Acne Solution เจลแต้มสิวอักเสบและเจลลดรอยสิวจาก Acne-Aid
เรื่อง “สิว” ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่งที่หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี อาจจะทำให้เป็นสิวเรื้อรัง หรืออาจจะทำให้เป็นกลายเป็นแผลเป็นบนผิวหนัง ทำให้หลายคนกังวลหรือขาดความมั่นใจ สำหรับการดูแลรักษาสิวสามารถเริ่มได้ตั้งแต่การทำความสะอาดและการดูแลผิวด้วยเคลนเซอร์ล้างหน้า การใช้เจลแต้มสิวลดรอยแดง สิวอักเสบ และสิวอุดตัน ไปจนถึงสิวในระยะลุกลามที่ต้องไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาอย่างใกล้ชิด
สาเหตุของสิว
สิวเกิดจากการอุดตันของคอมีโดน (Comedones) ในรูขุมขน และการที่ต่อมไขมันผลิตไขมันขึ้นมามากกว่าปกติ และไปรวมตัวกับแบคทีเรียและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขนจนเกิดการอุดตัน และหากว่าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ร่างกายจะผลิตเม็ดเลือดขาวมาเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรีย ทำให้เกิดสิวอักเสบในที่สุด
เราสามารถแบ่งความรุนแรงของสิวออกเป็น 3 ระดับคือ
- รุนแรงน้อย คือ สิวไม่มีหัว หรือสิวอักเสบที่มีจำนวนไม่มาก สามารถดูแลโดยการทำความสะอาด เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
- รุนแรงปานกลาง สิวเริ่มอักเสบบวม แดง ควรเลือกใช้เจลแต้มสิวอักเสบมาช่วยลดอาการอักเสบ
- รุนแรงมาก คือ สิวที่บวมแดง มีไตแข็ง ๆ ใต้ผิวหนัง การใช้เจลแต้มสิวอักเสบอาจจะไม่เพียงพอ ต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา
ประเภทของสิว
เราสามารถแบ่งสิวออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ก็คือ สิวอุดตัน กับสิวอักเสบ ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะที่แยกย่อยไปดังต่อไปนี้
- สิวอุดตัน หรือสิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory acne) หรือหลายคนเรียกว่าสิวไม่มีหัว เป็นสิวที่เกิดขึ้นในระยะแรก เมื่อกดลงไปบนสิวแล้วไม่เจ็บ มีทั้งแบบสิวอุดตันหัวขาว และสิวอุดตันหัวดำ ซึ่งการดูแลสิวอุดตันนอกจากการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดแล้ว การใช้เจลแต้มสิวลดรอยแดงรอยดำก็เป็นอีกวิธีในการช่วยให้สิวหายได้เร็วยิ่งขึ้น
- สิวอักเสบ (Inflammatory acne) สิวอักเสบเป็นสิวที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน โดยเกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุสำคัญ คือ การติดเชื้อแบคทีเรีย P.acne ในรูขุมขน และการที่ผนังรูขุมขนแตก อันเนื่องมาจากการบีบสิวหรือจากการที่คอมีโดนขยายตัวใหญ่ ข้อสังเกตสำคัญของสิวอักเสบคือ เมื่อกดลงไปแล้วจะเจ็บ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทคือ สิวตุ่มแดง (Papule) สิวตุ่มหนอง (Pustule) สิวหัวช้าง (Nodule) และซีสต์ (Cysts) หากว่าเป็นสิวอักเสบในระยะเริ่มต้น การใช้เจลแต้มสิวอักเสบอาจจะเพียงพอ แต่หากว่าเป็นสิวหัวช้างหรือซีสต์อาจจะต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาโดยการกินยาเพิ่มเติม
รีวิว ACNE-AID SPOT GEL ANTI-ACNE และ ACNE-AID GEL SCAR CARE แบบเจาะลึกถึงส่วนประกอบ
ขอแนะนำ 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก ACNE-AID โซลูชันที่ช่วยกู้ผิวจากปัญหาสิวแบบครบวงจร จบทั้งปัญหาสิวและริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากสิว ได้แก่
- ACNE-AID SPOT GEL ANTI-ACNE เจลแต้มสิวอักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวด้วยกลไก “Triple Action”
- ACNE-AID GEL SCAR CARE เจลลดรอยสิว ไม่ว่าจะเป็นรอยแดง รอยดำ หรือรอยแผลเป็นต่างๆ ช่วยทำให้ผิวเนียนเรียบอย่างเป็นธรรมชาติมีสุขภาพผิวที่ดี
ACNE-AID SPOT GEL ANTI-ACNE เจลแต้มสิวอักเสบ ลดรอยแดง
สัมผัสแรกเมื่อทาเจลแต้มสิวอักเสบและสิวอุดตันของ ACNE-AID ลงไป จะรู้สึกได้ถึงความบางเบาของเนื้อเจล ที่ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และแม้จะเป็นส่วนที่อักเสบอยู่ก็ไม่รู้สึกแสบ และไม่ทำให้ผิวลอก ต่างจากเจลแต้มสิวอักเสบทั่ว ๆ ไป นั่นเป็นเพราะ เจลแต้มสิวของ Acne-Aid เป็นเจลแต้มสิวสูตรพิเศษ ช่วยลดปัญหาการเกิดสิวอย่างตรงจุด ช่วยจัดการปัญหาสิวใน 6 ชั่วโมง ประกอบด้วยสารสกัดพิเศษจากกระบวนการ Biomimetic Biotechnology ระหว่างสาหร่ายสีน้ำตาล Laminaria และ Marine bacteria จากท้องทะเลลึก ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ Acne-Aid เท่านั้น โดยออกฤทธิ์ในการรักษาสิวแบบ Triple Action ได้แก่
- Kill ลดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย P.Acne และเชื้อ S.Aureus ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบและเป็นหนอง พร้อมลดการสร้างน้ำมันส่วนเกินในชั้นผิว
- Soothe ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน
- Repair ซ่อมแซมผิว ฟื้นฟูการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เป็นเจลแต้มสิวลดรอยแดง รอยสิวได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมี 3 ส่วนประกอบสำคัญที่ผสานอยู่ในเจลแต้มสิวอักเสบและสิวอุดตันของ ACNE-AID ที่ช่วยรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- Salicylic Acid ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดสิวอุดตัน และช่วยทำให้รูขุมขนเล็กลง
- Zinc PCA ช่วยลดความมัน ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยสมานแผล
- Tea tree Oil ช่วยเสริมฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ลดการอักเสบ บวม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
วิธีใช้ : ให้ทา ACNE-AID SPOT GEL ANTI-ACNE ลงบนสิว หรือบริเวณที่เป็นสิวบ่อยๆ วันละ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องล้างออก
ACNE-AID GEL SCAR CARE เจลลดรอยสิว
สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องรอยสิว รอยดำ รอยแดง หรือรอยแผลเป็น สามารถใช้เจลลดรอยสิว ACNE-AID GEL SCAR CARE ได้ โดยสามารถใช้หลังการใช้เจลแต้มสิวอักเสบได้เลย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดริ้วรอย หรือสามารถใช้กับรอยแผลเป็นที่มีอยู่ก็ได้เช่นกัน
เนื้อสัมผัสของเจลมีความบางเบา และซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้เร็ว ไม่มีกลิ่น จึงไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ สามารถแต่งหน้าทับได้เลย
ACNE-AID GEL SCAR CARE ประกอบด้วยสารสำคัญ 6 พลังลดรอยสิว!! ช่วยซ่อมแซมสร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยลดจุดด่างดำและรอยแดงบนผิว
- Sunflower Seed Oil ช่วยลดเรือนรอยแผล เร่งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- Olive Oil ช่วยซ่อมแซมผิวของ ให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- Vitamin E เป็นสาร antioxidant ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นฟื้นฟูและสมานผิว
- Vitamin C Ascorbyl Tetraisopalmitrate ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ให้รอยแผลดูจางลง
- Aloe Vera ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคืองของผิวหน้า
- Tea Tree Oil ลดอาการอักเสบ และยังช่วยต่อต้านแบคทีเรียบนผิวหน้า
วิธีใช้ : ทาบริเวณผิวที่มีรอยแผลเป็น รอยสิว รอยแดง รอยดำ แล้วนวดเบา ๆ ใช้วันละ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องล้างออก ทาต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพที่ดี
หากว่าใครมีปัญหาสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบและรอยสิวที่หลงเหลือไว้ ขอแนะนำให้ใช้ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์คู่กัน ทั้งเจลแต้มสิวอักเสบ สิวอุดตัน และเจลลดรอยสิว ACNE-AID เพราะจะช่วยทั้งจัดการปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยฟื้นฟูผิวของเราให้กลับมาเรียบเนียนสวยได้อีกด้วย สามารถใช้เป็น Skincare Routine ได้เลย ทั้ง 2 ตัวนี้เค้าผ่าน Dermatologically Tested มาเรียบร้อย ปราศจากสารต่างๆที่ทำให้เกิดการแพ้ได้อย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสี ใครที่สนใจสามารถซื้อได้ที่ Watsons, Boots, Lotus’s, Big-C ห้างสรรพสินค้าและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ สำหรับช่องทางออนไลน์สามารถสั่งซื้อที่ได้ที่ LAZADA, SHOPEE และ JDCENTRAL