ลูกพลับ สรรพคุณและประโยชน์ของลูกพลับ 34 ข้อ !

พลับ

พลับ ชื่อสามัญ Persimmon

พลับ ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros kaki L.f. (ญี่ปุ่น), Diospyros virginiana L. (ยุโรป) จัดอยู่ในวงศ์มะพลับ (EBENACEAE)

ต้นพลับ มีอยู่หลายสปีชีส์ด้วยกัน โดยสปีชีส์ที่นิยมปลูกในบ้านเรามากที่สุดก็คือสปีชีส์ Diospyros kaki L.f. (ญี่ปุ่นจะเรียกว่า “คาขิ“) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในภาคเหนือของจีน มีการรับประทานลูกพลับมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น และต่อมาได้แพร่กระจายพันธุ์เข้าไปในญี่ปุ่น และในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นผลไม้ยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นไปแล้ว และก็มีลูกพลับอีกสปีชีส์หนึ่งที่นิยมปลูกในยุโรปซึ่งก็คือสปีชีส์ Diospyros virginiana L.

ลักษณะของต้นพลับ

  • ต้นลูกพลับ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบสีเขียวคล้ายรูปหัวใจ มีดอกสีเหลืองทรงคล้ายระฆัง ลักษณะของผลลูกพลับจะมีอยู่หลายรูปทรง ทั้งแบบกลม แบบกรวย กลมแบน ส่วนผลอ่อนของลูกพลับจะเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีเหลือง เนื้อแข็ง เป็นสีส้ม ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลประมาณ 8 เมล็ด

ต้นลูกพลับ

ดอกพลับ

  • ลูกพลับ สามารถจำแนกตามรสชาติได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ลูกพลับหวาน เช่น พันธุ์ฟูยุ (รสหวาน ผลสุกสีส้มอมเหลือง สามารถรับประทานสด ๆได้) และลูกพลับฝาด เช่น พันธุ์ซิชู พันธุ์ฮาชิยา (รสฝาด เนื้อนิ่ม ผลสุกเนื้อสีส้มอมแดง ต้องนำมาผ่านกระบวนการลดความฝาดก่อนถึงจะรับประทานได้)

ลูกพลับ

พลับ

ประโยชน์ของพลับ

  1. ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีและไขมันต่ำ ทั้งยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
  2. ลูกพลับมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ
  3. หากนำลูกพลับมาหมักให้เปรี้ยว 1 ปีขึ้นไปจะมีสรรพคุณทางยาสูงขึ้น ช่วยบำรุงร่างกาย แก้อาการเหนื่อยล้า
  4. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันต้อกระจก ตาฟาง
  5. ช่วยบำรุงลำไส้ บำรุงปอดและม้าม
  6. ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
  7. ช่วยแก้หืดหอบ (ผลแห้ง)
  8. ช่วยลดความดันโลหิต
  9. ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจและปอดได้
  10. ช่วยแก้โรคปอดและกระเพาะอาหาร ซึ่งเกิดจากการสร้างพลังงานของปอดที่ลดลง ทำให้มีอาการไอ หายใจติดขัด เส้นผมหลุดร่วงหยาบกระด้าง หากเป็นติดต่อกันนาน ๆ ชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูกจะสร้างสารผิดปกติในผนังกระเพาะอาหารได้
  1. ใช้เป็นยาบรรเทาอาการร้อนใน (ผลแห้ง)
  2. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ (ผลแห้ง)
  3. ส่วนกลีบเลี้ยงหรือก้านของผลลูกพลับสามารถนำมาทำเป็นยาเพื่อใช้แก้อาการสะอึกได้
  4. ช่วยบรรเทาอาการไข้เพ้อหรือไข้ที่เกิดจากอาการโกรธสุดขีด
  5. ช่วยแก้ไอ (ผลสด, ผลแห้ง)
  6. ช่วยขับเสมหะ (ผลแห้ง)
  7. ช่วยแก้พิษสุรา (ผลสด)
  8. ช่วยแก้อาการท้องเดิน (ผลสด)
  9. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารและลำไส้ (ผลแห้ง)
  10. ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องซึ่งมีสาเหตุมาจากความเย็น เช่น ประจำเดือน ปวดบิด เป็นต้น
  11. ช่วยแก้อาการบิดในเด็กที่ถ่ายเป็นมูกเลือด
  12. ช่วยแก้อาการถ่ายเป็นเลือด
  13. ช่วยในการขับถ่าย แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง
  14. ช่วยแก้และบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร (ผลแห้ง)
  15. ช่วยแก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด (ผลแห้ง)
  16. ช่วยแก้ต่อมไทรอยด์บวม (ผลดิบ)
  17. ผลสดมีสรรพคุณเป็นยาห้ามเลือด (ผลสด)
  18. ช่วยลดผื่นจากไข้ หรือผื่นที่เกิดจากความร้อน
  19. ช่วยแก้พิษจากเหล้า ช่วยทำให้หายจากการอาเจียนเป็นเลือด
  20. มีส่วนช่วยลดฝ้า กระ บนใบหน้า

ประโยชน์ของพลับ

  1. นอกจากจะใช้รับประทานเป็นผลไม้สดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นลูกพลับแห้ง พลับเชื่อม น้ำลูกพลับ แยมลูกพลับ ฯลฯ
  2. ใบสามารถนำมาทำเป็นชาไว้ชงดื่มได้ ด้วยการใช้ใบตากแห้งต้มกับน้ำเดือด ก็จะช่วยลดอาการแข็งตัวของหลอดเลือด แก้เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบตัน ลดความดัน ช่วยระบาย แก้อาการนอนไม่หลับ เป็นต้น
  3. เนื้อไม้สามารถนำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้
  4. สำหรับชาวจีนแล้วผลไม้อย่างลูกพลับเป็นที่นิยมรับประทานอย่างมาก และถือว่าลูกพลับเป็นผลไม้มงคลที่แสดงถึงความมั่งมีศรีสุข เนื่องจากเปลือกของลูกพลับเมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองทองราวกับทองคำ จึงเปรียบได้ดั่งผลไม้จากสรวงสวรรค์นั่นเอง และลูกพลับยังเป็นที่นิยมนำมาเป็นของขวัญตามเทศกาลต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานลูกพลับวันละ 1 ผลจะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก

คุณค่าทางโภชนาการของลูกพลับ (สายพันธุ์ D.virginiana) ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 127 กิโลแคลอรี (531 กิโลจูล)
  • คาร์โบไฮเดรต 33.5 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • โปรตีน 0.8 กรัม
  • วิตามินซี 66 มิลลิกรัม 80%
  • ธาตุแคลเซียม 27 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุเหล็ก 2.5 มิลลิกรัม 19%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม 4%
  • ธาตุโพแทสเซียม 310 มิลลิกรัม 7%
  • ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม 0%

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

คุณค่าทางโภชนาการของลูกพลับ (สายพันธุ์ D.kaki) ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 70 กิโลแคลอรี (293 กิโลจูล)
  • คาร์โบไฮเดรต 18.59 กรัม
  • น้ำตาล 12.53 กรัม
  • เส้นใย 3.6 กรัม
  • ไขมัน 0.19 กรัม
  • โปรตีน 0.58 กรัม
  • วิตามินเอ 81 ไมโครกรัม, 1627 IU
  • เบตาแคโรทีน 253 ไมโครกรัม
  • ลูทีนและซีแซนทีน 834 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 6 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 9 8 ไมโครกรัม
  • โคลีน 7.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 7.5 มิลลิกรัม
  • วิตามินอี 7.5 มิลลิกรัม
  • วิตามินเค 2.6 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 8 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.15 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมกนีเซียม 9 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมงกานีส 0.355 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 17 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 161 มิลลิกรัม
  • ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม
  • ธาตุสังกะสี 0.11 มิลลิกรัม

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

คำแนะนำ : สำหรับผู้ที่มีอาการไข้ หรือเป็นหวัด ถ่ายบ่อย หรือม้ามและกระเพาะไม่ค่อยแข็งแรงไม่ควรรับประทานลูกพลับ และสำหรับลูกพลับหวานควรระวังสารโซเดียมไซคลาเมต (Sodium Cyclamate) และสารซัคคาริน (Saccharin)

แหล่งอ้างอิง : หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์, นิดดา หงษ์วิวัฒน์), หนังสือสมุนไพร 91 ชนิดพิชิตโรค ชุดตำรายาล้ำค่าของหมอโฮจุน, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด