กุยช่าย สรรพคุณและประโยชน์ของกุยช่าย 47 ข้อ ! (ผักแป้น)

กุยช่าย สรรพคุณและประโยชน์ของกุยช่าย 47 ข้อ ! (ผักแป้น)

กุยช่าย

กุยช่าย ชื่อสามัญ Garlic chives, Leek, Chinese chives, Oriental garlic, Chinese leek, Kow choi (จีน)

กุยช่าย ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium tuberosum Rottler ex Spreng. จัดอยู่ในวงศ์พลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)

สมุนไพรกุยช่าย มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักไม้กวาด (ภาคกลาง), ผักแป้น (ภาคอีสาน), กูไฉ่ (จีนแต้จิ๋ว) เป็นต้น

กุยช่าย มีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ กุยช่ายเขียวและกุยช่ายขาว ซึ่งลักษณะจะไม่แตกต่างกัน แต่จะแตกต่างในเรื่องของกระบวนการปลูกและการดูแลรักษา ในเอเชียตะวันออกแถบภูเขาหิมาลัย จีน อินเดีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น จะมีการปลูกกุยช่ายกันอยู่ 2 พันธุ์ นั่นก็คือพันธุ์สีเขียวที่ปลูกทั่ว ๆไปและพันธุ์สีเขียวใบใหญ่สีขาวซึ่งเกิดจากการบังร่ม

ลักษณะของกุยช่าย

  • ต้นกุยช่าย จัดเป็นไม้ล้มลุกที่มีความสูงประมาณ 30-45 เซนติเมตร มีเหง้าเล็กและแตกกอ

ตุ้นกุยช่าย
ต้นกุยช่ายเขียว

ต้นกุยช่ายขาว
ต้นกุยช่ายขาว

  • ใบกุยช่าย ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน ใบแบน ยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร ที่โคนเป็นกาบบางซ้อนสลับกัน

ใบกุยช่าย
ใบกุยช่าย

  • ดอกกุยช่าย หรือ ดอกไม้กวาด ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีสีขาว มีกลิ่นหอม ลักษณะช่อดอกเป็นแบบซี่ร่ม ก้านช่อดอกกลมตันยาวประมาณ 40-45 เซนติเมตร (ยาวกว่าใบ) ออกดอกในระดับเดียวกันที่ปลายของก้านช่อดอก ด้านดอกมีความเท่ากัน และมีใบประดับหุ้มช่อดอก เมื่อดอกเจริญขึ้นก็จะแตกออกเป็นริ้วสีขาว กลีบดอกมีสีขาว 6 กลีบ มีความยาวประมาณ 6 มิลลิเมตร โคนติดกัน ปลายแยก ที่กลางกลีบดอกด้านนอกมีสันหรือเส้นสีเขียวอ่อน ๆ จากโคนกลีบไปหาปลาย เมื่อดอกบานจะกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้ 6 ก้านอยู่ตรงข้ามกับกลีบดอก และเกสรตัวเมียอีก 1 ก้าน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ

ดอกไม้กวาด
ดอกไม้กวาด

  • ผลกุยช่าย ลักษณะของผลเป็นผลกลม มีความกว้างและยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร ภายในมีช่อง 3 ช่องและมีผนังตื้น ๆ ผลเมื่อแก่จะแตกตามตะเข็ม ในผลมีเมล็ดช่องละ 1-2 เมล็ด
  • เมล็ดกุยช่าย มีลักษณะขรุขระสีน้ำตาลแบน

เมล็ดกุยช่าย
เมล็ดกุยช่าย

สรรพคุณของกุยช่าย

  1. ช่วยบำรุงกระดูก เนื่องจากใบกุยช่ายมีธาตุฟอสฟอรัสสูง (ใบ)
  2. ช่วยบำรุงกำหนัด กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ แก้ปัญหาการหลั่งเร็วในเพศชาย ไร้สมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากกลิ่นฉุนของน้ำมันหอมระเหยของกุยช่ายจะคล้ายกับกลิ่นของกระเทียม เพราะมีสารประกอบจำพวกกำมะถัน ซึ่งมักจะมีสรรพคุณช่วยในเรื่องเพศ (ใบ)
  3. น้ำมันหอมระเหยจากผักกุยช่ายมีสารอัลลิซิน (Alllicin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด (ใบ)
  4. ช่วยป้องกันมะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง (นิตยสารครัว) (ใบ)
  5. ช่วยลดระดับความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (นิตยสารครัว) (ใบ)
  6. สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและวัณโรค ให้นำใบของต้นกุยช่ายมาต้มกับหอยน้ำจืดและรับประทานทุกวัน จะช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ (ใบ)
  7. ช่วยรักษาโรคหูน้ำหนวก ด้วยการใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดนำมาทาในรูหู (ใบ)
  8. ใช้เป็นยาแก้หวัด (ใบ)
  9. ช่วยแก้เลือดกำเดาไหลได้เป็นอย่างดี (ราก)
  10. เมล็ดช่วยฆ่าแมลงกินฟัน ด้วยการใช้เมล็ดคั่วเกรียมนำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำยางชุบสำลี ใช้อุดฟันที่เป็นรูทิ้งไว้ 1-2 วัน จะช่วยฆ่าแมลงที่กินอยู่ในรูฟันให้ตายได้ (เมล็ด)
  1. ช่วยแก้อาเจียน ด้วยการใช้ต้นกุยช่ายนำมาคั้นเอาแต่น้ำผสมกับเกลือเล็กน้อย หรือจะผสมกับน้ำขิงสักเล็กน้อย อุ่นให้ร้อนแล้วนำมารับประทานก็ได้เช่นกัน (ราก, ใบ)
  2. รากสรรพคุณมีฤทธิ์ในการช่วยห้ามเหงื่อ (ราก)
  3. ช่วยรักษาอาการหวัด (ใบ)
  4. ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก (ราก)
  5. ช่วยแก้อาการท้องเสีย ด้วยการใช้ต้นกุยช่ายนำมาคั้นเอาแต่น้ำผสมกับเกลือเล็กน้อย แล้วนำมารับประทาน (ต้น)
  6. ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลมในกระเพาะ ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม (ใบ)
  7. ช่วยแก้อาการท้องผูก เนื่องจากกุยช่ายมีเส้นใยอาหารสูงมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้เป็นอย่างดี (ใบ)
  8. ใบใช้ทาท้องเด็กช่วยแก้อาการท้องอืด (ใบ)
  9. เมล็ดใช้รับประทานช่วยขับพยาธิเส้นด้ายหรือพยาธิแส้ม้าได้ (เมล็ด)
  10. ช่วยรักษาแผลริดสีดวงทวาร ช่วยทำให้ริดสีดวงหด ด้วยการใช้ใบสดล้างสะอาดต้มกับน้ำร้อน แล้วนั่งเหนือภาชนะเพื่อให้ไอรมจนน้ำอุ่น หรือจะใช้น้ำที่ต้มล้างที่แผลวันละ 2 ครั้ง หรือจะใช้ใบนำมาหั่นเป็นฝอยคั่วให้ร้อน ใช้ผ้าห่อมาประคบบริเวณที่เป็นจะช่วยทำให้หัวริดสีดวงหดเข้าไปได้ (ใบ)
  11. ต้นและใบสดมีสรรพคุณช่วยแก้โรคนิ่ว ด้วยการใช้ใบสดและต้นนำมาตำให้ละเอียดผสมกับสุราและใส่สารส้มเล็กน้อย แล้วกรองเอาแต่น้ำมารับประทาน 1 ถ้วยชา (ต้น, ใบ)
  12. ช่วยแก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย ด้วยการใช้เมล็ดกุยช่ายแห้งนำมาต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดไว้รับประทานแก้อาการก็ได้เช่นกัน (เมล็ด)
  13. สรรพคุณกุยช่ายช่วยแก้อาการปัสสาวะขัด (ขัดเบา) (ราก)
  14. เมล็ดใช้รับประทานร่วมกับสุรา ใช้เป็นยาขับโลหิตประจำเดือนที่เป็นลิ่มเป็นก้อนได้เป็นอย่างดี (เมล็ด)
  15. ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ต้นกุยช่าย น้ำตาลอ้อย ไข่ไก่ นำมาต้มรับประทาน (ต้น)
  16. ช่วยแก้โรคหนองในได้ดี ด้วยการใช้ใบสดและต้นนำมาตำให้ละเอียด ผสมกับสุราและใส่สารส้มเล็กน้อย แล้วกรองเอาแต่น้ำมารับประทาน 1 ถ้วยชา (ต้น, ใบ)
  17. กุยช่ายมีสรรพคุณช่วยบำรุงไต (ใบ)
  18. ใบกุยช่ายมีสรรพคุณช่วยแก้ลมพิษ (ใบ)กุยช่ายขาว
  19. ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยหรือแมงป่องกัด (ใบ)
  20. ช่วยแก้อาการห้อเลือดบริเวณท้อง ด้วยการรับประทานน้ำคั้นจากกุยช่าย (ใบ)
  21. ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ห้อเลือด และแก้ปวด ด้วยการใช้ใบสดตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะผสมกับดินสอพองในอัตราส่วน ใบกุยช่าย 3 ส่วน / ดินสอพอง 1 ส่วน นำมาบดผสมกันให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเหนียวข้น แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้งจนกว่าจะหาย (ใบ)
  22. ใบใช้ตำผสมกับเหล้าเล็กน้อย นำมารับประทานจะช่วยแก้อาการช้ำใน กระจายเลือดไม่ให้คั่งได้ (ใบ)
  23. ช่วยรักษาแผลที่หนองเรื้อรัง ด้วยการใช้ใบสดล้างสะอาดมาพอกบริเวณที่เป็นแผล (ใบ)
  24. เมล็ดใช้ทำเป็นยาฆ่าสัตว์ต่าง ๆ ให้ตายได้ ด้วยการนำเมล็ดไปเผาไฟเอาควันรมเข้าในรู (เมล็ด)
  25. ช่วยแก้แมลงหรือตัวเห็บ ตัวหมัดเข้าหู ด้วยการใช้น้ำคั้นจากกุยช่ายนำมาหยอดเข้าไปในรูหู จะช่วยทำให้แมลงหรือเห็บไต่ออกมาเอง (ใบ)
  26. ช่วยบำรุงน้ำนมและขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร การที่แม่ลูกอ่อนรับประทานแกงเลียงใส่ผักกุยช่ายจะช่วยบำรุงน้ำนมแม่ได้เป็นอย่างดี (ต้น, ใบ)
  27. ต้นและใบมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ (Antiseptic) และช่วยลดการอักเสบ (ต้น, ใบ)
  28. น้ำมันสกัดจากต้นกุยช่ายมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อ Flavobacterium columnaris ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลานิลตาย และเมื่อนำน้ำมันชนิดนี้ไปผสมกับอาหารเลี้ยงปลาก็จะช่วยลดการตายของปลานิลจากการติดเชื้อชนิดนี้ได้ (น้ำมันสกัดจากต้น)
  29. สำหรับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์แล้วมีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือเบื่ออาหาร ให้ใช้น้ำคั้นจากกุยช่าย 1/2 ถ้วย / น้ำขิง 1/2 ถ้วย นำมาผสมกันแล้วนำไปต้มจนเดือด เติมน้ำตาลตามใจชอบแล้วนำมาดื่ม (ใบ)
  30. สำหรับสตรีหลังคลอดบุตรใหม่ มักมีอาการหมดสติ สามารถแก้ด้วยการใช้ใบกุยช่ายสดนำมาสับละเอียด ใส่ในเหล้าที่ต้มเดือดแล้วกรอกเข้าไปในปาก แต่ถ้ามีอาการวิงเวียนศีรษะก็ใช้ใบกุยช่ายสับละเอียดใส่ขวดเติมน้ำส้มสายชูร้อน ๆ ลงไปแล้วนำมาใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนได้ (ใบ)

ข้อควรรู้ ! : ใบและรากของกุยช่ายจะมีสรรพคุณที่คล้าย ๆ กัน โดยในส่วนของใบจะมีฤทธิ์ช่วยกระจายห้อเลือด ด้วยการใช้ใบคั้นเป็นน้ำดื่ม แต่ในส่วนของรากจะออกฤทธิ์ในบริเวณขาได้ดีกว่า

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกุยช่าย

  • น้ำคั้นจากต้นกุยช่ายที่เจริญเติบโตเต็มที่ เมื่อฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของหนูทดลอง (ในปริมาณ 0.1-0.5 มิลลิกรัม / 10 กรัม) จะทำให้เกิดอาการเกร็งและเกิดอาการคลุ้มคลั่ง หลังจากนั้นก็สลบ และทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินเนื่องจากขาดเลือดและออกซิเจน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงหนูก็ตาย
  • เมื่อใช้กับกระต่าย จะทำให้ความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย และในระยะแรกจะมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเต้นของหัวใจ หลังจากนั้นจะมีฤทธิ์กระตุ้น หากใช้ในปริมาณมากจะทำให้หัวใจหยุดเต้นในช่วงที่หัวใจคลายตัว
  • มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดเพียงเล็กต่อขาหลังของกบและกระต่าย

ประโยชน์ของกุยช่าย

  1. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายผัดกุยช่าย
  2. ผักกุยช่าย มีฤทธิ์ร้อน ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายได้ มันจึงเหมาะอย่างมากที่จะรับประทานในช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝนที่มีอากาศชื้น
  3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เนื่องจากผักกุยช่ายมีวิตามินเอที่ช่วยในการมองเห็น
  4. ช่วยบำรุงกระดูก เนื่องจากต้นกุยช่ายมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง
  5. กุยช่ายมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดต่ำ รักษาภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำ แก้อาการอ่อนเพลีย (พบได้บ่อยในผู้ป่วยไข้เลือดออก ผู้ป่วยมะเร็ง และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะพักฟื้นหลังการเจ็บป่วย จากการผ่าตัดหรือคลอดบุตร) เม็ดเลือดแดงประกอบด้วยฮีโมโกลบินที่ทำหน้าที่ในการนำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย
  6. ประโยชน์ของใบกุยช่าย ช่วยปรุงแต่งรสอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
  7. กุยช่ายนิยมใช้รับประทานเป็นอาหาร ด้วยการใช้ดอกนำมาผัดกับตับหมู หรือจะใช้ใบสดรับประทานกับลาบหรือผัดไทยก็ได้ นอกจากนี้ยังใช้ใบนำมาทำเป็นไส้ของขนมกุยช่ายอีกด้วยครับ

คุณค่าทางโภชนาการของดอกกุยช่าย ต่อ 100 กรัม

ดอกกุยช่าย

  • พลังงาน 38 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 6.3 กรัม
  • เส้นใย 3.4 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • เบตาแคโรทีน 152.92 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 13 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 31 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.6 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของต้นกุยช่าย ต่อ 100 กรัม

ผักกุยช่าย

  • พลังงาน 28 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม
  • เส้นใย 3.9 กรัม
  • ไขมัน 0.3 กรัม
  • เบตาแคโรทีน 136.79 ไมโครกรีม
  • ธาตุแคลเซียม 98 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม

ข้อควรระวังในการรับประทานกุยช่าย

  • การรับประทานกุยช่ายในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้ธาตุในร่างกายร้อนและทำให้เป็นร้อนใน
  • ไม่ควรรับประทานกุยช่ายหลังจากการดื่มเหล้า เพราะจะทำให้ธาตุในร่างกายร้อนเข้าไปอีก
  • สำหรับผู้ที่ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ค่อยดี ไม่ควรรับประทานกุยช่ายในปริมาณมาก เพราะกุยช่ายมีเส้นใยมากเกินไปทำให้ย่อยยาก ถ้ารับประทานมากเส้นใยจะกระตุ้นลำไส้ ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น ทำให้ท้องเสีย แนะนำว่าให้รับประทานในปริมาณที่เหมาะสมจะดีกว่า
  • ไม่ควรเลือกรับประทานกุยช่ายแก่ เพราะกุยช่ายยิ่งแก่มากเท่าไหร่ยิ่งมีปริมาณเส้นใยมากและเหนียวมาก ทำให้ยิ่งย่อยมากยิ่งขึ้น

แหล่งอ้างอิง : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. การใช้สมุนไพรในการป้องกันและรักษาโรคในปลา. (พงศ์ศักดิ์ รัตนชัยกุลโสภณ และปาริชาติ พุ่มขจร.), ดร.อุรุวรรณ แย้มบริสุทธิ์ นักวิจัยทางด้านโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล, เว็บไซต์หมอชาวบ้าน (วิทิต วัณนาวิบูล), นิตยสารครัว ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2544 หน้า 34

ภาพประกอบ : วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี (EN), ครัวบ้านพิม (pim.in.th), เว็บไซต์ pantip.com (by Calamity), เว็บไซต์ banmuang.co.th (by กิตติภณ เรืองแสน)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด