8 ประโยชน์ของโคลีน (Choline) !

โคลีน

  • โคลีน (Choline) เป็นหนึ่งในสารที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และจัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม โดยโคลีนจะทำงานร่วมกับอิโนซิทอลในกระบวนการใช้ไขมันและคอเลสเตอรอลของร่างกาย
  • โคลีนเป็นสารที่สามารถผ่านระบบกรองระหว่างเลือดและสมอง ซึ่งเป็นระบบที่ปกป้องสมองจากสารหลากหลายในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยโคลีนจะตรงเข้าไปยังเซลล์สมองเพื่อผลิตสารเคมีที่ช่วยในเรื่องความทรงจำ และยังช่วยในการกระจายตัวของคอเลสเตอรอล ไม่ให้คอเลสเตอรอลเกาะที่ผนังเส้นเลือดแดงหรือผนังของถุงน้ำดี โดยการใช้โคลีนในร่างกายจะขึ้นอยู่กับ วิตามินบี 12 กรดโฟลิก และกรดอะมิโนแอล-คาร์นิทีน
  • สำหรับแหล่งที่พบโคลีนตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง เนื้อสัตว์ หัวใจ สมอง ตับ ปลา ผักใบเขียว ยีสต์ จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เป็นต้น
  • ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหากมีการรับประทานในปริมาณมากติดต่อกันทุกวัน และศัตรูของโคลีน ได้แก่ น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร แอลกอฮอล์ ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโตรเจน
  • โรคจากการขาดโคลีน ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ โรคตับแข็งหรือไขมันสะสมที่ตับ ผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว

ประโยชน์ของโคลีน

  1. ช่วยลดการสะสมตัวของคอเลสเตอรอลได้
  2. ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย
  3. ช่วยกำจัดสารพิษและยาที่ค้างในร่างกาย โดยช่วยเสริมการทำงานของตับ
  4. ช่วยในกระบวนการส่งกระแสประสาท โดยเฉพาะในสมองส่วนที่ทำงานที่ด้านความจำ
  5. ช่วยต่อสู้กับปัญหาความจำเสื่อมในวัยสูงอายุ (ด้วยขนาด 1,000 – 5,000 มิลลิกรัม ต่อวัน)
  6. ช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้
  7. ช่วยป้องกันภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือด
  8. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ

คำแนะนำในการรับประทานโคลีน

  • โคลีนมักพบในรูปแบบของวิตามินบีรวม โดยจะมีโคลีนและอิโนซิทอลอยู่ประมาณ 50 มิลลิกรัม หรือพบได้ในรูปของเลซิทินแบบแคปซูลซึ่งทำมาจากถั่วเหลือง โดยมีโคลีนและอิโนซิทอลอยู่อย่างละประมาณ 244 มิลลิกรัม และอาจมีวางจำหน่ายในรูปของฟอสฟาทิดิลโคลีนหรือฟอสฟาทิดิลอิโนซิทอล
  • ในปัจจุบันยังไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณว่าในวัยผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ประมาณ 500 – 900 มิลลิกรัมต่อวัน
  • แต่ขนาดที่แนะนำให้รับประทานโดยทั่วไปต่อวันคือประมาณ 500 – 1,000 มิลลิกรัม
  • คุณควรรับประทานโคลีนที่อยู่ในรูปของวิตามินบีรวม
  • การรับประทานโคลีนอาจช่วยลดภาวะอาการตื่นตระหนกตกใจบ่อย ๆ ได้
  • เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านความทรงจำ คุณควรรับประทานโคลีนให้มากขึ้น
  • การรับประทานเลซิทินเสริม อาจจะต้องรับประทานแคลเซียมเสริมด้วยเพื่อให้ระดับของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายสมดุลกัน เนื่องจากโคลีนเพิ่มการดูดซึมของฟอสฟอรัส
  • สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำควรจะรับประทานโคลีนเสริม เพื่อช่วยลดการทำงานหนักของตับ

แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด