วิตามินยู
วิตามินยู (Vitamin U) ในทางการแพทย์จะเรียกวิตามินชนิดนี้ว่า เอส-เมทิลเมไธโอนีน (S-Methylmethionine : SMM)
แหล่งอาหารที่มีวิตามินยูนั้นจะพบได้มากในพืชตระกูลกะหล่ำทั้งหลาย อย่างเช่น กะหล่ำปลีดิบ กะหล่ำดาว กะหล่ำดอก กะหล่ำม่วง แขนงกะหล่ำ บรอกโคลี เป็นต้น
ข้อมูลที่เกี่ยวกับวิตามินชนิดนี้ในปัจจุบันนั้นมีอยู่น้อยมาก แต่ก็ไม่พบว่ามันมีอันตรายหรือโทษต่อร่างกายแต่อย่างใด
แต่ในปัจจุบันได้มีการนำวิตามินยูมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปของเม็ดอัดแข็งหรือเจลอัดเม็ด โดยจะมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในลำไส้และตับได้ (แต่ว่าในทางปฏิบัติแล้ว การได้วิตามินยูจากการรับประทานผักผลไม้หรือผักตระกูลกะหล่ำเป็นประจำจะได้ประโยชน์มากกว่า)
ประโยชน์ของวิตามินยู
- วิตามินยูช่วยบำบัดอาการแผลพุพอง (แต่ในทางการแพทย์ยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้)
- มีส่วนช่วยต่อต้านมะเร็งและหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ได้
- มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิงอย่างมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเต้านม
- สารเอส-เมทิลเมไธโอนีน (SMM) ช่วยในการสมานแผลในกระเพาะอาหาร
- ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องซึ่งมีสาเหตุมาจากแผลในกระเพาะ
- ช่วยให้การหลั่งของน้ำย่อยเป็นปกติ
- ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย
- ในปัจจุบันแพทย์ผิวหนังมีการนำวิตามินชนิดนี้มาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ในการช่วยสมานผิวหลังการทำเลเซอร์
- นำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าเพื่อช่วยเพิ่มความขาวใส หรือใช้ทำเป็นทรีตเมนต์ต่าง ๆ หรือใช้ร่วมกับเครื่องผลักยา
- มีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งสดใส เพราะช่วยทำให้ผิวจัดเรียงคอลลาเจนขึ้นใหม่
- มีการนำมาทำเป็นอาหารเสริมในรูปของเม็ดอัดแข็งหรือเจลอัดเม็ด ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในลำไส้และตับได้ (แต่ในทางปฏิบัติแล้วเราควรรับประทานผักผลไม้หรือผักตระกูลกะหล่ำเป็นประจำจะดีกว่า)
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์) , นิตยสารเฮลท์แชนเเนล ฉบับที่ 68 เดือนกรกฎาคม 2554
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)