27 สรรพคุณและประโยชน์ของบีทรูท ! (Beetroot)

27 สรรพคุณและประโยชน์ของบีทรูท ! (Beetroot)

บีทรูท

บีทรูท ชื่อสามัญ Garden beet, Common beet

บีทรูท ชื่อวิทยาศาสตร์ Beta vulgaris L. จัดอยู่ในวงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHACEAE)

บีทรูท หรือ บีตรูต (อ่านว่า บีท-รูท) มีชื่อเรียกอื่นว่า ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง

บีทรูท เป็นผักเพื่อสุขภาพประจำเมืองหนาวที่ปลูกกันมากทางภาคเหนือของบ้านเรา โดยมีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถบยุโรป โดยมีรากหรือหัวพืชที่สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีลักษณะทรงกลมป้อม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร เนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมู ม่วงแดง และเหลือง

การเลือกซื้อและการเก็บรักษาบีทรูท สำหรับการเลือกซื้อควรเลือกหัวบีทรูทที่มีขนาดเล็ก เพราะจะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานมากกว่าหัวบีทรูทขนาดใหญ่ มีผิวไม่เหี่ยว จับดูเนื้อแล้วไม่นิ่ม แต่ถ้าใบติดอยู่ด้วย ก็ให้เลือกหัวที่ใบยังสดอยู่ แล้วนำมาตัดใบให้เหลือก้านประมาณ 3 เซนติเมตร หลังจากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วเก็บใส่ในถุงตาข่าย วางไว้ในที่ร่ม หรือจะนำมาแช่ในตู้เย็นตรงช่องเก็บผักก็ได้ ซึ่งจะเก็บไว้ได้นานถึง 2 อาทิตย์

หัวบีทรูท มีสารสีแดงที่มีชื่อว่า บีทานิน (Betanin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโน เป็นตัวช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ แถมยังทำให้เลือดลมและระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารสีม่วงที่มีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดสารก่อมะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและอัมพาตได้อีกด้วย !

โดยบีทรูทจะมีขายทางภาคเหนือซะเป็นส่วนมากและมีขายทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แต่ถ้าเป็นกรุงเทพก็หาซื้อได้ที่ตลาด อ.ต.ก, ตลาดไทย, ตลาดสี่มุมเมือง และในห้างต่าง ๆ โดยราคาของบีทรูทก็อยู่ที่ประมาณ 45-70 บาทต่อ 1 กิโลกรัม

ประโยชน์ของบีทรูท

  1. บีทรูทมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
  2. การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16% ถ้าหลังจากดื่มน้ำบีทรูทแล้วขับถ่ายออกมามีสีแดงปนเปื้อนมาด้วยก็ไม่ต้องตกใจ มันไม่ใช่เลือดแต่เป็นเพราะร่างกายขับสารสีแดงออกมาเท่านั้นเอง
  3. สารสกัดจากบีทรูทที่อุดมไปด้วยไนเตรตเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ช่วยลดการสะสมไขมันและลดการอุดตันในหลอดเลือด (The American Journal of Clinical Nutrition – Dietary nitrate improves vascular function in patients with hypercholesterolemia: a randomized, double-blind, placebo-controlled study)
  4. ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  5. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  6. ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  7. ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก (สารบีทานิน)
  8. ช่วยลดจำนวนสารก่อมะเร็งในร่างกาย (แอนโทไซยานิน)
  9. ช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง
  10. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ (แอนโทไซยานิน)
  1. ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัมพาต (แอนโทไซยานิน)
  2. การดื่มน้ำบีทรูทมีส่วนช่วยลดความดันเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง
  3. ช่วยแก้อาการไอ เจ็บคอ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  4. ช่วยขับเสมหะ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  5. ใช้รับประทานเป็นอาหารเพื่อช่วยรักษาอาการท้องผูก
  6. ใช้เป็นยาระบาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  7. ช่วยขับปัสสาวะ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
  8. ช่วยบำรุงไตและถุงน้ำดี (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  9. ช่วยลดอาการบวมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
  10. บีทรูทมีสรรพคุณช่วยแก้ปัญหาอาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติได้
  11. ปัจจุบันมีการนำไปใช้รักษาสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบ น้ำเหลืองเสียซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการใช้หัวบีทรูท 1 หัว นำมาต้มกับน้ำปริมาณตามใจชอบ
  12. นำมาดื่มในขณะอุ่น ๆ หรือจะรับประทานเนื้อด้วยก็ได้จะช่วยบำบัดอาการสิวและน้ำเหลืองเสียได้เป็นอย่างดี
  13. บีทรูทมีประโยชน์สามารถใช้เป็นสีจากธรรมชาติผสมอาหารได้
  14. สามารถนำมาดองทำเป็นน้ำส้มสายชูได้
  15. หัวบีทรูทใช้ในงานแกะสลักตกแต่งอาหารก็ได้เช่นกัน
  16. ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น สาคูไส้บีทรูท สลัดน้ำบีทรูท ขนมบีทรูท ขนมเค้ก เยลลี่บีทรูท พุดดิ้งนมสดบีทรูท พาสต้า ไอศกรีม ฯลฯ
  17. สามารถนำมาทำเป็นไวน์หรือเครื่องดื่มแบบสมูทตี้ หรือจะปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ เช่น องุ่น เสาวรส แตงโม แคร์รอต แอปเปิล ฯลฯ

คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบต่อ 100 กรัม

  • บีตรูตพลังงาน 43 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 9.56 กรัม
  • น้ำตาล 6.76 กรัม
  • เส้นใย 2.8 กรัม
  • ไขมัน 0.17 กรัม
  • โปรตีน 1.61 กรัม
  • น้ำ 87.58 กรัม
  • วิตามินเอ 2 ไมโครกรัม 0%
  • เบตาแคโรทีน 20 ไมโครกรัม 0%
  • วิตามินบี 1 0.031 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี 2 0.04 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี 3 0.334 มิลลิกรัม 2%
  • วิตามินบี 5 0.155 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี 6 0.067 มิลลิกรัม 5% บีทรูท สรรพคุณ
  • วิตามินบี 9 109 ไมโครกรัม 27%
  • วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแคลเซียม 16 มิลลิกรัม 2%
  • ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแมกนีเซียม 23 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุแมงกานีส 0.329 มิลลิกรัม 16%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม 6%
  • ธาตุโพแทสเซียม 325 มิลลิกรัม 7%
  • ธาตุโซเดียม 78 มิลลิกรัม 5%
  • ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%

% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

น้ำบีทรูท

  1. วิธีทำน้ำบีทรูทวิธีทำน้ำบีทรูท อย่างแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ หัวบีทรูทสด 2 หัว / น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย / เกลือป่น 1/3 ช้อนชา / น้ำสะอาด 1 ถ้วย
  2. นำบีทรูทมาปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  3. นำบีทรูทที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องปั่นแยกกาก ถ้าไม่มีเครื่องแยกกากก็ให้ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แต่ต้องหั่นเป็นฝอย ๆ ก่อนนำลงไปปั่น
  4. เมื่อเสร็จให้กรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อทำการแยกกากออก
  5. นำน้ำที่ได้ใส่หม้อตั้งไฟ จากนั้นเติมน้ำตาลทรายและเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
  6. นำมาเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งบดดื่มได้เลยเป็นอันเสร็จ

แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด