หากคุณเคยรู้สึกแสบร้อนกลางอก จุกเสียดแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย หรือเรอเปรี้ยวบ่อย ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหากรดไหลย้อน ซึ่งทางการแพทย์เราจะเรียกว่า โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal Reflux Disease (GERD)
โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว กินอาหารไม่อร่อย หรือนอนหลับไม่สนิท หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอย่างหลอดอาหารอักเสบหรือแผลในหลอดอาหารได้
แต่ข่าวดีคือ โรคนี้สามารถจัดการได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรักษาที่เหมาะสม ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณรู้จักโรคนี้มากขึ้น และตัวเลือกในการบรรเทาอาการ เช่น การใช้ยาลดกรดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
กรดไหลย้อน
กรดไหลย้อนจะเกิดขึ้นเมื่อกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการระคายเคือง โดยปกติแล้วหลอดอาหารจะมีกล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่าง (lower esophageal sphincter หรือ LES) ที่ทำหน้าที่ปิดกั้นไม่ให้กรดไหลย้อน แต่หากกล้ามเนื้อนี้อ่อนแอหรือทำงานผิดปกติ กรดก็จะไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายนั่นเองครับ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกรดไหลย้อน
สาเหตุหลักคือการทำงานผิดปกติของหูรูดหลอดอาหาร ซึ่งอาจเกิดจาก
- พฤติกรรม เช่น กินอาหารมัน ๆ เผ็ด ๆ ช็อกโกแลต กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกินมื้อใหญ่ก่อนนอน
- โรคอ้วน : น้ำหนักตัวมากทำให้แรงดันในท้องเพิ่มขึ้น ผลักกรดขึ้นมา
- การตั้งครรภ์ : ฮอร์โมนและแรงดันจากมดลูกทำให้กรดไหลย้อนง่าย
- โรคอื่น ๆ เช่น โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หรือกระเพาะอาหารบีบตัวช้า
นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงยังรวมถึงอายุมากขึ้น การใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือความเครียดที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัว

อาการหลักของกรดไหลย้อน
- แสบร้อนกลางอก (Heartburn) : รู้สึกเหมือนมีไฟลุกในอก มักเกิดหลังกินอาหารหรือตอนกลางคืน
- เรอเปรี้ยวหรือขย้อนอาหาร : มีรสเปรี้ยวหรืออาหารย้อนขึ้นมาในคอ
- จุกเสียดแน่นท้อง : รู้สึกอึดอัดบริเวณหน้าอกหรือท้องส่วนบน
- อาหารไม่ย่อย (Dyspepsia) : ท้องอืด ท้องเฟ้อ กินแล้วไม่สบายท้อง
- อาการอื่น ๆ เช่น เจ็บคอ ไอเรื้อรัง หรือกลืนลำบาก หากเป็นตอนกลางคืนอาจทำให้นอนไม่หลับหรือหายใจลำบาก
โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หากรุนแรงอาจบ่งบอกถึง GERD ที่ต้องการการรักษา
วิธีการดูแลและรักษากรดไหลย้อน
การรักษา GERD จะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการ ลดการอักเสบ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนเป็นหลัก โดยเริ่มจากวิธีง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อยใช้ยาหรือการผ่าตัดหากจำเป็น เราสามารถแบ่งได้ดังนี้
1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Modifications) : นี่คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าช่วยลดอาการได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ลดน้ำหนักหากอ้วน : การลดน้ำหนักช่วยลดแรงดันในท้อง ลดอาการกรดไหลย้อนได้ถึง 40-50% ในบางการศึกษา
- หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น : เช่น อาหารมัน เผ็ด ผลไม้รสเปรี้ยว ช็อกโกแลต กาแฟ แอลกอฮอล์ และเลิกสูบบุหรี่
- กินมื้อเล็ก ๆ บ่อย ๆ : หลีกเลี่ยงมื้อใหญ่ อย่ากินใกล้เวลานอน (อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนนอน)
- ยกหัวเตียงสูง : ใช้หมอนหรือยกหัวเตียง 6-8 นิ้ว เพื่อให้แรงโน้มถ่วงช่วยป้องกันกรดไหลย้อนตอนนอน การศึกษาพบว่าวิธีนี้ง่ายแต่ช่วยลดอาการกลางคืนได้ดี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงหลังกินอาหารทันที
- จัดการความเครียด : เช่น ฝึกหายใจหรือโยคะ เพราะความเครียดอาจทำให้หูรูดหลอดอาหารคลายตัว
วิธีเหล่านี้เป็นแนวทางแรกที่แพทย์แนะนำ เพราะปลอดภัยและไม่ต้องใช้ยา หากทำต่อเนื่อง 80% ของผู้ป่วยอาการดีขึ้น
2. การใช้ยา : หากปรับไลฟ์สไตล์แล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจแนะนำยา
- ยาลดกรด (Antacids): ช่วย Neutralizes กรดในกระเพาะทันที บรรเทาอาการแสบร้อนและจุกเสียด เหมาะสำหรับอาการไม่รุนแรง
- ยาลดการผลิตกรด เช่น H2 blockers (Ranitidine) หรือ Proton pump inhibitors (PPIs) เช่น Omeprazole สำหรับอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง การศึกษาพบว่า PPIs ช่วยรักษาแผลในหลอดอาหารได้ดี แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์เพราะใช้ยาวนานอาจมีผลข้างเคียง
- ยาช่วยบีบตัวกระเพาะ เช่น Prokinetics สำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารค้างในท้อง
- หากมีแก๊สหรือท้องอืด อาจใช้ยาที่มี Simethicone ช่วยลดฟองแก๊ส
3. การรักษาอื่น ๆ : หากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล แพทย์อาจตรวจด้วยการส่องกล้อง (Endoscopy) แล้วพิจารณาผ่าตัด เช่น Fundoplication เพื่อเสริมความแข็งแรงให้หูรูดหลอดอาหาร เหมาะสำหรับผู้ป่วยอายุน้อยหรือมีภาวะแทรกซ้อน
สำคัญที่สุด หากอาการรุนแรง เช่น เจ็บอกมาก กลืนลำบาก หรือมีเลือดปน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ
ข้อดีของยาลดกรด: ทำไมจึงควรพิจารณาใช้มากกว่าตัวยาอื่น?
ยาลดกรด (Antacids) เป็นตัวเลือกแรกสำหรับบรรเทาอาการกรดไหลย้อนแบบรวดเร็ว เพราะทำงานโดยตรงด้วยการ Neutralizes กรดในกระเพาะ (ทำให้กรดเป็นกลาง และไม่เป็นกรดอีก) ทำให้อาการแสบร้อน จุกเสียด และเรอเปรี้ยวลดลงภายในไม่กี่นาที ต่างจากยาลดการผลิตกรดอย่าง PPIs ที่ต้องใช้เวลา 1-3 วันถึงจะเห็นผลเต็มที่
การศึกษาพบว่ายาลดกรดที่มีส่วนผสมอย่าง Aluminium Hydroxide และ Magnesium Hydroxide สามารถช่วยบรรเทาอาการ Heartburn ได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับ Simethicone ที่ช่วยลดแก๊สและท้องอืด จึงช่วยทำให้สบายท้องมากขึ้น
ข้อดีหลัก ๆ เมื่อเทียบกับยาอื่น
- ออกฤทธิ์เร็ว : เริ่มทำงานภายใน 5-30 นาที เหมาะสำหรับอาการเฉียบพลัน ไม่ต้องรอนานเหมือน PPIs
- ปลอดภัยสำหรับใช้ระยะสั้น : ไม่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดมากนัก จึงมีผลข้างเคียงน้อย เช่น ไม่ทำให้ง่วงหรือรบกวนการขับรถ ต่างจากยาบางชนิดที่อาจทำให้มึนหัว
- เหมาะสำหรับกลุ่มพิเศษ : ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร หากใช้ในปริมาณเหมาะสม โดยการศึกษายืนยันว่ายาลดกรดเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อทารก
- ราคาถูกและหาซื้อง่าย : เป็นยา OTC ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ต่างจาก PPIs ที่อาจต้องใช้ยาวนานและมีโอกาสดื้อยา
อย่างไรก็ตาม หากอาการเรื้อรัง ควรใช้ยาลดกรดเป็นตัวช่วยเสริม ไม่ใช่แทนที่การรักษาหลักนะครับ เพราะตัวยานี้ไม่ได้แก้สาเหตุที่ต้นตอ
ตัวอย่างยาลดกรด Malugel-S
หนึ่งในยาลดกรดที่แพทย์มักแนะนำสำหรับอาการกรดไหลย้อน จุกเสียด แน่นท้อง แสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย และเรอเปรี้ยว คือยาที่มีส่วนผสมของ Aluminium hydroxide, Magnesium hydroxide และ Simethicone อย่างยา Malugel-S ซึ่งเป็นยาน้ำแขวนตะกอน (Oral Suspension) ที่ช่วย Neutralizes กรด (ทำให้กรดเป็นกลาง) ลดแก๊ส และบรรเทาอาการได้รวดเร็ว
- Aluminium Hydroxide : ทำหน้าที่เป็นสารด่าง (Hydroxide) ที่ไปจับกรดในกระเพาะ ทำให้ pH สูงขึ้น บรรเทาอาการแสบร้อนได้ (ออกฤทธิ์ช้า-คงทนกว่า) และส่วนใหญ่จะขับออกทางอุจจาระ (การดูดซึมน้อย)
- Magnesium Hydroxide (Milk of Magnesia) : ทำหน้าที่เป็น Antacid ที่ช่วยกลางกรดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์เสริมกับ Aluminium Hydroxide เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายท้องจากกรดส่วนเกิน
- Simethicone : ตัวนี้จะยาทำให้ฟองแก๊สแตกย่อย ลดแรงตึงผิวของฟองแก๊ส ช่วยให้ลมออกง่ายขึ้น ลดอาการแน่นท้อง/ท้องอืด (ใช้เฉพาะอาการจากแก๊สเท่านั้น ไม่ใช่ลดกรด)
- เหตุผลที่ผสมกันแล้วดี : สูตรผสมใช้ข้อดีทั้งการกลางกรด (Aluminium + Magnesium) และลดอาการแน่นท้องจากแก๊ส (Simethicone) จึงเหมาะสำหรับคนที่มีอาการรวม ๆ เช่น แสบร้อน + แน่นท้อง/เรอเปรี้ยว/ท้องอืด โดยให้ผลฉับพลันสำหรับอาการแสบร้อนและช่วยบรรเทาอาการจากลมได้ด้วย

ประโยชน์และสรรพคุณ : ยานี้ช่วยลดกรดส่วนเกินในกระเพาะ ทำให้อาการแสบร้อนและจุกเสียดหายเร็ว นอกจากนี้ Simethicone ยังช่วยแตกฟองแก๊ส ลดอาการแน่นท้อง การศึกษาพบว่าส่วนผสมเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทา Heartburn และ Indigestion ครับ
จุดเด่นของยา Malugel-S : มีหลายอย่าง เช่น ส่วนผสมนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา มั่นใจในคุณภาพ ออกฤทธิ์เร็วภายใน 5 นาทีสำหรับลดกรด รสมินต์หอมเย็น ทานง่ายไม่ขม ไม่มีกลิ่นยาแรง เนื้อเนียนไม่ตกตะกอน (เขย่านิดเดียว) และเป็นรูปแบบน้ำที่ซึมซาบเร็วไม่ต้องรอละลายเหมือนยาเม็ด ที่สำคัญคือปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
วิธีใช้ : เขย่าขวดก่อนใช้ แล้วดื่ม 1-2 ช้อนโต๊ะ (หรือตามฉลาก) หลังอาหารหรือก่อนนอน อย่าใช้เกิน 4 ครั้งต่อวัน และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์โดยไม่ปรึกษาแพทย์
คำแนะนำและข้อควรระวัง : ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อป้องกันท้องผูกจาก Aluminium หลีกเลี่ยงหากเป็นโรคไตหรือแพ้ส่วนผสม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดคือท้องเสียหรือท้องผูกเล็กน้อย แต่หายาก หากใช้กับยาอื่น เช่น Tetracycline ควรเว้นระยะ 2-4 ชั่วโมงเพราะอาจลดการดูดซึมหรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา นอกจากนี้ ในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายรุนแรง ควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
โดยสรุป Malugel-S เป็นสูตรลดกรดที่ให้การบรรเทาอาการทางเดินอาหารอย่างครบวงจร (Total GI Relief) โดยอาศัยหลักการทางเภสัชวิทยาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง Aluminium Hydroxide และ Magnesium Hydroxide ในการลดกรดและปรับสมดุลการขับถ่าย พร้อมเสริมด้วย Simethicone เพื่อจัดการอาการจุกเสียดและท้องอืดที่เกิดจากแก๊ส
สุดท้ายแล้ว หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7-14 วันของการรักษา หรือหากมีอาการน่ากังวลอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ, มีอาการกลืนลำบาก หรือมีอาเจียนเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงนะครับ
ตรวจสอบทางการแพทย์ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2025