15 วิธีลดหน้ามัน ! ปัญหาหน้ามันทําไงดี ?

หน้ามัน

สำหรับใครที่มีความกังวลความมันส่วนเกินบนใบหน้า แต่ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ลองมาหลายวิธีแล้วแต่หน้าก็ยังมันเหมือนเดิม ยิ่งสภาพอากาศในบ้านเราที่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้ ยิ่งง่ายมากที่จะทำให้ผิวหน้าของเรามันได้ตลอดเวลา ยิ่งแก้ก็เหมือนจะยิ่งเป็นหนักขึ้น ทำให้เสียความมั่นใจกันไม่ใช่น้อยเลย

เนื่องจากใบหน้าที่มีความมัน จึงทำให้ความสกปรกต่าง ๆ ไปรวมอยู่บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นหรือมลภาวะต่าง ๆ ที่เราทำกิจกรรมอยู่ในทุก ๆ วัน จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ทำให้หน้าดูโทรม หมองคล้ำง่ายมาก ขาดความมั่นใจ ผิวหน้าเปรียบเสมือนหลุมดำที่ทำหน้าที่ดูดจับฝุ่นละออง จนเกิดสารพัดสิวและสิ่งอุดตันบนใบหน้าตามมา ทำให้รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน บีบสิวไปเรื่อย ๆ ก็เกิดรอยดำจากสิว แต่งหน้าแป๊บเดียวเครื่องสำอางละลาย เติมแป้งหน้าก็เป็นคราบ ฯลฯ โอ๊ยยย… โคตรกลุ้มจริง ๆ ! ดังนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนหน้ามัน ก็ต้องรู้จักวิธีการดูแลตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนด้วย ไปดูสาเหตุและวิธีแก้กัน

สาเหตุของผิวมัน

ผิวหน้ามันมีสาเหตุมาจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินปกติ โดยต่อมไขมันบนใบหน้าจะมีมากในช่วง T-Zone โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจมูกจะมีขนาดใหญ่และทำงานได้ดีกว่าต่อมไขมันบริเวณอื่น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมบริเวณจมูกมักจะมีความมันมากกว่าปกติ

โดยสาเหตุหลัก ๆ แล้ว ผิวมันจะมาจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น อารมณ์ ความเครียด อากาศเปลี่ยนแปลง ความร้อน ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การสัมผัส การใช้สกินแคร์ที่มากเกินความจำเป็นหรือใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิว รวมไปถึงการใช้ยาบางชนิดก็มีส่วนทำให้ผิวของเรามันมากขึ้นเช่นกัน

วิธีแก้หน้ามัน

  1. เลือกรับประทานอาหารสักนิด สำหรับคนผิวมัน สารอาหารสำคัญที่ควรได้รับอย่างเพียงพอก็คือ วิตามินเอ และวิตามินบี 2 เนื่องจากการขาดวิตามินบี 2 แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ผิวหน้ามันหนักขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 2 อย่างถั่วต่าง ๆ และธัญพืชแบบไม่ขัดสีทั้งหลาย  ให้เพียงพอ ส่วนอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสามารถช่วยลดกระบวนการผลิตความมันของผิวหน้าได้ เช่น แคร์รอต แคนตาลูป ผักโขม ฯลฯ นอกจากนี้คุณควรเลือกรับประทานผักและผลไม้ให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารทอดและอาหารมัน เพราะยิ่งกินก็ยิ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น ส่วนน้ำตาลและอาหารขยะทั้งหลายก็ควรหลีกเลี่ยง รวมไปถึงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารเผ็ดร้อน เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ และทำให้ร่างกายขาดน้ำ
  2. ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ การดื่มน้ำเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เพียงแค่คุณจิบน้ำทีละน้อยในระหว่างวันให้บ่อยครั้ง ไม่ควรดื่มมากในครั้งเดียว เพราะร่างกายจะได้รับเพียงเล็กน้อย ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่การค่อย ๆ จิบจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น ร่างกายได้ทำความสะอาดจากภายใน และช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้สะดวกยิ่งขึ้น
  3. อย่าให้อะไรมาบดบังใบหน้า อย่างเช่นการปล่อยผมให้ปิดหน้า เพราะความสกปรกจะยิ่งสะสมบนใบหน้าของเรามากขึ้น คุณควรเลือกทำผมแบบที่สามารถเปิดใบหน้าออกได้ หรือหาที่หนีบผมสวย ๆ มาประดับแล้วรวบผมไว้ซะ ส่วนในเวลานอนก็ควรรวบผมไปข้างหลัง และหมั่นรักษาความสะอาดเครื่องนอน ปลอกหมอน และผ้าห่มเป็นประจำ
  4. หลีกเลี่ยงแสงแดด และควรใช้ครีมกันแดด คุณควรระวังอย่าให้ถูกแดดมากจนเกินไป เพราะแสงแดดจะทำให้ผิวแห้งลงและขาดความสมดุลได้ จึงเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้หน้ามันหนักขึ้นกว่าเดิม และถึงแม้ว่าผิวหน้าของคุณจะมันอย่างไรก็ตาม ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกเช้า โดยพยายามเลือกใช้สูตรบางเบาหรือครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่ช่วยดูดซับความมันได้ (ครีมกันแดดสําหรับคนหน้ามัน) อย่างอนุภาคสังกะสี (micronized zinc) หรือไทเทเนียมไดออกไซด์ (titanium dioxide) และถ้าคุณไม่แพ้แอลกอฮอล์ก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรที่ผสมแอลกอฮอล์ได้เลย ซึ่งจะมีความบางเบาและซึมซาบได้เร็วกว่าสูตรอื่น ๆ
  5. เรื่องความสะอาดต้องมาก่อน การที่ผิวหน้าของเรามีความมัน ก็จะยิ่งสะสมสิ่งสกปรกบนใบหน้า เพราะฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยให้มีสิ่งตกค้างอยู่บนใบหน้าเป็นอันขาด ควรล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด และไม่ควรล้างหน้าบ่อย ๆ แต่ควรล้างแค่ช่วงเช้าและเย็น หรือล้างเฉพาะในเวลาที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันมากจริง ๆ เท่านั้น เนื่องจากการล้างหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งเป็นการเร่งผิวให้ผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม
  6. เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้า คุณควรเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่มีค่า pH เป็นกลางหรือค่อนไปทางกรดเล็กน้อย เพราะสภาพที่เป็นกรดจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี หรือเลือกโฟมล้างหน้าสูตรเย็น ที่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง เพราะนอกจากจะช่วยคืนความสดชื่นแล้วยังช่วยกระชับรูขุมขนด้วย ส่วนสบู่นั้นโดยปกติแล้วจะมีฤทธิ์เป็นด่าง จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ธรรมดาล้างหน้า ส่วนโฟมล้างหน้าแบบสครับก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน เนื่องจากเม็ดสครับจะไปกระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมันมากขึ้น
  7. ใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้า หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณควรใช้โทนเนอร์ชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และอะซีโตน เพราะจะทำให้หน้าแห้งมากจนผิวส่งสัญญาณให้ผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้หน้ามันอย่างรวดเร็ว คุณควรหมั่นใช้โทนเนอร์เป็นประจำ โดยใช้สำลีชุบและลูบไล้ไปให้ทั่วใบหน้าและลำคออย่างอ่อนโยน ทำแบบนี้ประมาณ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี
  8. ใช้ครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำมัน (ครีมสําหรับคนหน้ามัน) น้ำมันและความชุ่มชื้นเป็นคนละเรื่องกัน ผิวมันก็ปราศจากความชุ่มชื้นได้ ดังนั้นคุณควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีพื้นฐานจากน้ำ เพราะการเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันจะยิ่งทำให้หน้ามันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งครีมกันแดดที่มีความเหนียวข้นอยู่แล้ว ก็ให้ลองเปลี่ยนมาใช้ยี่ห้อที่เนื้อเบาบางดูบ้าง เช่น แบบออยล์ฟรีที่เหมาะกับผิวมัน ส่วนครีมบำรุงถ้าไม่มีแบบปราศจากน้ำมันหรือมีคุณสมบัติเฉพาะคนผิวมัน ก็ให้เลือกเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชนิดบางเบาไม่เข้มข้น หรือเซรั่มแบบน้ำ หรือเจลบางเบาที่ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว เพื่อช่วยรักษาระดับความชุ่มชื่นแต่ไม่เหนอะหนะ ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ Olay Regenerist Whip ครีมบำรุงผิวเนื้อวิปสัมผัสบางเบา (ปราศจากน้ำมัน) ที่มีเทคโนโลยี “แอคทีฟ รัช” (Active Rush Technology) ที่ช่วยให้เนื้อครีมเกาะและคลายตัวเพื่อซึมซับเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะหรือทิ้งความมันวาวไว้บนใบหน้า หลังใช้จึงให้ความรู้สึกเบาสบายหน้าและไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน อีกทั้งครีมบำรุงตัวนี้ยังมีสาร Niacinamide (Vitamin B3) ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีอีกด้วย
    Olay Regenerist Whip
    Olay Regenerist Whip
  9. เลือกเครื่องสำอางในการแต่งหน้า เครื่องสำอางในปัจจุบันจะมีทั้งแบบแมทด้าน ๆ และแบบแวววาว ดูเงา ทั้งรองพื้น แป้งพัฟสําหรับคนหน้ามัน ลิปสติก อายแชโดว์ ถ้าเป็นไปได้ให้พยายามเลือกแบบที่เป็นเนื้อแมท จะได้ไม่ไปส่งเสริมให้หน้าของเราดูมันมากขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของรองพื้น ควรเลือกใช้รองพื้นสําหรับคนหน้ามัน จะสูตรน้ำหรือรองพื้นสูตรเจลที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำหอม และแอลกอออล์ เนื่องจากรองพื้น 2 เนื้อนี้จะมีความบางเบา สามารถช่วยปกปิดร่องรูขุมขนบนใบหน้าได้อย่างพอเหมาะ อีกทั้งยังทนน้ำและทนเหงื่อได้ดี ไม่ทำให้รองพื้นหลุดลอกได้ง่ายในระหว่างวัน และให้เน้นไปที่รองพื้นซึ่งมีส่วนผสมของแร่ธาตุและวิตามินจากธรรมชาติ อย่างน้ำแร่ ซิงค์ ออกไซด์ และวิตามินซี เพราะจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี และวิตามินซียังช่วยทำให้ผิวของคุณดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ไม่หม่นหมองอีกด้วย
  10. ใช้มาส์กหรือครีมที่มีสาร AHA, BHA เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว กระชับรูขุมขนให้เล็กลง และช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้ จึงเป็นการเผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน แต่ก็ไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป ให้ใช้แค่ประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็พอ อย่างเช่น พอกหน้าด้วยโคลน เพราะมาส์กหน้าจำพวกโคลนจะมีจุดเด่นในเรื่องการช่วยดูดซับความมันและทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี หรือเลือกใช้สมุนไพรอย่างขมิ้นและมะขามเปียก เป็นต้น
  1. สูตรมาส์กหน้าลดความมัน วิธีนี้คุณสามารถทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีขายทั่วไป บางครั้งอาจมีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรงต่อผิว บางครั้งก็อาจทำให้ผิวขาดความสมดุล จึงกลายเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่น ๆ ตามมา ฉะนั้นทางออกอย่างหนึ่งก็คือการใช้ทรีตเมนต์จากส่วนผสมธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวมันได้
    • ไข่ขาว+น้ำมะนาว+สะระแหน่+แตงกวา ให้ผสมไข่ขาว 1 ฟอง, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, สะระแหน่ และแตงกวาอีกครึ่งลูก นำส่วนผสมทั้งหมดมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก
    • มะเขือเทศ ให้คุณนำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียดแล้วทาลงบนใบหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ให้ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง มะเขือเทศจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
    • มะเขือเทศ+น้ำมะนาว+ข้าวโอ๊ต ให้ผสมมะเขือเทศ น้ำมะนาว และข้าวโอ๊ตให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ แล้วนำมาทาลงบนใบหน้าแล้วขัดวนเบา ๆ ก่อนจะล้างหน้าออกด้วยน้ำอุ่น
    • ข้าวโอ๊ต+น้ำมะนาว+น้ำมันมะกอก ให้ผสมข้าวโอ๊ตบด น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอกเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เป็นส่วนผสมข้น ๆ แล้วนำมาใช้ขัดบนใบหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินออกจากรูขุมขนและช่วยลดสิวเสี้ยนได้ด้วย
    • น้ำมะนาว ให้นำมะนาวมาบีบคั้นเอาน้ำสด ๆ ให้ได้ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปผสมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ทาบนใบหน้า ให้เว้นรอบ ๆ ดวงตา โดยทาทิ้งไว้ประมาณครึ่งนาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด สำหรับสูตรนี้ให้ทำเพียงอาทิตย์ละครั้ง ก็จะช่วยลดความมันบนใบหน้าให้น้อยลงเรื่อย ๆ
    • น้ำมะนาว+น้ำส้มสายชู+น้ำอุ่น ให้ผสมน้ำมะนาวกับน้ำอุ่นนิด ๆ และน้ำส้มสายชูอีกเล็กน้อย แล้วใช้ก้อนสำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวนำมาเช็ดบนใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออกก่อนแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงอื่น ๆ สูตรนี้จะช่วยลดความมันวาวและอาจช่วยลดเหงื่อที่ออกบนใบหน้าได้
    • น้ำเกลือ+เปลือกมะนาว ให้เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดแล้วนำเกลือใส่ลงไปปริมาณหนึ่ง จากนั้นรอให้เย็น ระหว่างที่รอให้เอาหน้าไปอังกับน้ำที่ต้มเพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน พอเริ่มอุ่น ๆ ให้เอาสำลีจุ่ม แล้วนำมาเช็ดหน้าเพื่อเป็นการปรับสภาพบนใบหน้า เมื่อเช็ดเสร็จแล้ว จะรู้สึกว่าเกลือเข้าไปที่หน้าแล้วเราก็รอให้แห้งจนเป็นคราบเกลือ (ต้องเป็นคราบเท่านั้นนะ) จากนั้นให้ใช้เปลือกมะนาวสด ๆ มาขัดบนใบหน้าเบา ๆ ให้ทั่วหน้า แล้วล้างด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง แล้วล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า เป็นอันเสร็จ
    • แอปเปิ้ล+น้ำผึ้ง สูตรนี้ให้เตรียมแอปเปิ้ล 1 ผล และน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ นำแอปเปิ้ลมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปใส่ในเครื่องปั่น และใส่น้ำผึ้งลงไป ปั่นส่วมผสมทั้งสองให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด
    • น้ำมันหอมระเหยในตระกูลส้ม อย่างเช่น มะนาว ส้ม หรือ เกรปฟรุต ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวมันได้โดยไม่รุนแรง ให้ลองหาโลชั่นที่มีส่วนผสมของพฤกษาสกัดตามธรรมชาติ แล้วเติมน้ำมันเหล่านี้ลงไปสัก 2-3 หยดต่อโลชั่นหนึ่งออนซ์ นำมาใช้ในตอนกลางคืนเพื่อช่วยลดความมันวาวของผิว
    • วุ้นว่านหางจระเข้ ให้นำว่านหางจระเข้มาปลอกเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้น ล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาสไลซ์ให้เป็นแผ่นบาง ๆ หลาย ๆ แผ่น และจัดการนำมาแปะไว้ที่หน้า จะรู้สึกว่าหน้าเย็น ๆ ผิวหน้าชุ่มชื้น และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้
    • ดินสอพอง ดินสอพองนั้นมีสรรพคุณในการช่วยดูดซับความมันได้ดี เพียงแค่คุณนำไปผสมกับมะนาวและน้ำผึ้ง จากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จะรู้สึกได้ว่าหน้าเนียนนุ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
  2. ใช้กระดาษซับหน้ามันในกรณีที่จำเป็น เป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยจัดการความมันส่วนเกินได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้กระดาษหรือแผ่นฟิล์มซับความมัน นำมาซับบนใบหน้าบริเวณที่เป็นมัน แต่ต้องซับเฉพาะความมันที่เป็นส่วนเกินเท่านั้น หรือในกรณีที่หน้าของเรามันเวอร์จริง ๆ เพราะถ้าหากซับหน้าจนแห้ง ก็จะกลายเป็นการซับเอาน้ำมันส่วนที่ควรเหลือไว้หล่อเลี้ยงผิวออกไปจนหมด คราวนี้ผิวจึงยิ่งเร่งขับน้ำมันออกมามากขึ้นกว่าเดิม ! (เหมือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอะไรอย่างงั้น !) อ้อ…นอกจากกระดาษซับมันแล้ว ทิชชูเปียกสำหรับเช็ดหน้าบางยี่ห้อก็มีส่วนผสมของ salicylic acid, glycolic acid, alcohol หรือส่วนผสมที่ช่วยชะลอการทำงานของต่อมไขมันบนใบหน้าด้วย จึงช่วยให้ผลิตน้ำมันน้อยลง สำหรับใครที่หน้ามันก็ลองหามาเช็ดระหว่างวันดูได้ แต่น่าจะเหมาะกับคุณผู้ชายมากกว่า เพราะไม่ได้แต่งหน้าเหมือนคุณผู้หญิง
    กระดาษซับหน้ามัน
  3. รับประทานยาในกลุ่มของกรดวิตามินเอ ยาในกลุ่มนี้มีชื่อสามัญทางยาว่า ไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) หรือ เรติโนอิก แอซิด (retinoic acid) และมีชื่อทางการค้าว่า Acnotin® (แอคโนทิน), Roaccutane® (โรแอคคิวเทน), Isotane® (ไอโสเทน), Sotret® (โสเตรส) เป็นต้น ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาสิวที่มีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตสารที่เป็นไขมันลดลง แต่จัดเป็นยาอันตราย ซื้อทานเองหรือเอาไปแบ่งเพื่อนทานก็ไม่ได้ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น เพราะยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงอยู่หลายประการ และเมื่อหยุดยาต่อมไขมันก็จะกลับมาทำงานเหมือนเดิม
    ยาลดความมัน
  4. Smoothbeam Laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,450 นาโนโมตร เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเลเซอร์รักษาสิว เลเซอร์ที่ยิงเข้าไปยังใต้ผิวหนังจะไปลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันค่อย ๆ ฝ่อตัว จึงช่วยลดหน้ามันไปพร้อม ๆ กับการรักษาสิว แต่ละครั้งที่ยิงเลเซอร์จะรู้สึกเจ็บจี๊ด (เหมือนหนังยางดีดหน้า) และจะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งที่ 3-5 ส่วนเลเซอร์ในกลุ่ม Nd:YAG หรือ IPL ที่ไม่ใช่เลเซอร์ ก็จะสามารถช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันได้เช่นกัน
    Smoothbeam Laser
  5. เทอร์มาจ (Thermage) เป็นการนำเอาเทคโนโลยีความถี่ของคลื่นวิทยุ (Radio frequency) ส่งพลังงานเข้าไปในผิวหนังชั้น Dermis โดยพลังงาน RF จะสร้างความร้อนอย่างสม่ำเสมอ จึงช่วยแก้ปัญหาเส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ทำให้โครงสร้างใต้ผิวกระชับขึ้น ด้วยความร้อนสูงที่ส่งลงไปสู่ใต้ผิว จึงทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวและทำงานน้อยลง คนไข้จึงรู้สึกว่าหน้ามันน้อยลง รูขุมขนกระชับ และมีสิวน้อยลงตามไปด้วย

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด