เบญกานี สรรพคุณและประโยชน์ของลูกเบญกานี 15 ข้อ !

เบญกานี

เบญกานี ชื่อสามัญ Nutgall[2]

เบญกานี ชื่อวิทยาศาสตร์ Quercus infectoria G.Olivier จัดอยู่ในวงศ์ก่อ (FAGACEAE)[1],[2]

สมุนไพรเบญกานี มีชื่อเรียกอื่นว่า ลูกเบญกานี, ลูกเบญจกานี, หมดเจียะจี้ (จีนแต้จิ๋ว), หม้อสือจื่อ (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2]

หมายเหตุ : ในหนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย ได้ระบุว่าชื่อสมุนไพรชนิดนี้โดยใช้คำว่า “เบญจกานี” ส่วนในหนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติและในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน จะใช้คำว่า “เบญกานี” และจากการสืบค้นข้อมูลในประเทศไทย พบว่าหลาย ๆ ข้อมูลจะใช้คำว่า “เบญกานี” เป็นหลัก ผู้เขียนจึงขอเรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า “เบญกานี” นะครับ[1],[2]

ลักษณะของเบญกานี

  • เบญกานีเป็นรังของผึ้งชนิดหนึ่งCynips-gallaetinctoriae-Olevier (คือผึ้งชนิด Quercus infectoria G.Olivier แต่ข้อมูลจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุว่าเบญกานีเกิดจากการวางไข่ของแมลงชนิด Cynips tinctoria) โดยผึ้งชนิดนี้จะเข้าไปวางไข่บนต้น Quercus infectoria G.Olivier เมื่อผึ้งเจริญเติบโตเต็มที่จนเป็นผึ้งสมบูรณ์แล้วก็จะบินออกจากรังไปและทิ้งรังไว้ ซึ่งรังผึ้งชนิดนี้เองที่ถูกนำมาทำเป็นยา โดยเรียกว่า “เบญกานี” หรือ “เบญจกานี” โดยรังผึ้งดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งค่อนข้างกลมสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลอมเทา ด้านหนึ่งจะมีขั้วลักษณะคล้ายกับจุกขนาดเล็ก ผิวขรุขระมันเงา มีรูพรุนเข้าไปข้างในได้ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร บางครั้งพบซากของตัวอ่อนอยู่ภายใน โดยต้นไม้ชนิดนี้ส่วนมากแล้วจะพบได้ที่ประเทศอิหร่าน ตรุกี และประเทศกรีก[1]
  • ส่วนตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคำว่า “เบญกานี” ไว้ว่า เบญกานีคือชื่อเรียกก้อนแข็ง ๆ ที่เกิดตามใบของไม้ก่อชนิด Quercus infectoria Oliv. ในวงศ์ FAGACEAE เกิดจากการวางไข่ของแมลงชนิด Cynips tinctoria เบญกานีมีรสฝาดจัด ใช้ทำยาได้ เราเรียกว่า “ลูกเบญกานี

ต้นเบญกานี

รูปเบญกานี

ลูกเบญกานี

สรรพคุณของลูกเบญกานี

  1. รังแห้งหรือลูกเบญกานี มีรสขมฝาด เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และไต ใช้เป็นยาแก้ไอเป็นเลือด หลอดลมอักเสบ[1]
  2. ใช้แก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้เบญกานีนำมาเผาไฟให้เกรียม แล้วบดเป็นผง ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1]
  3. ช่วยรักษาปากหรือลิ้นเป็นแผล ด้วยการใช้เบญกานีนำมาเผาไฟให้เกรียม แล้วบดเป็นผง ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1] แก้ปากเป็นแผล แก้ละอง ให้ละลายน้ำลูกเบญกานีแล้วนำมาฝนทาปาก[3]
  4. ใช้เป็นยาแก้ลิ้นเป็นฝ้า[3]
  1. ช่วยแก้อาเจียน[4]
  2. ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย[3]
  3. ใช้เป็นยาแก้อาการท้องร่วง ท้องเสีย[1],[3],[4]
  4. ช่วยแก้บิดปวดเบ่ง[1],[4]
  5. ใช้เป็นยาแก้บิดมูกเลือด ถ่ายเป็นเลือด ด้วยการใช้เบญกานี 35 กรัม นำมาบดให้เป็นผง แล้วทำเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลือง ใช้รับประทานครั้งละ 10 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง[1]
  6. ช่วยรักษาริดสีดวงภายใน ด้วยการนำเบญกานีมาเผาไฟให้เกรียม แล้วนำมาบดเป็นผงทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน หรือบดให้เป็นผงชงกับน้ำรับประทาน[1]
  7. ใช้เป็นยาห้ามเลือดภายใน แก้อาการตกเลือด[1],[2]
  8. ใช้เป็นยาแก้น้ำอสุจิเคลื่อนโดยไม่รู้ตัว[1]
  9. ช่วยแก้อาการปวดมดลูก[4]
  10. ใช้เป็นยาสมานแผลสด ห้ามเลือด ด้วยการนำเบญกานีมาบดเป็นผงทา แล้วใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1],[2]
  11. เบญกานีเป็นสมุนไพรที่จัดอยู่ในตำรับ “ยามันทธาตุ” โดยในตำรับยาจะประกอบด้วยลูกเบญกานีและสมุนไพรอื่น ๆ อีกหลายชนิด ซึ่งตำรับยานี้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ แก้ธาตุไม่ปกติ[3]

หมายเหตุ : การใช้สมุนไพรเบญกานีตาม [1] ให้ใช้ครั้งละ 6-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาชนิดอื่น ๆ ในตำรับยาตามที่ต้องการ ส่วนการใช้เป็นยาภายนอก ให้นำเบญกานีมาบดเป็นผงทา ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1]

ข้อควรระวังในการใช้เบญกานี

  • สำหรับผู้ที่เป็นบิดถ่ายแล้วมีอาการแสบร้อน และผู้ที่มีอาการท้องผูก ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้[1]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเบญกานี

  • พบสาร Turkish gallotannin ประมาณ 50-70%, สาร Gallic acid, Tannic acid และพบยางอีกเล็กน้อย เป็นต้น[1]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.  (วิทยา บุญวรพัฒน์).  “เบญจกานี”.  หน้า 312.
  2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “เบญกานี Nutgall”.  หน้า 213.
  3. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ.
  4. ตำรับยา ตำราไทย.  “สรรพคุณยาเภสัช”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: thrai.sci.ku.ac.th.  [31 ก.ค. 2014].

ภาพประกอบ : byherbal.com

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด