เหนียงใต้คาง
สาว ๆ หลายคนอาจจะไม่ได้อ้วน แต่กลับมีเหนียงหรือไขมันมาสะสมบริเวณใต้คางเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายรูป ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ต้องเสียเวลามาปรับมุมกล้องกันอยู่นาน เพราะรูปหน้าดูหลอกตาไม่เหมือนตัวจริงเอาซะเลย ถ่ายยังไง้ยังไงรูปหน้าก็ดูกลมไปซะทุกรูป หรือสำหรับสาว ๆ ที่มีน้ำหนักตัวมาก จนทำให้เหนียงใต้คางปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนนั้น และกำลังมองหาวิธีลดเหนียงใต้คางกันอยู่ วันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาของคุณมาฝาก
สาเหตุการเกิดเหนียงใต้คาง
เหนียงใต้คาง คือ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางซึ่งมีลักษณะคล้ายคางหมู หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไขมันใต้คาง” หรือ “คางสองชั้น” ซึ่งโดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่คุณสาว ๆ ละเลยปล่อยตัวเอง ไม่ควบคุมอาหารการกิน ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดไขมันไปสะสมอยู่บริเวณใต้คาง ทำให้มีเหนียงใต้คางเป็นชั้น ๆ ซึ่งวิธีการลดเหนียงใต้คางที่ดีที่สุดก็คือ การออกกำลังกายพร้อมกับการควบคุมอาหารอย่างถูกวิธี
วิธีลดเหนียงใต้คาง
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการกำจัดเหนียงหรือไขมันส่วนเกินใต้คางที่ได้ผลดีที่สุด เพราะเมื่อคุณออกกำลังกายเป็นประจำ ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณคางหรือเหนียงนั้นจะค่อย ๆ ถูกเผาผลาญไปทีละน้อย และยังช่วยเพิ่มความกระชับเต่งตึงให้กับบริเวณใต้คางที่หย่อนคล้อยจากการสูญเสียไขมันได้อีกด้วย แต่สำหรับวิธีนี้ก็อาจใช้ได้ผลกับบางคนเท่านั้น เนื่องจากบางคนถึงแม้จะลดน้ำหนักตัวได้ แต่เหนียงใต้คางก็ไม่จางหายไป ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ก็ได้ แต่ก็อย่าเพิ่งเศร้าไป เพราะศาสตร์ในการออกกำลังกายนั้น ถ้าหากคุณต้องการลดไขมันส่วนใดเป็นพิเศษ คุณก็ต้องออกกำลังกายส่วนนั้นเป็นหลัก เช่น คุณอยากมีต้นขาเรียวสวย คุณก็ต้องเน้นการปั่นจักรยาน แต่ถ้าอยากจะลดเหนียงหรือไขมันใต้คางคุณก็ต้องออกกำลังกายหรือบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ ซึ่งเราก็มีท่ากายบริหารบริเวณคอแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถเลือกทำได้เองที่บ้านมาฝาก และที่สำคัญใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที !! ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะช่วยลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางของคุณได้เป็นอย่างดี สามารถดูได้ในหัวข้อถัดไปเลยครับ
- เคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดเหนียงใต้คางได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากแล้วยังเป็นการช่วยบริหารขากรรไกรไปในตัวอีกด้วย แต่สำหรับสาว ๆ ส่วนใหญ่คงไม่นิยมที่จะใช้วิธีนี้เป็นแน่แท้ เพราะกลัวว่าจะทำให้กรามใหญ่จนหน้าบานและดูไม่สวย
- ไข่ขาวช่วยได้ เริ่มจากนำไข่มาตอกแล้วแยกไข่ขาวล้วน ๆ ตีเบา ๆ นำมาทาใต้คางและแก้มที่หย่อนยาน โดยเริ่มจากใต้ใบหูข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง โดยใช้หัวแม่มือแตะใต้กกหูแล้วค่อย ๆ ยกขึ้น วนไปตามแก้มและคาง กดและยกเบา ๆ ประมาณ 15 นาที ถ้ากลัวเมื่อยก็ให้เอาข้อศอกเท้าไว้ก็ได้จนกว่าไข่ขาวจะแห้งสนิท จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นอันเสร็จ โดยให้ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
- เฉดดิ้งเครื่องสำอาง เทคนิคนี้มาจากสาวสวย จากเว็บจีบัน (@ Jeban’) โดยขั้นตอนแรกให้คุณก้มหน้าลงเพื่อเช็กเหนียงก่อนตามรูป จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วเฉดดิ้งตามรูป วิธีนี้จะช่วยให้คุณถ่ายรูปออกมาดูเป๊ะขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ Hydro V Plus ใน 1 กล่องมี 8 ชิ้น (ราคากล่องละ 1,450 บาท) 1 ซองใช้ได้ 1 วัน วิธีใช้ก็ไม่ยากครับ แค่แกะซองที่บรรจุเซรั่มซองเล็ก ๆ แล้วนำมานวดทาให้ทั่วบริเวณใต้คางและกรอบใบหน้า โดยให้นวดและคลึงจนเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวจนแห้งดี หลังจากนั้นก็ใช้แผ่นคาดใต้คาง (แผ่น Hydro gel) ที่มีมาในซองเดียวกันมาคลุมให้ทั่วบริเวณใต้คางเหมือนการสวมหน้ากาก โดยให้ทำติดต่อกันทุกวันจนครบ 8 ซอง จากที่ดูรีวิวในเว็บพันทิปกับจีบัน หลายคนใช้แล้วก็ได้ผลนะครับ:) (ภาพจาก : www.jeban.com by mintmintmaru)
- โบทอกซ์ (Botox) การฉีดโบทอกซ์ก็สามารถช่วยลดเหนียงใต้คางได้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการฉีดที่ใช้หลักการเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า (คนละเทคนิคกับการฉีดลดกราม) เหมาะกับผู้ที่เหนียงหรือไขมันใต้คางไม่มากนัก ถ้ามีไขมันมากก็คงไม่ช่วยอะไร (วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นผลสักเท่าไร จึงไม่ขอแนะนำครับ)
- ฉีดสลายไขมันใต้คาง หรือ ฉีดลดเหนียง หรือ เมโสลดเหนียง (เมโสแฟต – Meso fat) คือ การกำจัดไขมันและลดเซลลูไลต์ส่วนเกินเฉพาะที่โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เป็นการฉีดยาซึ่งมีสรรพคุณในการสลายไขมันเข้าไปบริเวณที่ต้องการ โดยใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัวผสมกันแล้วฉีด เช่น Phosphatidylcholine, L-carnitine, Deoxycholate, Dexpanthenol (B5), Amino acids, Minerals ฯลฯ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลวแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ แต่ต้องทำติดต่อกันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งก็น่าจะเห็นผลแล้วนะครับ ส่วนราคาการทำต่อครั้งหลักพันขึ้นไปครับ
- ร้อยไหมลดเหนียง (ร้อยไหมคาง) เป็นวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางของคุณได้ โดยเป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคนิคใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยปรับกระชับรูปหน้า ร้อยเก็บคาง ยกกระชับร่องแก้ม และเก็บขากรรไกรให้ดูคมขึ้น ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า PDO Polydioxanone ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเสร็จ ตัวไหมเมื่อโดนน้ำจากใต้ผิวหนังก็จะถูกละลายไปเรื่อย ๆ ไหมจะช่วยดึงผิวขึ้นตามแนวแกนไหม เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมาล้อมรอบแกนไหม แม้ว่าไหมจะละลายหมดไปแล้วแต่ก็ยังเหลือแนวแกนคอลลาเจนเพื่อช่วยดึงผิวอยู่ใต้ผิวให้ตึงนั่นเอง (บางคลินิกจะทำการฉีดสลายไขมันก่อนแล้วตามด้วยการร้อยไหม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของหมอแต่ละที่) (ภาพจาก : www.manager.co.th by คุณดาว)
- ดูดไขมันใต้คาง (Vaser Liposelection) เป็นการดูดสลายไขมันโดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียง (Ultrasound) เพื่อให้ไขมันเกิดการแตกตัวหรือสลายตัวเป็นของเหลวเพื่อให้ดูดออกมาได้โดยง่าย คุณสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวกันอื่น ๆ หลังทำเสร็จจะเห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าดูแลร่างกายไม่ดี (ไม่บริหารคอหรือออกกำลังกาย) ก็อาจจะกลับมาเป็นได้อีก ส่วนราคาทำต่อครั้งก็ประมาณ 3 หมื่นบาทขึ้นไป (ภาพจาก : catmint.in.th)
- เทอร์มาจ (Thermage) หรือการใช้คลื่นวิทยุ (RF) มาทำให้ผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อยเกิดการหดกระชับโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอในการทำศัลยกรรม และไม่ทำให้เกิดแผล โดยทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล (เห็นผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีไขมันอยู่มากแค่ไหน) แต่ราคาทำค่อนข้างสูง ราคาทำต่อครั้งประมาณ 5 หมื่นบาทขึ้น สำหรับคนทั่วไปอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปสักเท่าไร
ท่าบริหารลดเหนียง
- สูตร 1 (เงยและก้ม) วิธีนี้ให้เริ่มจากการตั้งศีรษะให้ตรงแล้วเงยหน้าขึ้นไปให้สุด ๆ จนรู้สึกตึงบริเวณลำคอพร้อมกับหายใจเข้า นับ 1-5 ในใจ จากนั้นค่อย ๆ ก้มหน้าลงให้ต่ำสุดจนคางชิดกับลำคอพร้อมกับผ่อนลมหายใจ และเกร็งคอไปด้วยค้างไว้ นับ 1-15 ในใจ เป็น 1 รอบ โดยให้ทำ 15-20 รอบต่อวัน ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยลดไขมันใต้คางแล้วยังช่วยลดไขมันช่วงลำคอได้อีกด้วย
- สูตร 2 (ก้มและหัน) วิธีนี้ให้ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดจนคางชิดกับลำคอและค้างไว้จนรู้สึกเกร็งแล้ว จากนั้นให้หันคางไปแตะส่วนของไหล่ขวาและเกร็งค้างไว้ และให้หันคางไปแตะไหล่ด้านซ้ายและเกร็งค้างไว้อีกเช่นกัน โดยให้ทำสลับกันไปอย่างนี้ประมาณ 20 ครั้ง คิดเป็น 1 รอบ และให้ทำอย่างน้อยวันละ 3 รอบ
- สูตร 3 (หันหน้าและหมุนคอ) ท่านี้ให้คุณนั่งตัวตรงตามสบาย ศีรษะตั้งตรงและมองตรงไปข้างหน้า หันหน้าไปทางซ้ายอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ หันกลับมามองตรงไปข้างหน้า แล้วหันหน้าไปทางขวาอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ หันกลับมามองตรงไปข้างหน้า จากนั้นให้ก้มหน้าและค่อย ๆ หมุนคอไปข้างหลัง โดยเริ่มจากขวาไปซ้าย และค่อย ๆ หมุนวนกลับมามองตรง วิธีนี้จะช่วยให้ลำคอและคางไม่หย่อนยานได้ โดยให้ทำวันละ 15 รอบ
- สูตร 4 (เงยหน้าและยื่นฟัน) ให้เริ่มจากการยืนในท่าสบาย ๆ จากนั้นให้พยายามเงยหน้าขึ้นให้สุดจนรู้สึกตึงคอ แล้วยื่นฟันล่างมาครอบฟันบน (ยกริมฝีปาก) เพื่อให้รู้สึกตึงบริเวณคอมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเกร็งค้างไว้ 10 วินาที คิดเป็น 1 ครั้ง แล้วผ่อนคลายกลับเข้าสู่ท่าปกติ และให้ทำซ้ำอีกประมาณ 10-30 ครั้ง คิดเป็น 1 รอบ โดยให้ทำวันละ 3 รอบ ซึ่งคุณจะรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อใต้คางเกิดการบิดและยืดมากขึ้น
- สูตร 5 (สูตรจากพันทิป) ท่าแรกให้แหงนหน้ามองขึ้นเพดานจนคอรู้สึกตึง แล้วยื่นฟันล่างมาครอบฟันบนเพื่อให้รู้สึกตึงมากขึ้นไปอีก นับ 1-5 ในใจ เพื่อเป็นการบริหารกระชับกล้ามเนื้อใต้คอ จากนั้นให้หันหน้าไปทางด้านซ้ายจนรู้สึกคอบริเวณด้านขวาตึง และพยายามยื่นฟันล่างมาครอบฟันบน เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อคอบริเวณด้านขวา นับ 1-5 ในใจ ต่อมาให้หันหน้าไปทางด้านขวาจนรู้สึกคอบริเวณด้านซ้ายตึง และพยายามยื่นฟันล่างมาครอบฟันบน เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อคอบริเวณด้านซ้าย นับ 1-5 ในใจ จากนั้นให้ยื่นหน้าออกไปข้างหน้าให้มากที่สุดจนรู้สึกตึง แล้วให้ทำปากจู๋ยื่นออกไปจูบอากาศข้างหน้าจนรู้สึกตึงมากขึ้นไปอีก (จะรู้สึกตึงบริเวณรอบ ๆ ลำคอ) และนับ 1-5 ในใจ โดยทั้งหมดนี้คิดเป็น 1 รอบ และให้ทำวันละ 15 รอบ แล้วคุณจะสังเกตเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายใน 1 สัปดาห์
- สูตร 6 (ยุบและพอง) การหายใจเข้าออกจนกระทั่งแก้มและคางเกิดการยุบและพองตัวเหมือนคางคก เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดเหนียงใต้คางได้ เพียงแค่คุณเงยหน้าขึ้นแล้วทำการสูดลมหายใจเข้าไปภายในปาก จากนั้นกักเอาไว้ให้แก้มพองตัวขึ้น โดยกักเอาไว้สักครู่แล้วจึงปล่อยลมออกให้เกิดการยุบพอง โดยให้ทำวนซ้ำไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30 ครั้งก็เพียงพอ
- สูตร 7 (แลบลิ้น) อาจจะเป็นวิธีที่แปลก แต่ก็นับว่าเป็นวิธีที่ดีในการบริหารกล้ามเนื้อคอและคาง โดยให้เริ่มต้นจากการเปิดปากให้กว้างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพยายามแลบลิ้นหรือดึงลิ้นของคุณให้ออกมามากที่สุด โดยทำค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วผ่อนคลายกลับเข้าสู่ท่าปกติ จากนั้นให้ทำซ้ำอีกอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง
- สูตร 8 (เงยหน้าและแลบลิ้น) ให้เงยหน้าขึ้น จนลำคอรู้สึกตึง จากนั้นให้แลบลิ้นเข้าออกประมาณ 10 ครั้ง คิดเป็น 1 รอบ โดยทำอย่างน้อยวันละ 4-5 รอบ เป็นอย่างน้อย
- สูตร 9 (บริหารด้วยนิ้ว) ให้ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง (ทั้งสองข้าง) จับจีบรูดที่ใต้คางลากขึ้นไปที่ใบหน้า หรือพนมมือโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองอยู่ใต้คาง แล้วค่อย ๆ ใช้มือลากขึ้นไปด้านข้างทั้งสองข้าง (จากสันจมูกไปที่ข้างใบหู) โดยให้ทำท่านี้ประมาณ 6 ครั้ง
- ยืนตัวตรง ทราบหรือไม่ว่าการยืนของคุณมีผลโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญในการปรากฏตัวของไขมันใต้คาง การปรับท่ายืนให้ดี ด้วยการยืนตัวตรง มันจะช่วยค่อย ๆ ยกชายโครงกระดูก หรือแม้แต่ในขณะนั่งก็ควรนั่งตัวตรง เชิดหัวขึ้น พร้อมกับพยายามยกคางให้เชิดสูงขึ้นเล็กน้อย จนเกิดความรู้สึกตึง ๆ บริเวณคอ แต่อย่าพยายามให้รู้สึกตึงแน่นมากจนเกินไป เอาแต่พอดี ๆ หากคุณสามารถทำท่านี้ได้อย่างถูกต้องในขณะทำกายบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอ มันจะช่วยทำให้การออกกำลังกายเพื่อลดเหนียงของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
- ตบคาง วิธีนี้ถ้านึกภาพไม่ออกให้คุณลองนึกถึงภาพยนตร์เก่า ๆ ที่สาว ๆ นักแสดงมักจะใช้วิธีการตบคางของตัวเองเพื่อเสริมความงามในขณะแต่งตัว ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วมันสามารถช่วยลดเหนียงใต้คางได้เป็นอย่างดี (หากคุณทำเป็นประจำ) เพียงแค่ใช้หลังมือตบขึ้นไปเบา ๆ บริเวณใต้คางประมาณ 1 นาที
- ลูบคอ เป็นอีกวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเริ่มจากการแหงนหน้าขึ้นก่อนจนกระทั่งรู้สึกตึงที่คอ จากนั้นให้ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างประสานกัน สัมผัสลงบนคออย่างเบาบาง แล้วลูบจากล่างขึ้นไปถึงคาง ห้ามลูบจากคางลงล่าง เพราะจะทำให้คอกลายเป็นชั้นบันไดเหมือนคนมีอายุได้ (ทาน้ำมันก่อนลูบด้วยก็ดีนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะลูบแล้วสะดุดจนเกิดเป็นริ้วรอยได้) โดยวิธีนี้คุณอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดไขมันแบบนวดทาร่วมด้วยก็ได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำให้บริเวณที่นวดทารู้สึกร้อน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ครีมบำรุงทาไปบริเวณคอได้อีกด้วย เพื่อช่วยทำให้ผิวบริเวณนั้นรู้สึกชุ่มชื้นและตึงกระชับ
- เอียงคอ เป็นท่าลดเหนียงขั้นพื้นฐาน ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เอียงคอขึ้น-ลง ในขณะที่นอน เพื่อให้คางยืดตัวออกไปเล็กน้อย ซึ่งถ้าหากทำเป็นประจำ คุณก็สามารถนอนหลับไปในท่าดังกล่าวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็เป็นอีกวิธีการลดเหนียงคอได้โดยไม่รู้ตัวในขณะที่กำลังนอนหลับ
- ยืดคอ ทำได้โดยการพยายามยกหัวของคุณจากหน้าอกให้ยืดออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่กำลังยืดคอให้เม้มปากด้วยเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการยึดและกระชับมากยิ่งขึ้น ส่วนสายตาของคุณให้หันไปมองที่พานหรือที่สูง ๆ โดยวิธีนี้ให้ทำค้างเอาไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วผ่อนคลายกลับเข้าสู่ท่าปกติ จากนั้นให้ทำซ้ำอีกอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง
- เปล่งเสียง EEE (อี……….) พร้อมกับฉีกยิ้ม โดยฉีกยิ้มให้กว้างเข้าไว้ จากนั้นให้เกร็งช่วงกรามไว้ด้วย โดยให้ทำครั้งละ 10 วินาที และทำอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง
หมายเหตุ : สูตร 1-9 ให้เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งแล้วหมั่นทำเป็นประจำ แล้วตามด้วยข้อ 10-15 หรือจะประยุกต์ใช้เอาก็ได้ครับตามความถนัด
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)