากน้ำตาล แคนตาลูป ไข่ ตับ ปลา เป็นต้น (นมเป็นแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 6 ค่อนข้างต่ำ)
  • ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจเกิดอาการกระสับกระส่ายในเวลานอน ฝันเหมือนจริงเกินไป เท้าชาและมีอาการกระตุก สำหรับผู้ที่รับประทานขนาด 2,000 – 10,000 มิลลิกรัมทุกวัน อาจทำให้เกิดปัญหาต่อระบบประสาทได้ ขอแนะนำว่าควรรับประทานขนาดไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ต่อวันจะปลอดภัยกว่า
  • ศัตรูของวิตามินบี6 ได้แก่ การเก็บไว้นานเกินไป การบรรจุในกระป๋อง จากกระบวนการแปรรูปอาหาร การย่างหรือต้ม การแช่แข็งผักและผลไม้ น้ำ แอลกอฮอล์ และฮอร์โมนเอสโตรเจน และโรคจากการขาดวิตามินบี6 คือ โรคโลหิตจาง ผื่นผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน

ประโยชน์ของวิตามินบี 6

  1. วิตามินบี6ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
  2. ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
  3. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
  4. ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
  5. ช่วยเปลี่ยนรูปของทริปโตเฟนให้เป็นไนอะซิน (วิตามินบี 3)
  6. ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด
  7. ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
  8. ช่วยชะลอวัยได้
  9. เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ
  10. ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด
  11. ลดอาการปากแห้งและปัญหาด้านการปัสสาวะที่เกิดจากการรับประทานยาต้านอาการซึมเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก

คำแนะนำในการรับประทานวิตามินบี 6

  • วิตามินบี 6 ในรูปแบบของอาหารเสริมมีขนาดตั้งแต่ 50-500 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแยกเดี่ยว แบบเป็นวิตามินรวม และในรูปของวิตามินบีรวม ควรหาซื้อที่เป็นสูตรแตกตัวช้า ซึ่งจะค่อย ๆ แตกตัวโดยใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดอื่น ๆ ควรรับประทานวิตามินบี 6 ในปริมาณที่เท่า ๆ กันกับวิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2
  • โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 1.6 – 2 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่, 2.2 มิลลิกรัมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และ 2.1 มิลลิกรัมสำหรับหญิงผู้ให้นมบุตร
  • วิตามินบี 12 ต้องใช้วิตามินบี 6 เพื่อช่วยในการดูดซึม
  • หากคุณรับประทานยาคุมกำเนิด ร่างกายคุณจะต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้น
  • เมื่อรับประทานอาหารประเภทที่มีโปรตีนสูง ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
  • ผู้ที่รับประทานอาหารโปรตีนสูงจะต้องการวิตามินชนิดนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ
  • การรับประทานวิตามินบี 6 และกรดโฟลิกจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้
  • ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบและกำลังรักษาด้วยตัวยาคูพริมิน ควรรับประทานวิตามินบี6 เสริม
  • วิตามินบี 6 จะทำงานได้ดีที่สุดหากรับประทานร่วมกับวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินซี และแมกนีเซียม
  • วิตามินบี 6 อาจลดความต้องการอินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และหากไม่ปรับขนาดยาอาจส่งผลให้เกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำได้
  • สำหรับผู้ที่รับประทานยาลีโวโดปาเพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน ไม่ควรรับประทานวิตามินบี6เสริม

แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด