น้ำ (Water)
น้ำ คือสารอาหารที่สำคัญที่สุดของร่างกาย เพราะว่า 4/5 ส่วนของน้ำหนักตัวก็คือน้ำ มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายสัปดาห์หากขาดอาหาร แต่จะอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้ำ โดยน้ำทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหลักสำหรับอาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยในกระเพาะ แต่ยังไม่มีปริมาณที่ให้ดื่มเฉพาะเจาะจงในแต่ละวัน เพราะการสูญเสียน้ำของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วการดื่มน้ำประมาณ 8 แก้วต่อวันถือว่าดีต่อสุขภาพ
สำหรับผู้สูงอายุจะไม่ค่อยมีความรู้สึกกระหายน้ำ แม้ในยามที่ร่างกายต้องการก็ตาม โดยกาแฟและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มักจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ และไม่นับสิ่งเหล่านี้เป็นปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวันรวมไปถึงนมด้วย เพราะนมเป็นอาหาร ดังนั้นไม่ควรจะคิดว่าการดื่มนมนั้นจะทดแทนการดื่มน้ำเปล่าได้ สำหรับหญิงให้นมบุตรอาจต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้นจากปกติ เนื่องจากต้องสูญเสียน้ำไปในน้ำนม หรือถ้าหากคุณเป็นไข้หวัด คุณควรพยายามดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ และเพื่อช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย สำหรับผู้ที่มักมีปัสสาวะสีเหลืองเข้มอาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน ไอบูโทรเฟน ยาปฏิชีวนะ คุณควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพราะยาเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะ คุณไม่ควรดื่มน้ำจากก๊อกน้ำร้อน เพราะน้ำร้อนอาจจะไปละลายสารตะกั่วจากท่อออกมาได้ หรือสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ใช้น้ำกระด้าง ร่างกายคุณอาจจะต้องได้รับแคลเซียมและแมกนีเซียมเพิ่มขึ้น คุณไม่ควรนำขวดน้ำพลาสติกที่มีน้ำอยู่ไปแช่แข็ง เพราะจะทำให้สารไดออกซิน (สารก่อมะเร็ง) ออกมาจากพลาสติกได้ ! และสำหรับบ้านใครที่มีท่อน้ำเป็นตะกั่ว ควรให้หน่วยงานที่ดูแลด้านสุขภาพในพื้นที่มาวิเคราะห์สภาพน้ำให้ เพราะน้ำที่มีค่า pH ไม่ถูกต้องอาจละลายสารตะกั่วออกมาจากท่อก็เป็นได้
ประโยชน์ของน้ำดื่ม
- ประโยชน์ของน้ำดื่ม ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งสดใส
- น้ำช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เพราะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวของเราแห้งกร้าน
- ช่วยให้ดวงตาของคุณดูสดใส มีชีวิตชีวา
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
- ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลในร่างกาย
- ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สบายใจ
- น้ำช่วยให้สมองทำงานได้ไวและดียิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนควรให้ความสำคัญ
- ช่วยลดการเกิดกลิ่นปาก
- ช่วยชะลอความแก่ ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ขาดน้ำ และทำงานได้อย่างเป็นปกติ
- ช่วยลดอาการเครียด สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่าเครียดจนลืมดื่มน้ำ !
- น้ำช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเราได้ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่
- น้ำสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนังของคุณได้ แถมยังป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย
- ช่วยลดการปวดหลังหรือบั้นเอว
- ช่วยลดอาการปวดข้อต่าง ๆ
- ช่วยให้ข้อต่อต่าง ๆในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น เคลื่อนไหวไปมาได้สะดวก
- รู้หรือไม่ว่าน้ำก็คือยาวิเศษดี ๆ นี่เอง ถึงแม้จะไม่เห็นผลทันตาแต่ก็สามารถช่วยรักษาโรคหลาย ๆ ชนิดได้
- น้ำช่วยลดอาการการปวดศีรษะและไมเกรนได้ไม่มากก็น้อย เพราะผู้ป่วยไมเกรนหากร่างกายขาดน้ำหรือได้รับไม่เพียงพอแล้ว อาการปวดหัวอาจจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
- ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะทำให้ระบบย่อยอาหารทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
- สำหรับผู้ที่ท้องผูก น้ำคือสิ่งจำเป็นอย่างมาก
- น้ำมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักตัว โดยไปลดความอยากอาหารก่อนการรับประทานอาหารนั่นเอง
- การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายของเราให้ลดลงได้
- ช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
- ช่วยรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรง
- ประโยชน์ของการดื่มน้ำ ประการสุดท้ายก็คือช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในไต
โทษของน้ำ
- โรคที่เกิดจากการขาดน้ำที่เรามักพบเห็นก็คือ โรคภาวะขาดน้ำหรือดีไฮเดรชัน (Dehydration)
- การดื่มน้ำประมาณ 1 – 1.15 แกลลอน หรือ 16-24 แก้ว ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อาจทำให้เกิดอันตรายในวัยผู้ใหญ่ หรืออาจทำให้เด็กอ่อนเสียชีวิตได้
- การดื่มน้ำระหว่างหรือรับประทานอาหารทันทีหรือบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้
ประโยชน์ของน้ำ
- ประโยชน์ของน้ำในเรื่องอื่น ๆ มนุษย์ทั่วไปใช้น้ำในบ้านเรือน เช่น อาบน้ำ ซักผ้า ชำระล้าง ปรุงอาหาร เป็นต้น
- น้ำในด้านอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการถลุงเหล็ก เป็นต้น
- ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำต่าง ๆ
- ใช้เป็นทางคมนาคมขนส่ง เช่น ทางเรือ เป็นต้น
- พลังงานของน้ำในเขื่อนสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้
- ใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร เช่น การเพาะปลูกต่าง ๆ
การดื่มน้ำอย่างถูกวิธี
- น้ำที่ดื่มถ้าจะให้ดีต้องเป็นน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนมากหรือเย็นจัด แต่ก็ยกเว้นในบางกรณี เช่น ตอนเช้าถ้าเป็นไปได้ควรดื่มน้ำอุ่นเพราะจะช่วยในการขับถ่ายให้ดียิ่งขึ้น ลำไส้ก็จะสะอาดมากขึ้นตามไปด้วย
- การดื่มนั้นที่ถูกต้องนั้น ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือจะให้ดีก็วันละ 14 แก้ว หรือโดยเฉลี่ยแล้วควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัวของคุณ เช่น ถ้าคุณมีน้ำหนัก 60 kg. ก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หรือประมาณ 10 แก้วนั่นเอง (กรณีนี้ให้นับรวมปริมาณอื่น ๆด้วย เช่น น้ำจากผักผลไม้ แกง ก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ ด้วย)
- ในตอนเช้าหลังตื่นนอนหรือก่อนแปรงฟัน ควรดื่มน้ำ 2-4 แก้ว เป็นน้ำอุ่น ๆ ได้ก็จะดีมาก
- ในระหว่างวันควรดื่มน้ำ 1 แก้วทั้งก่อนและหลังมื้ออาหารทุก ๆ มื้อ และในระหว่างช่วงสาย บ่าย เย็น ก็ควรดื่มน้ำอีกครั้งละ 1 แก้ว
- ในช่วงก่อนนอน น้ำอุ่น ๆ สัก 1 แก้วจะดีมาก
- การดื่มน้ำควรดื่มครั้งละแก้ว และที่สำคัญไม่ควรดื่มรวดเดียวหลาย ๆ แก้ว เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ “น้ำเป็นพิษได้”
- อย่าดื่มน้ำมากเกินไปก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือถ้าจะดื่มก็ควรดื่มน้ำก่อนสักประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 45 นาที
- ในระหว่างรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำตลอดเวลา เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ทำให้ระบบย่อยทำงานได้ไม่ดี
- ภายหลังจากรับประทานอาหารเสร็จไม่ควรดื่มน้ำทันที เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ โดยควรดื่มหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วครึ่งชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นและน้ำอัดลม เพราะน้ำเย็นจะไปดึงความร้อนในร่างกายมาทำให้น้ำที่เราดื่มเข้าไปมีอุณหภูมิเท่ากับร่างกายจึงจะดูดซึมได้ ทำให้ร่างกายเสียเวลาในการปรับสมดุลและสูญเสียพลังงาน
- สำหรับคุณผู้หญิงบางท่านที่มักมีอาการปวดประจำเดือน ช่วงที่มีประจำเดือนควรงดดื่มน้ำเย็น เพราะการดื่มน้ำเย็นจะทำให้อาการปวดทวีความรุนแรงมากขึ้น
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)