อะโวคาโด
อะโวคาโด, อาโวคาโด, อาโวกาโด, อโวคาโด้ (Avocado) หรือ ลูกเนย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Persea americana Mill จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE)
อะโวคาโดเป็นต้นไม้พื้นเมืองของเม็กซิโกในรัฐปวยบลา ในประเทศไทยมีการนำมาปลูกครั้งแรกที่จังหวัดน่าน ก่อนจะแพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย ลักษณะของผลจะมีรูปร่างคล้ายสาลี่ หรือรูปไข่จนถึงรูปกลม
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากในแถบยุโรปและอเมริกา เพราะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แต่สำหรับบางคนแล้วกลับไม่ชอบรับประทานอะโวคาโดเอาเสียเลย เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวาน และมีไขมันสูง ผลไม้ชนิดนี้จึงถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าผลอะโวคาโดน้ำหนัก 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) จะมีไขมันสูงถึง 14.66 กรัม ! (ถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นจะมีไขมันน้อยมากหรือไม่มีไขมันเลย) แต่คุณทราบหรือไม่ว่าการรับประทานอะโวคาโดไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับการรับประทานไขมันอื่นในปริมาณเท่ากัน แถมการรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย และไม่ทำให้อ้วน แถมยังช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย !
ประโยชน์ของอะโวคาโด
- อะโวคาโดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
- อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ จึงช่วยคงความอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้
- อะโวคาโดช่วยลดน้ำหนัก การรับประทานอะโวคาโดสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวและลดระดับไขมันชนิดเลว (LDL) ลงได้อย่างชัดเจน
- อะโวคาโดเป็นแหล่งของกรดไขมันชนิดดี (HDL) ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันเลวในหลอดเลือดได้ จึงช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหัวใจวาย
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้
- ในผลอะโวคาโดมีวิตามินซีซึ่งช่วยป้องกันหวัดได้
- อะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคปากนกกระจอก
- อะโวคาโดมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
- ไขมันในอะโวคาโดสามารถช่วยดูดซึมสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นตัวช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน เบตาแคโรทีน หรือลูทีนในผักผลไม้ต่าง ๆ
- การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดความถี่ของการเกิดโรคเหน็บชาได้
- อะโวคาโดมีประโยชน์อย่างมาก ซึ่งเหมาะให้ลูกน้อยรับประทานเป็นอาหารเสริม แม้ว่าจะมีแคลอรีสูงแต่ก็อุดมไปด้วย DHA และไขมันดี (HDL) ในปริมาณที่สูงเช่นกัน
- อะโวคาโดมีโฟเลตสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะจำเป็นสำหรับทารกในครรภ์
- น้ำมันอะโวคาโดเป็นน้ำมันที่ดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดหากเทียบกับน้ำมันอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด อัลมอนด์ หรือแม้กระทั่งน้ำมันมะกอก
- น้ำมันอะโวคาโดสามารถนำมาใช้นวดศีรษะเพื่อช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้
- อะโวคาโด ประโยชน์นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือรับประทานร่วมกับไอศกรีม นมข้นหวาน น้ำตาล เค้ก สลัด ฯลฯ
- เนื้อของอะโวคาโดสามารถนำมาปรุงอาหารแทนเนยได้
- สามารถนำมาสกัดน้ำมันทำเป็นเครื่องสำอางได้
- อะโวคาโดสดสามารถใช้บำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งจะช่วยทำให้คุณมีผิวพรรณที่ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาได้
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโดดิบต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 160 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม
- น้ำตาล 0.66 กรัม
- เส้นใย 6.7 กรัม
- ไขมัน 14.66 กรัม
- กรดไขมันอิ่มตัว 2.13 กรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 9.8 กรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1.82 กรัม
- โปรตีน 2 กรัม
- น้ำ 73.23 กรัม
- วิตามินเอ 7 ไมโครกรัม 1%
- เบตาแคโรทีน 42 ไมโครกรัม 1%
- ลูทีนและซีแซนทีน 271 ไมโครกรัม
- วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
- วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม 11%
- วิตามินบี 3 1.738 มิลลิกรัม 12%
- วิตามินบี 5 1.389 มิลลิกรัม 28%
- วิตามินบี 6 0.257 มิลลิกรัม 20%
- วิตามินบี 9 81 ไมโครกรัม 20%
- วิตามินซี 10 มิลลิกรัม 12%
- วิตามินอี 2.07 มิลลิกรัม 14%
- วิตามินเค 21 ไมโครกรัม 20%
- ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.55 มิลลิกรัม 4%
- ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม 8%
- ธาตุแมงกานีส 0.142 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุโพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม 10%
- ธาตุโซเดียม 7 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.64 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุฟลูออไรด์
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
อะโวคาโดกินอย่างไร วิธีกินอะโวคาโดไม่นิยมรับประทานผลดิบเนื่องจากมีรสขม แต่นิยมรับประทานแบบสุก ด้วยการปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าใส่น้ำกะทิ หรือจะผ่าตามยาว เอาเมล็ดออกแล้วราดด้วยน้ำผึ้งแล้วรับประทานก็ได้
โทษของอะโวคาโด ผลดิบไม่สามารถรับประทานได้ เพราะมีสารแทนนินในปริมาณมากและมีรสขม หากรับประทานในปริมาณมากอาจจะทำให้ปวดศีรษะได้ ดังนั้นควรรับประทานแต่ผลสุก สำหรับบางรายอาจมีอาการแพ้อะโวคาโดได้ โดยอาจจะแพ้ในรูปของละอองเกสร หรือแพ้หลังจากการรับประทานอะโวคาโดก็ได้ โดยอาการที่ปรากฏก็ได้แก่ ปวดท้อง อาเจียน ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีทำน้ำอะโวคาโด
- การทำน้ำอะโวคาโด อย่างแรกให้เราเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ผลอะโวคาโดหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย / มะเขือเทศล้างสะอาด 1 ผล / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา / น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / น้ำเปล่า / น้ำแข็ง / เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- นำผลอะโวคาโดที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำอะโวคาโด
- นำมะเขือเทศที่เตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องสกัดแยกกากออก ให้เหลือแต่น้ำมะเขือเทศ
- หลังจากนั้นให้นำน้ำอะโวคาโด น้ำมะเขือเทศที่ได้มา น้ำมะนาว น้ำผึ้ง เกลือป่น น้ำเปล่าเล็กน้อย คนจนละลายเข้ากัน นำใส่แก้วและน้ำแข็งดื่มแก้กระหายได้เลย
สูตรมาส์กหน้าอะโวคาโด
สูตรคลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวหน้า
- ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโดบดละเอียด ครึ่งลูก / ไข่แดง 1 ฟอง / นมครึ่งถ้วย
- นำไข่แดงมาตีจนเข้ากันแล้วเติมนม และตามด้วยเนื้ออะโวคาโดที่เตรียมไว้ตามลำดับ แล้วตีส่วนผสมให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อครีมคล้ายโลชัน
- หลังจากนั้นให้ใช้สำลีแผ่นชุมครีมแล้วนำมาเช็ดหน้าให้ทั่วเหมือนคลีนเซอร์ทั่ว ๆ ไป
- คุณสามารถใช้สูตรนี้หลังการล้างหน้าแบบปกติที่ทำอยู่ ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวหน้าปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างได้เป็นอย่างดี
สูตรสำหรับผิวที่เสี่ยงต่อความแห้งกร้าน
- ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโด 2 ผล / น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- นำเนื้ออะโวคาโดใส่ลงในเครื่องปั่นแล้วตามด้วยน้ำผึ้งและน้ำมะนาว
- ปั่นรวมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมที่มีลักษณะข้น แล้วนำมาใส่ถ้วยที่เตรียมไว้
- นำส่วนผสมที่ได้มาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นบริเวณขอบตาและริมฝีปาก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
- ระหว่างที่รอไม่ควรขยับใบหน้าหรือยิ้มแสดงอารมณ์ เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยย่นหรือรอยพับบริเวณใบหน้าได้
- หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและคลีนเซอร์
- เมื่อเสร็จแล้วให้เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้วบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือจะใช้เดย์ครีมหรือไนท์ครีมก็ได้ตามปกติ
- ทำติดต่อกันเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งจะช่วยทำให้ผิวสดชื่น ไม่แห้งกร้าน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ตากแดดตากลมเป็นประจำอย่างมาก
สูตรสำหรับผิวแห้ง
- ให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ไข่แดง 1 ฟอง / เนื้ออะโวคาโดบดละเอียดครึ่งลูก
- นำไข่แดงมาตีให้เข้ากัน แล้วตามด้วยเนื้ออะโวคาโด คนจนเข้ากัน หรือจะใช้เครื่องปั่นก็ได้
- ล้างหน้าให้สะอาดแล้วก็นำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
- หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นและเช็ดหน้าให้แห้ง
- หลังจากนั้นให้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ผลที่ได้จะทำให้ผิวหน้าสดใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น และทำให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้นอีกด้วย
สูตรสำหรับผิวมัน
- ขั้นตอนแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เนื้ออะโวคาโดครึ่งลูก / ไข่ขาว 1 ฟอง / น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- นำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาปั่นรวมกันในเครื่องปั่นจนเนื้อเข้ากัน
- ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าหรือลำคอก็ได้ พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
- หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ๆ เพียงแค่นี้ก็จะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณปราศจากความมันได้แล้ว
สูตรบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น
- ขั้นตอนแรกให้ทำตามสูตรสำหรับผิวมันให้เสร็จ
- หลังจากนั้นให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ เปลือกอะโวคาโดครึ่งลูก เพราะเปลือกนั้นจะอุดมไปด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์อย่างมาก เพราะมีสารห่อหุ้มความชุ่มชื้นที่จะช่วยทำให้ผิวหน้ารู้สึกสดชื่น
- ให้นำเปลือกอะโวคาโดที่เตรียมไว้มาถูและนวดบนใบหน้าในแนวขึ้น
- ทิ้งให้น้ำมันจากเปลือกอะโวคาโดซึมเข้าสู่ผิวประมาณ 15 นาที
- เมื่อครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นเป็นอันเสร็จ แต่หากทำก่อนเข้านอนสามารถทาทิ้งไว้ได้ตลอดคืนโดยไม่ต้องล้างออก จบเพียงเท่านี้กับสูตรอะโวคาโดพอกหน้า
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (นิดดา หงส์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)