กระดังงาสงขลา
กระดังงาสงขลา ชื่อสามัญ Ilang.-Ilang.[3], Drawf ylang ylang[5],[6]
กระดังงาสงขลา ชื่อวิทยาศาสตร์ Canangium fruticosum Craib[5],[6] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cananga odorata var. fruticosa (Craib) J.Sinclair, Cananga odorata (Lam.) Hook.f. & Thomson var. fruticosa (Craib) J.Sinclair[1], Cananga odorata Hook.f. & Thomson var. fruticosa (Craib) Corner[3]) จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE) เช่นเดียวกับกระดังงาไทย[1]
สมุนไพรกระดังงาสงขลา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กระดังงาสาขา (กรุงเทพฯ), กระดังงางอ (ยะลา-มลายู), กระดังงาเบา (ภาคใต้), กระดังงอ (มาเลย์-ยะลา), ดังงา เป็นต้น[1],[4],[5],[6]
ลักษณะของกระดังงาสงขลา
- ต้นกระดังงาสงขลา มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยที่จังหวัดสงขลา และมีความแตกต่างกับต้นกระดังงาไทยก็คือ ต้นกระดังงาไทยนั้นเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงประมาณ 8-15 เมตร ส่วนต้นกระดังงาสงขลานั้นจะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้นไม่เกิน 4 เมตร โดยจัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 1-2.5 เมตร บ้างว่าสูงประมาณ 1-4 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมสีน้ำตาลและมีกลิ่นฉุน เนื้อไม้เปราะ ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทึบ กิ่งตั้งฉากกับลำต้นปลายย้อยลู่ลง ที่กิ่งมีขนอ่อน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมกันมาก และอีกวิธีคือการตอนกิ่ง แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากกิ่งเปราะและหักได้ง่าย โดยต้นกระดังงาสงขลาที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโตได้ดีและมีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าต้นที่เกิดจากการตอน แต่การออกดอกจะช้ากว่าต้นที่ได้จากการตอน เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำดี มีความชื้นสูง ต้องการน้ำมาก แต่ไม่ทนต่อน้ำท่วมขัง ชอบแสงแดดแบบเต็มวัน หากปลูกในพื้นที่ที่มีแสงแดดแบบรำไรจะออกดอกน้อยและไม่แข็งแรง[1],[3],[4],[5],[6]
- ใบกระดังงาสงขลา ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าหรือเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบและเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 10-14 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวบางและอ่อน มีเส้นแขนงของใบประมาณ 8-9 คู่ สามารถมองเห็นเส้นใบได้ชัดเจน และมีก้านใบยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร[1],[3],[5]
- ดอกกระดังงาสงขลา ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อกระจุกตามกิ่งตรงข้ามกับใบ ดอกเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมแรง ในหนึ่งดอกจะมีกลีบดอกประมาณ 15-24 กลีบ ในแต่ละกลีบจะมีความกว้างประมาณ 0.5-1.8 เซนติเมตรและมีความยาวประมาณ 5-9 เซนติเมตร เรียงเป็นชั้นหลายชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเรียวยาว บิดเป็นเกลียวและอ่อนนิ่ม ปลายกลีบแหลมและกระดกขึ้น กลีบชั้นนอกจะยาวและใหญ่กว่ากลีบชั้นในตามลำดับ ดอกมีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียจำนวนมาก ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว มีลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม มีความกว้างประมาณ 6 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร สามารถออกดอกได้เกือบตลอดทั้งปี ดอกที่ยังอ่อนหรือที่เป็นสีเขียวอ่อนจะยังไม่มีกลิ่นหอม ดอกที่มีสีเหลืองถึงจะมีกลิ่นหอม และที่สำคัญช่วงที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ตอนกลางวัน ดอกจะไม่ค่อยส่งกลิ่นหอมเท่ากับช่วงตอนเช้าและเย็น[1],[3],[4],[5],[6]
- ผลกระดังงาสงขลา ออกผลเป็นกลุ่ม มีผลย่อยประมาณ 8-10 ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี ปลายผลแหลม ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1.2 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.5-1.8 เซนติเมตร ผิวผลเรียบ ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง ในผลมีเมล็ดอยู่หลายเมล็ด[1],[3],[5]
สรรพคุณของกระดังงาสงขลา
- ตำรายาไทยระบุว่าดอกใช้เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย (ดอก)[2],[6]
- ช่วยบำรุงร่างกาย (ดอก)[6]
- ช่วยชูกำลัง (ดอก)[9]
- ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (ดอก)[6]
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เกสร)[9]
- ดอกใช้เป็นยาบำรุงโลหิต (ดอก)[2],[6]
- ดอกมีรสสุขุมหอม ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ (ดอก)[1],[2],[3],[6] ช่วยบำรุงหัวใจให้สดชื่น ทำให้ใจชุ่มชื่น (ดอก)[9]
- ใช้เป็นยาแก้ไข้ (ดอก)[6] ส่วนเกสรช่วยแก้ไข้จับ แก้ไข้เพื่อลม แก้ไข้เพื่อปถวีธาตุ แก้โรค (เกสร)[9]
- ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ (เกสร)[9]
- ช่วยแก้ลมวิงเวียน (ดอก)[1],[6]
- ช่วยแก้อาการจุกเสียด (ดอก)[6]
- เนื้อไม้มีรสขมและเฝื่อน ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ (เนื้อไม้, ต้น, กิ่ง, ก้าน)[1],[6]
- ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ (เนื้อไม้, ต้น, กิ่ง, ก้าน)[1],[6]
- รากมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด (ราก)[6]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระดังงาสงขลา
- มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต[9]
- มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็ง[9]
- ต้านเชื้อ ต้านเชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านยีสต์[9]
- ช่วยไล่แมลง ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง[9]
ประโยชน์ของกระดังงาสงขลา
- ดอกสดสามารถนำมาสกัดทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ใช้แก้ลมวิงเวียนได้[3] (สกัดโดยวิธีการต้มกลั่น (Hydrodistillation) จะได้น้ำมันหอมระเหยร้อนละ 0.90[5])
- ดอกใช้สกัดทำเป็นน้ำหอมและเครื่องหอม[8]
- เนื้อไม้และใบใช้ทำบุหงา อบร่ำ ใช้ทำน้ำหอม และน้ำมันหอมระเหย (Essential oil)[7],[10]
- บ้างว่าใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางประเภทครีมหรือโลชัน จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ (ไม่ยืนยัน)[10]
- ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำขนม อบขนม อบข้าวแช่ (แต่ไม่ได้ระบุว่าใช้ส่วนใด)[10]
- แพทย์ตามชนบทใช้บำบัดรักษาโรคได้เช่นเดียวกับกระดังงาไทย[5]
- นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วประเทศ โดยใช้ตามสวน มุมอาคาร หรือปลูกเป็นกลุ่มแบบ 3 ต้นขึ้นไป เพื่อใช้เป็นฉากหรือบังสายตา ดอกมีกลิ่นหอมแรงในช่วงเช้าและเย็น สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี การปลูกและการดูแลรักษาทำได้ง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงมารบกวน อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ไม้ที่มีราคาไม่แพงและให้ดอกมากอีกชนิดหนึ่ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มปลูกพันธุ์ไม้หอมมือใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม[3],[6]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “กระดังงาสงขลา (Kradang Nga Songkhla)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 22.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. “กระดังงาสงขลา”. ( ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 71.
- ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “กระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [31 ม.ค. 2014].
- สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ความเหมือนที่แตกต่างพรรณไม้ กระดังงาไทย-กระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [31 ม.ค. 2014].
- ฐานข้อมูลน้ำมันหอมระเหยไทย, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “กระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th/essentialoils/. [31 ม.ค. 2014].
- ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “กระดังงาสงขลา”. (นพพล เกตุประสาท, ไพร มัทธวรัตน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th . [31 ม.ค. 2014].
- ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “กระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [31 ม.ค. 2014].
- สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. “กระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.saiyathai.com. [31 ม.ค. 2014].
- AromaHub. “กระดังงาสงขลาไม้หอมไทยแท้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.aromahub.com. [31 ม.ค. 2014].
- NanaGarden. “ลักษณะกระดังงาสงขลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.nanagarden.com. [31 ม.ค. 2014].
ภาพประกอบ : by kit
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)