ชาดำ
ชาดำ (Black tea) คือ ชาที่ผ่านการแปรรูป ซึ่งได้มาจากการเก็บใบชาอ่อน (ใบชาสายพันธุ์ Camellia sinensis) นำมาทำให้แห้งเพื่อลดปริมาณของน้ำลงบางส่วน แล้วนำใบชากึ่งแห้งนั้นไปคลึงหรือบดด้วยลูกกลิ้ง เพื่อให้ใบชาช้ำ ซึ่งเซลล์ในใบชาจะแตกช้ำโดยใบไม่ขาด และเอนไซม์ในเซลล์จะย่อยสลายสารเกิดเป็นกระบวนการหมัก ทำให้เกิดกลิ่นและรส จนใบชาเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีทองแดง เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งก่อนใช้ความร้อนเป่าไปที่ใบชา (หรืออาจนำใบชาไปอังไฟ หรือรมด้วยไอน้ำ) เอนไซม์จะหมดฤทธิ์ ใบชาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อนำไปตากหรืออบให้แห้ง จากนั้นก็บดหรือหั่นตามแต่ชนิดของชา ซึ่งชาที่ได้มานี้จะเรียกว่า “ชาดํา“
จากการแปรรูปจะเห็นได้ว่า ชาดำเป็นชาที่ผ่านการหมักอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะแตกต่างจากชาอู่หลงตรงที่ชาอู่หลงนั้นใช้กระบวนการหมักแบบออกซิเดชั่น แต่ชาดำจะใช้กระบวนการหมักโดยแบคทีเรียเหมือนการเพาะบ่มไวน์ ซึ่งกระบวนการหมักนี้จะทำให้สามารถหมักชาได้อย่างเต็มที่ ยิ่งบ่มนานก็ยิ่งได้รสชาติที่ดี ซึ่งชาดำที่เป็นที่รู้จักมากและเป็นที่นิยมสูงก็คือ “ชาผู่เอ๋อร์” (Pu-erh) จากจีน และ “ชาอัสสัม” (Assam) จากอินเดีย
ในกระบวนการผลิตชาดำนั้น จะทำให้สารเคมีที่มีประโยชน์ลดลง (คาเทชิน) เมื่อเปรียบเทียบกับชาเขียวที่ไม่ผ่านกระบวนการหมัก โดยชาเขียว 100 กรัม จะมีสารคาเทชินเหลืออยู่ประมาณ 14.2 กรัม ในขณะที่ชาดำจะมีสารคาเทชินหลงเหลืออยู่เพียง 4 กรัม แต่อย่างไรก็ตาม และยังพบว่าชาดำกับชาเขียวก็มีปริมาณของสารโพลีฟีนอลที่ใกล้เคียงกัน คือในใบชา 100 กรัม จะมีโพลีฟีนอลอยู่ประมาณ 15-16 กรัม ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงยืนยันว่า ชาดำก็ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้เช่นกัน แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าชาเขียวนั้นมีประโยชน์มากกว่า เนื่องจากมีสารคาเทชินที่มากกว่านั่นเอง
ทั้งนี้ ชาดำจะมีรสชาติขมเล็กน้อย ให้รสชาติละมุนกลมกล่อม ชุ่มคอ และมีปริมาณของกาเฟอีนมากที่สุดในบรรดาชาด้วยกัน หรือประมาณ 40 มิลลิกรัมต่อถ้วย (แต่ก็ยังน้อยกว่าในกาแฟที่มีกาเฟอีนอยู่ 100 มิลลิกรัมขึ้นไป) ในเรื่องของรสชาติถ้าเปรียบเทียบชาดำกับชาเขียวแล้ว จะพบว่าชาดำจะมี monoterpene alcohols ซึ่งเป็นสารให้กลิ่นมากกว่าชาเขียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีผู้นิยมกลิ่นของชาดำมากกว่า ส่วนสีของชาดำนั้นจะมีตั้งแต่สีน้ำตาลแดงไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ
สรรพคุณของชาดำ
- ช่วยบำรุงหัวใจ
- ช่วยบำรุงกระเพาะ
- ช่วยในการย่อยอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
- ช่วยบำรุงโลหิตสำหรับสตรีที่มีประจำเดือน
- ในใบชามีสารฟลูออไรด์ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก จึงช่วยป้องกันฟันผุ และช่วยลดอาการสึกหรอของฟันได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ของชาดำ
- ชาดำนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับ ชาเขียว ชาขาว ชาวอู่หลง จึงช่วยในการล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ และช่วยในการชะลอวัย
- ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แก้อาการง่วงนอน เพราะในชาดำจะมีสารกาเฟอีนที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและช่วยกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อหัวใจ
- จากรายงานของยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ได้ระบุว่า ชาดำมีผลต่อระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกายที่มีชื่อว่า “คอร์ติซอล” การดื่มชาดำเป็นประจำสม่ำเสมออาจจะช่วยทำให้ความจำดียิ่งขึ้น เพราะชาดำมีผลต่อการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิด คือ เอนไซม์ Butyrylcholinesterase ที่มีส่วนร่วมก่อโปรตีน Amyloid Beta ในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคอัลไซเมอร์
- มีงานวิจัยของศาสตราจารญ์แอนดริว เตรบโต ที่ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร Psychopharmacology โดยระบุว่า จากการทดลองพบว่าคนที่ดื่มชาดำสามารถลดความเครียดได้ง่ายและฟื้นตัวจากความเครียดได้เร็วกว่าคนที่ไม่ดื่มชาหรือได้รับชาดำหลอก อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าสารเคมีอะไรที่มีผลต่อการฟื้นตัวจากสภาพความเครียดดังกล่าว เพราะสารเคมีที่พบในใบชานั้นมีความซับซ้อน และมีสารเคมีหลายตัวที่มีผลต่อการส่งกระแสประสาทในสมอง เช่น amino acids, catechins, flavonoids และ polyphenols เป็นต้น
- ชาดำมีส่วนในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญ ช่วยละลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัว และช่วยในการลดน้ำหนัก (ควรเป็นชาร้อน เพราะจะช่วยลดไขมัน ถ้าเป็นชาเย็นจะทำให้ไขมันเกิดการจับตัว) และจากงานวิจัยของสหรัฐฯ (US. Department of Agriculture) ได้พบว่ากลุ่มชายหญิงที่ดื่มชาดำวันละ 5 แก้ว จะมีระดับคอเลสเตอรอลเลว (LDL) ลดลงประมาณ 6-10% หลังการดื่มชาดำได้เพียง 3 สัปดาห์
- ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาลและไขมันเข้าสู่กระแสเลือด จากงานวิจัยพบว่า ชาดำสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี และจากงานวิจัยร่วมของมหาวิทยาลัย Dundee University และมหาวิทยาลัย The Scottish Crop Research Institute ได้รายงานว่า สาร theaflavins และ therubigins ที่พบได้ในชาดำ ทำหน้าที่เลียนแบบอินซูลินตามธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ
- นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ได้ระบุว่า การดื่มชาดำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากชาดำมีสรรพคุณปรับปรุงสภาพเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ และยังมีงานวิจัยล่าสุดที่ช่วยยืนยันผลการศึกษาก่อนหน้านี้ว่าชาประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกกันว่า ฟลาโวนอยด์ สารชนิดนี้จะช่วยป้องกันคอเลสเตอรอลไม่ให้ทำลายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ ทั้งนี้ก็เพราะโรคหัวใจที่เกิดจากการขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง มีสาเหตุสำคัญอยู่ที่ชั้นบาง ๆ ของเซลล์ที่อยู่บริเวณผนังของเส้นเลือดถูกทำลาย ซึ่งทำหน้าที่ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น ขยายตัวหรือหดตัวได้ตามที่หัวใจต้องการเลือด และยังช่วยป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อนและผนังเลือดอักเสบอีกด้วย การดื่มชาดำจึงส่งผลในระยะยาวต่อหลอดเลือด ซึ่งจากการทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 50 ราย ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ดื่มชาดำ ส่วนกลุ่มที่สองให้ดื่มน้ำเปล่า ผลการทดลองพบว่ากลุ่มที่ดื่มชาดำวันละ 4 ถ้วย จะมีชั้นบาง ๆ ที่หลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจดีขึ้น แต่ในกลุ่มที่ดื่มน้ำเปล่าไม่มีผลใด ๆ
- มีการศึกษาที่พบว่า คนที่ดื่มชาดำประมาณ 3 ถ้วยต่อวัน จะมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันลดลงถึง 21%
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จากงานวิจัยพบว่า ชาดำสามารถขจัดสารที่ทำให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งออกไปได้ โดยเฉพาะมะเร็งปอด ปาก หน้าอก ท้อง ลำไส้ใหญ่ หลอดอาหาร และผิวหนัง
ชาดำกับความงาม
- เส้นผมเงางามและสวยเป็นประกาย : ให้แช่ถุงชาดำ 3 ถุง ลงในน้ำร้อน 2 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือจนน้ำชาเย็น แล้วนำมาใช้สระผมให้สะอาด รอจนผมหมาด เทน้ำชาที่ได้ลงบนผมโดยไม่ต้องล้างออก แล้วเช็ดผมให้แห้ง
- ลบเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า : ให้แช่ถุงชาดำ 1 ถุง ลงในน้ำร้อน 1 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที เสร็จแล้วนำถุงชาขึ้นมาจดสะเด็ดน้ำ แล้วนำมาวางบริเวณใบหน้าตรงจุดที่มีจุดด่างดำทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วยกออกและปล่อยให้แห้ง
- แก้ตาบวมและรอยคล้ำรอบดวงตา : ให้แช่ถุงชาดำ 2 ถุง ลงในน้ำร้อน 2 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วนำถุงชาขึ้นรอจนสะเด็ดน้ำ นำมาแช่ในตู้เย็นจนถุงชาเย็น เมื่อเย็นแล้วให้หลับตาลง แล้วนำถุงชามาวางบริเวณดวงตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วยกออก ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
- ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นลดความหมองคล้ำ : ให้แช่ถุงชาดำ 1 ถุง ลงในน้ำร้อน 1 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วนำถุงชาขึ้นรอจนสะเด็ดน้ำ นำถุงชามาวางบนริมฝีปากที่สะอาดล้างเครื่องสำออกจนหมดแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยยกถุงชาออก ปล่อยให้แห้ง
- แก้ผิวคล้ำหลังออกแดด : ให้แช่ถุงชาดำ 4 ถุง ลงในน้ำร้อน 2 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำถุงชาขึ้น ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำชาให้ชุ่ม บีบพอสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปวางบริเวณผิวที่หมองคล้ำหรือไหม้แดด ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วให้ทิ้งระยะไว้สัก 1-2 ชั่วโมง แล้วค่อยทำซ้ำอีกให้ได้วันละ 4 ครั้ง
- ดับกลิ่นเท้า : ให้แช่ถุงชาดำ 3 ถุง ลงในน้ำร้อน 3 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วแช่เท้าลงในน้ำชาประมาณ 20 นาที เสร็จแล้วก็เช็ดเท้าให้แห้ง วิธีนี้จะช่วยดับกลิ่นเท้าของคุณได้เป็นอย่างดี
หมายเหตุ : หากเป็นชาดำแบบตวง ให้ใช้ประมาณครึ่งช้อนชาแทนชาดำ 1 ถุง
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือพิมพ์ข่าวสด. “ชาดำ”. คอลัมน์: รู้ไปโม้ด (น้าชาติ ประชาชื่น). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.khaosod.co.th. [09 ส.ค. 2014].
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ. “ชา 6 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ”. เข้าถึงได้จาก : www.moe.go.th. [09 ส.ค. 2014].
- สมิทธิ โชติศรีลือชา นิสิตสาขาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. “ชาดำ – Black Tea”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.student.chula.ac.th/~53373316/. [09 ส.ค. 2014].
- ชีวจิต.
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)