Nicergoline คือยาอะไร?
Nicergoline (ไนเซอร์โกลีน) เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อมและความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในสมอง โดยออกฤทธิ์ผ่านการปรับปรุงการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง ปรับปรุงการทำงานของสารสื่อประสาท (เช่น อะเซทิลโคลีนและโดปามีน) และป้องกันเซลล์ประสาทจากการเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระ
ยานี้มักใช้ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาความจำบกพร่อง, อาการซึมเศร้า, และความตื่นตัวลดลง โดยมีข้อบ่งใช้หลักในการรักษาภาวะสมองเสื่อมจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองขาดเลือด
ประโยชน์ & ข้อบ่งใช้ของยา Nicergoline
Nicergoline ใช้รักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะสมองเสื่อม เช่น ความผิดปกติด้านความคิด (Cognitive), อารมณ์ (Affective), พฤติกรรม (Behavioral) และอาการทางร่างกาย (Somatic) ที่เกิดจากโรคทางสมอง เช่น ภาวะสมองเสื่อมจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติเรื้อรัง (Chronic cerebrovascular insufficiency), สมองเสื่อมในวัยชรา (Senile dementia), สมองเสื่อมก่อนวัย (Presenile dementia) และโรคพาร์กินสัน
สำหรับอาการที่สามารถใช้ยา Nicergoline บรรเทาได้ ได้แก่
- ความจำบกพร่อง
- ความตื่นตัวลดลง (Vigilance ต่ำ)
- สมาธิสั้น
- ภาวะซึมเศร้า
- ขาดความสนใจหรือเฉยเมยต่อสิ่งรอบตัว (Apathy)
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่ดูแลตนเอง
- อ่อนเพลียเรื้อรัง (Asthenia)
- เบื่ออาหาร
- หูอื้อ (Tinnitus)
- เวียนศีรษะหรือมึนงง
- วงจรการหลับ-ตื่นผิดปกติ
- สับสนเรื่องสถานที่และเวลา
- มองเห็นไม่ชัด
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
- ปวดศีรษะและอ่อนแรง
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตครึ่งซีก (Hemiplegia rehabilitation) ได้อีกด้วย
กลไกการออกฤทธิ์ของ Nicergoline
Nicergoline เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการปิดกั้นตัวรับสัญญาณอัลฟ่า-1 แอดรีเนอร์จิค (alpha-1 adrenergic blocking activity) เมื่อทานยานี้ ตัวยาจะถูกดูดซึมและเปลี่ยนเป็นสารต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทำงานของสมองในหลายระดับ โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ดังนี้
1. เพิ่มการดูดซึมและใช้กลูโคสในสมอง : Nicergoline ช่วยให้สมองดูดซึมและใช้กลูโคสได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสมอง นอกจากนี้ยังช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและกรดนิวคลีอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของเซลล์ประสาท
2. ปรับปรุงการทำงานของสารสื่อประสาท : ยานี้มีผลต่อระบบสารสื่อประสาทหลายชนิด โดยเฉพาะสารสื่อประสาท อะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ Nicergoline ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ choline-acetyltransferase (CAT) และเพิ่มความหนาแน่นของตัวรับ Muscarinic receptors ในสมอง นอกจากนี้ยังลดการทำงานของเอนไซม์ Acetylcholine esterase (AchE) ซึ่งทำหน้าที่สลายอะเซทิลโคลีน ทำให้มีอะเซทิลโคลีนเหลืออยู่ในสมองมากขึ้น และช่วยปรับปรุงการทำงานของสมอง
3. เพิ่มการทำงานของโดปามีน : Nicergoline ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของโดปามีน (Dopamine turnover) ในสมองส่วน Mesolimbic area ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์และแรงจูงใจ
4. ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาท : Nicergoline มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่กำจัดของเสียในเซลล์ ทำให้สามารถป้องกันเซลล์ประสาทจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ (Oxidative stress) และการตายของเซลล์ (Apoptosis)
5. ลดการสะสมของเบต้า-อะมัยลอยด์ : ยานี้ช่วยเพิ่มการกำจัดโปรตีน soluble amyloid precursor protein (APP) ซึ่งเป็นสาเหตุของการสะสมเบต้า-อะมัยลอยด์ (beta-amyloid) ที่ผิดปกติในสมอง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
6. ชะลอการเสื่อมของระบบประสาท : Nicergoline ชะลอการลดลงของการแสดงออกของ Nitric Oxide Synthase (nNOS) ในระบบประสาท ซึ่งอาจช่วยให้ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจดีขึ้น
จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า Nicergoline ช่วยบรรเทาความบกพร่องทางการรับรู้และความเข้าใจที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ภาวะขาดออกซิเจน, สาร Scopolamine ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบว่าสัตว์ที่ได้รับ Nicergoline เป็นเวลานานมีพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับสัตว์อายุน้อยกว่า โดยเฉพาะในการทดสอบเขาวงกต (maze test) ซึ่งวัดความสามารถในการเรียนรู้และความจำ พบว่าเมื่อให้ Nicergoline สัตว์ที่มีอายุสูงสามารถทำการทดสอบได้ดีขึ้นคล้ายกับสัตว์ที่ยังอายุน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Nicergoline สามารถช่วยฟื้นฟูความสามารถในการจดจำและการคิดได้
โดยสรุป Nicergoline ออกฤทธิ์โดยการปรับปรุงการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางในหลายระดับ ทั้งการเพิ่มการไหลเวียนเลือดในสมอง ปรับปรุงการทำงานของสารสื่อประสาท และป้องกันเซลล์ประสาทจากการเสื่อมสภาพ ซึ่งช่วยให้ความสามารถในการรับรู้และเข้าใจดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมหรือความผิดปกติทางระบบประสาทอื่นๆ
งานวิจัยเกี่ยวกับ Nicergoline
จากการศึกษาทางเภสัชพลศาสตร์ที่ใช้เทคนิค EEG (electroencephalogram) ซึ่งควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่า nicergoline สามารถช่วยปรับสมดุลของคลื่นสมองในผู้สูงอายุและผู้ที่มีภาวะพร่องออกซิเจนในสมอง โดยเพิ่มกิจกรรมของคลื่น α และ β และลดกิจกรรมของคลื่น δ และ θ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของสมองดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น โรคอัลไซเมอร์ (SDAT) และภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด (MID) หลังจากใช้ nicergoline ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2-6 เดือน พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
งานวิจัยทางคลินิกแบบปกปิดข้อมูลสองทาง ที่ศึกษากับผู้ป่วย ภาวะสมองเสื่อมมากกว่า 1,500 คน ซึ่งได้รับ nicergoline ขนาด 60 มก./วัน เทียบกับยาหลอก พบว่าหลังจากใช้ยาเป็นระยะเวลานาน อาการบกพร่องด้านความคิดและพฤติกรรมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มเห็นผลหลังจากใช้ไป 2 เดือน และผลลัพธ์ยังคงอยู่ตลอดช่วงการรักษานาน 1 ปี
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า nicergoline ออกฤทธิ์ในระดับเซลล์และโมเลกุล ช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองในผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างยา Nicergoline (Sermion®)
Nicergoline เป็นยาที่อยู่ในกลุ่ม Ergoline derivatives มักรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า Sermion® (เซอร์เมียน) นำเข้าโดย บริษัท เวียร์ทริศ (ประเทศไทย) จำกัด
1. ยาเม็ดเคลือบฟิล์มที่มีตัวยา Nicergoline 30 มิลลิกรัมต่อเม็ด บรรจุในแผงบลิสเตอร์ 30 เม็ดต่อกล่อง

2. ยาเม็ดเคลือบฟิล์มที่มีตัวยา Nicergoline 10 มิลลิกรัมต่อเม็ด บรรจุในแผงบลิสเตอร์ 50 เม็ดต่อกล่อง

คำแนะนำก่อนใช้ยา Nicergoline
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่แพ้ตัวยา Nicergoline (หรือสารในกลุ่ม Ergot alkaloids หรือส่วนประกอบอื่นในยานี้), ผู้มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Recent Myocardial Infarction), ผู้มีภาวะเลือดออกเฉียบพลัน, ผู้มีอาการความดันโลหิตต่ำเมื่อลุกขึ้นยืน, ผู้มีภาวะหัวใจเต้นช้ารุนแรง
- ผู้ป่วยที่มีภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (Hyperuricemia) มีประวัติเป็นโรคเกาต์ หรือผู้ที่กำลังได้รับการรักษาด้วยยาที่มีผลต่อเมตาบอลิซึมและการกำจัดกรดยูริก เพราะยา Nicergolin อาจเพิ่มระดับกรดยูริกในเลือด
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะยานี้อาจทำให้ความดันโลหิตลดลง (ทั้งในผู้ที่มีความดันโลหิตปกติและผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เนื่องจากบางการศึกษาไม่พบการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต
- ควรแจ้งแพทย์หากกำลังใช้ยาอื่นอยู่ เช่น ยาลดความดันโลหิตสูง (อาจเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ความดันโลหิตลดลงมากกว่าปกติ), ยากลุ่ม Beta-Blockers (อาจเพิ่มการออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต), ยากลุ่ม Sympathomimetics (อาจไปต้านฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของหลอดเลือด), ยาที่มีผลต่อเมตาบอลิซึมของกรดยูริก, ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiaggregants) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) ซึ่งอาจไปเพิ่มฤทธิ์ของยากลุ่มนี้และส่งผลให้เลือดหยุดไหลช้าลง
ขนาดและวิธีการใช้ยา Nicergoline
- ปกติใช้วันละ 60 มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง (ครั้งละ 30 มิลลิกรัม) และควรรับประทานห่างกันเท่า ๆ กัน
- ควรทานยานี้หลังอาหาร เพื่อช่วยลดอาการไม่สบายท้องที่อาจเกิดขึ้นจากการทานยาเมื่อกระเพาะว่าง
- รับประทานพร้อมน้ำเปล่า ไม่ควรเคี้ยวหรือบดเม็ดยา
- เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง และไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์จนกว่าแพทย์จะสั่งให้หยุด
ผลข้างเคียงของ Nicergoline
ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและสามารถทนได้ โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการมวนท้อง
- ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย เช่น ง่วงนอน มึนงง หรือปวดศีรษะ, ความดันโลหิตต่ำ หน้าแดง, ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือท้องผูก, อาการคัน ผื่นคัน หรืออาการแพ้ทางผิวหนัง, กรดยูริกในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณพบว่ามีอาการข้างเคียงรุนแรง เช่น ความดันโลหิตต่ำมากจนเป็นลม, หน้ามืด วิงเวียนมาก หรือมีผื่นรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและรีบพบไปแพทย์ทันที
ความปลอดภัยของยา Nicergoline
การศึกษาทางพิษวิทยาในสัตว์ทดลองพบว่า Nicergoline มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์หรือทำให้เกิดการกลายพันธุ์ นอกจากนี้ การศึกษาในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม แสดงให้เห็นว่ายามีประสิทธิภาพในการช่วยปรับปรุงการรับรู้ พฤติกรรมทางอารมณ์ และอาการทางกายที่เกี่ยวข้องกับโรคดังกล่าว
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับฤทธิ์ก่อมะเร็งของยา Nicergoline แต่ข้อมูลจากการศึกษาด้านความปลอดภัยทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาไม่พบอันตรายพิเศษต่อมนุษย์
ในหนูเพศผู้ที่ได้รับยานี้ในขนาดที่สูงกว่าขนาดสูงสุดที่ใช้ในมนุษย์ถึง 8 เท่า ไม่พบผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์ ส่วนในหนูเพศเมียที่ได้รับยาในขนาดเดียวกัน พบว่าอัตราการตั้งครรภ์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีผลต่อลูกหนูที่คลอดจากแม่หนูที่ได้รับยา
เอกสารอ้างอิง
- เอกสารกำกับยา Nicergoline (Sermion®)
ตรวจสอบทางการแพทย์ล่าสุดเมื่อวันที่ 09 ก.ย. 2025