12 ประโยชน์ของกรดโฟลิก โฟเลต ! (Folic Acid)

กรดโฟลิก

  • กรดโฟลิก (โฟเลต, โฟลาซิน) หรือ วิตามินบี 9 หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินเอ็ม หรือ วิตามินบีซี (Bc) จัดอยู่ในกลุ่มของ วิตามินบีรวม มีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัม (มคก. หรือ mcg.) มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญโปรตีน มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการสร้างกรดนิวคลีอิก และมีความจำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ นอกจากนี้ร่างกายต้องใช้ในกระบวนการใช้น้ำตาลและกรดอะมิโน โดยกรดโฟลิกนั้นถูกทำลายได้ง่ายด้วยอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป
  • แหล่งที่พบกรดโฟลิกตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แคร์รอต แคนตาลูป ฟักทอง เอพริคอต อะโวคาโด อาร์ทิโชก ถั่ว แป้งไรย์แบบสีเข้มที่ไม่ผ่านการขัดสี ทอร์ทูลายีสต์ เป็นต้น
  • ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีอาการที่เป็นพิษต่อร่างกายหากรับประทานในปริมาณมากติดต่อกัน แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผื่นแพ้ได้บ้าง และหากร่างกายมีกรดโฟลิกมากเกินไป อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 ไม่แสดงออกมา โดยศัตรูของกรดโฟลิก ได้แก่ น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร (โดยเฉพาะการต้ม) แสงแดด ความร้อน ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโรคที่เกิดจากการขาดกรดโฟลิก ได้แก่ โรคโลหิตจางแบบแมโครไซติกหรือเม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ

คำแนะนำในการรับประทานกรดโฟลิก

  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือประมาณ 180 – 200 ไมโครกรัมต่อวัน และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรเพิ่มขนาดเป็น 2 เท่า ส่วนหญิงให้นมบุตรควรรับประทาน 280 ไมโครกรัมในช่วง 6 เดือนแรก และ 260 ไมโครกรัมในช่วง 6 เดือนหลัง
  • กรดโฟลิกในรูปแบบอาหารเสริมมีวางจำหน่ายตั้งแต่ปริมาณ 400 – 800 ไมโครกรัม ส่วน 1,000 มิลลิกรัม ต้องซื้อโดยใช้ใบสั่งของแพทย์เท่านั้น
  • โดยทั่วไปกรดโฟลิกจะมีผสมอยู่ในรูปแบบของวิตามินบีรวม ประมาณ 100 ไมโครกรัมไปจนถึง 400 ไมโครกรัม
  • คุณควรเลือกซื้ออาหารเสริมที่มีทั้งโฟเลตและวิตามินบี 12 อยู่ด้วยกัน
  • โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 400 – 5,000 ไมโครกรัมต่อวัน
  • ผู้หญิงควรรับประทานกรดโฟลิกและวิตามินบี 6 ให้เพียงพอ กรดโฟลิกเพียง 400 ไมโครกรัม วิตามินบี 6 เพียง 2-10 มิลลิกรัม ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้ถึงร้อยละ 42
  • ผู้ที่รับประทานกรดโฟลิก 1,000 – 5,000 ไมโครกรัมทุก ๆ วัน จะช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้
  • สำหรับผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
  • สำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินซีมากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ควรรับประทานกรดโฟลิกเสริมด้วย
  • สำหรับผู้ที่รับประทานยากันชักไดแลนติน ฮอร์โมนเอสโตรเจน ซัลโฟนาไมด์ แอสไพริน ฟีโนบาร์บิทอล ควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
  • สำหรับผู้ที่ป่วยหรือร่างกายกำลังต่อสู้กับโรคใด ๆ อยู่ อาหารเสริมที่รับประทานควรจะมีกรดโฟลิกอยู่ด้วย เพราะจะช่วยเสริมแอนติบอดีในร่างกาย
  • การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมากอาจมีผลกระทบต่อยาต้านมะเร็งบางชนิด
  • การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมากอาจทำให้คนไข้โรคลมชักที่รับประทานยาฟีโนโทอินอยู่เกิดอาการชักได้

ประโยชน์ของกรดโฟลิก

  1. ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย
  2. ช่วยป้องกันแผลร้อนในได้
  3. ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง
  4. ทำงานออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวด
  5. ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ
  6. ช่วยป้องกันพยาธิในลำไส้และอาการแพ้จากอาหารเป็นพิษ
  7. ช่วยป้องกันการพิการของเด็กทารกแรกเกิด
  8. ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
  9. ช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลง หากรับประทานร่วมกับพาบาและ วิตามินบี 5
  10. ช่วยลดระดับของกรดอะมิโนโฮโมซิสเทอีนในเลือด
  11. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้
  12. ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้

แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด