กล้วยเต่า สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกล้วยเต่า 9 ข้อ !

กล้วยเต่า สรรพคุณและประโยชน์ของต้นกล้วยเต่า 9 ข้อ !

กล้วยเต่า

กล้วยเต่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Polyalthia debilis Finet & Gagnep.[1] จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE)[1]

สมุนไพรกล้วยเต่า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ไข่เต่า (เชียงใหม่), ก้นครก (มหาสารคาม, ยโสธร), กล้วยตับเต่า กล้วยเต่า (ราชบุรี), ไข่เต่า ตับเต่า ตับเต่าน้อย (ภาคเหนือ), รกคก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เป็นต้น[1],[2],[3]

ลักษณะของกล้วยเต่า

  • ต้นกล้วยเต่า จัดเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 1 เมตร ตามกิ่งอ่อนมีขนอ่อนขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น ส่วนกิ่งแก่จะเรียบเป็นสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ไม่อุ้มน้ำ ชอบแสงแดดจัด มีเขตการกระจายพันธุ์ในเวียดนามและลาว ในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์ทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยพบขึ้นในป่าดิบ ชายป่าหรือป่าโปร่ง ป่าเต็งรัง บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100-350 เมตร[1],[2],[3],[4]

ต้นกล้วยเต่า

  • ใบกล้วยเต่า ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับในระนาบเดียวกัน ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานจนถึงรูปไข่กลับแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลมหรือมนและมีติ่งแหลม โคนใบมนหรือหยักเว้าเล็กน้อย แผ่ใบแคบ มีขนาดกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-13 เซนติเมตร หลังใบเป็นสีเขียวเข้มเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนท้องใบมีขนและมีสีจางกว่า เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-10 เส้น ก้านใบสั้น มีความยาวได้เพียง 3 มิลลิเมตร และมีขนสีเหลืองอ่อนขึ้นหนาแน่น[1],[2]

ใบกล้วยเต่า

  • ดอกกล้วยเต่า ออกเป็นดอกเดี่ยวขนาดเล็กตามง่ามใบ ก้านดอกสั้น ดอกเป็นสีเหลืองอ่อน กลีบดอกเรียงสลับกันมี 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่หรือรูปไข่แกมรูปใบหอก ปลายมน มีขนาดกว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 5-8 มิลลิเมตร ด้านนอกกลีบมีขนละเอียดสีเหลืองอ่อน ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมีขนาดเล็กและมี 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมกลาย ๆ มีขนาดกว้างและยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร ด้านนอกมีขนอ่อนนุ่ม ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมากอยู่บนแกนกลางของดอก ส่วนเกสรเพศเมียมี 4 อัน อยู่ที่ปลายของแกนกลางดอก ออกดอกในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม[1],[2]

ดอกกล้วยเต่า

  • ผลกล้วยเต่า ออกผลเป็นกลุ่ม อยู่บนแกนตุ้มกลม แต่ละผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก คอดระหว่างเมล็ด ปลายเรียวแหลม ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1.3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ผิวเปลือกผลมีขนอ่อนนุ่ม ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-3 เมล็ด เมล็ดมีสีน้ำตาล มีลักษณะแบนกลม ก้านผลยาวได้ประมาณ 5 มิลลิเมตร ผลจะแก่ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม[1],[2],[4]

รูปกล้วยเต่า

ผลกล้วยเต่า

ผลกล้วยเต่า

สรรพคุณของกล้วยเต่า

  • รากมีรสเย็น ใช้เป็นยาแก้ตัวร้อน ดับพิษไข้ทั้งปวง ดับพิษตานซาง และแก้วัณโรค (ราก)[5]
  • ทางภาคอีสานจะใช้เหง้า เปลือก และเนื้อไม้กล้วยเต่า นำมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสียในเด็ก ถ่ายกะปริบกะปรอยเป็นมูกเลือด (เหง้า, เปลือก, เนื้อไม้)[1]
  • ใช้ต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ปวดท้อง (ต้น, ราก)[3]
  • ชาวบ้านในจังหวัดยโสธรจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคกระเพาะ (ราก)[3]

ประโยชน์ของกล้วยเต่า

  • ผลสุกมีสีเหลือง มีรสหวาน (ในส่วนของเนื้อหุ้มเมล็ด) สามารถนำมารับประทานได้[1],[2],[3],[4]
  • ใช้เป็นอาหารสัตว์ของโค กระบือ คุณค่าทางอาหารที่พบจะมีโปรตีน 12.5%, แคลเซียม 0.39%, ฟอสฟอรัส 0.22%, โพแทสเซียม 1.23%, ADF 45.9%, NDF 58.4%, DMD 30.9%[3]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  “กล้วยเต่า”.  หน้า 64.
  2. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.  “กล้วยเต่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/.  [24 มิ.ย. 2015].
  3. สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์.  “กล้วยเต่า”. [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th.  [24 มิ.ย. 2015].
  4. พืชกินได้ในป่าสะแกราช, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.).  “กล้วยเต่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.tistr.or.th.  [24 มิ.ย. 2015].
  5. สมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณ แห่งประเทศไทย.  “ตับเต่าน้อย”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.ayurvedicthai.com.  [24 มิ.ย. 2015].

ภาพประกอบ : biodiversity.forest.go.th, www.kariean.com, www.walai.msu.ac.th, www.bansuanporpeang.com (by sarunyu), www.biogang.net (by chutimakkn)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด