ช้าแป้น
ช้าแป้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Callicarpa arborea Roxb. ปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)[1],[2]
สมุนไพรช้าแป้น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผ้า (เชียงใหม่), สักขี้ไก่ (ลำปาง), เตน (เลย), เสี้ยม (จันทบุรี), ทับแป้ง (สระบุรี), หูควายใหญ่ (ชุมพร), หูควายขาว (สุราษฎร์ธานี), หูควาย (ตรัง), กะตอกช้าง ตาโมงปะสี (ยะลา), ฝ้า ฝ้าขาว พ่าขาว หูควาย (ภาคเหนือ), ผ้า (ภาคกลาง), ผ้าลาย (ภาคใต้), กะตอกช้าง ตาโมงปะสี ขลุ่ย (กะเหรี่ยง เชียงใหม่), เปอควุย และทุ่ง (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน), ดือดะดาปู (มลายู นราธิวาส) เป็นต้น[1],[2]
หมายเหตุ : ต้นช้าแป้นที่กล่าวถึงในบทความนี้เป็นคนละชนิดกับต้นช้าแป้นที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum erianthum D. Don อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความเรื่อง มะเขือดง
ลักษณะของช้าแป้น
- ต้นช้าแป้น จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงได้ประมาณ 4-12 เมตร กิ่งอ่อนค่อนข้างเป็นเหลี่ยมสี่มุม มีขนนุ่มสีน้ำตาลอมเทา เปลือกต้นขรุขระมีรอยแตกเป็นร่อง ๆ ตามส่วนต่าง ๆ ที่ยังอ่อนจะมีขนสั้นสีเทาหรือสีเหลืองขึ้นปกคลุม เนื้อไม้เป็นสีขาว ค่อนข้างอ่อนและเบา ขัดให้เป็นเงาได้ง่าย ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคม และเป็นผลในช่วงปลายฤดูฝน มีเขตการกระจายพันธุ์จากอินเดียตะวันออกถึงมาเลเซียและสุมาตรา พบขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้งบนเขา ที่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร[1],[2]
- ใบช้าแป้น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ลักษณะของใบเป็นรูปวงรี รูปวงรีแกมขอบขนาน หรือเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือหยัก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-30 เซนติเมตร ผิวใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขน เส้นแขนงใบมีประมาณ 8-12 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 2.5-6 เซนติเมตร[1],[2]
- ดอกช้าแป้น ออกดอกเป็นช่อกระจุก โดยจะออกบริเวณซอกใบ ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ดอกย่อยมีจำนวนมาก ดอกมีขนาดเล็กเป็นสีม่วง กลีบดอกเป็นสีม่วง เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 4 กลีบ ขนาด 3 มิลลิเมตร ส่วนกลีบรองดอกปลายเกือบเป็นเส้นตรง ขนาดประมาณ 15 มิลลิเมตร[1],[2]
- ผลช้าแป้น ผลเป็นผลสดขนาดเล็ก ฉ่ำน้ำ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร ผิวผลเรียบ ผลเป็นสีม่วง ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด[1],[2]
สรรพคุณของช้าแป้น
- ตำรายาพื้นบ้านจะใช้แก่นช้าแป้น ผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกรวม 35 ชนิด แล้วนำมาฝนกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้เปลี่ยนฤดูหรือสุกใส (แก่น)[1]
- ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้เปลือกต้นช้าแป้น นำมาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง และนั่งแช่รักษาอัมพาตระยะที่เพิ่งเป็นใหม่ ๆ (เปลือกต้น)[1]
- นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณตามคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรพื้นถิ่นว่าช้าแป้นมีสรรพคุณเป็นยาแก้แสลงในอาหาร (พ่อหมอสนธิ พวงโพธิ์พันธุ์), แก้ปากเปื่อยและร้อนใน (พ่อหมอบุญนาค เทพชมพู) (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ประโยชน์ของช้าแป้น
- ใบใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์[2]
- มักนำมาปลูกตามไหล่เขาเพื่ออนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร[2]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ช้าแป้น”. หน้า 56.
- สวนพฤกษศาสตร์ ตามพระราชเสาวนีย์ฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ช้าแป้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/pattani_botany/. [06 ม.ค. 2015].
ภาพประกอบ : www.magnoliathailand.com (by konrasut), cvh.org.cn
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)