แพร์
แพร์ หรือ ลูกแพร์ ภาษาอังกฤษ European Pear
แพร์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Pyrus communis จัดอยู่ในวงศ์ ROSACEAE หรือวงศ์กุหลาบ
แพร์เป็นพืชคนละสปีชีส์กับสาลี่ และจัดเป็นผลไม้เมืองหนาวที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรป
ลักษณะของต้นแพร์ เป็นไม้ยืนต้น ลักษณะของใบคล้ายรูปไข่ ผิวใบเรียบ มีกลีบดอก 5 กลีบ ขนาดของผลจะใกล้เคียงกับแอปเปิล เปลือกบาง เมื่อผลสุกแล้วจะเนื้อนิ่มมากและฉ่ำน้ำ เนื้อไม่แข็งเท่าแอปเปิล มีรสหวานอมเปรี้ยวและหวานหอม แพร์มีอยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานมากที่สุดคือ Williams pear หรือที่เรียกว่า Bartlett ในสหรัฐและแคนาดา
สรรพคุณของลูกแพร์
- ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าโพลีฟีนอล ซึ่งช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง ต่อต้านมะเร็งอีกด้วย
- การรับประทานผลไม้อย่างเช่นลูกแพร์เป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ลูกแพร์เป็นผลไม้เย็น สามารถใช้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการไข้ได้
- มีเส้นใยเพกทิน ที่ช่วยขับโลหะหนักออกจากร่างกาย
- ช่วยในการลดน้ำหนัก ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดไขมันเลว (LDL)
- ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดสมอง
- ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยสูง จึงช่วยในการขับถ่าย ช่วยทำความสะอาดลำไส้ ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ลูกแพร์มีเอนไซม์ไฟซิน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหาร มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายเป็นอย่างยิ่ง
- ช่วยชะล้างของเสียที่สะสมอยู่ในไตก่อนที่ของเสียเหล่านั้นจะตกผลึกกลายเป็นก้อนนิ่ว
- ช่วยในการขับปัสสาวะ
- ช่วยรักษาโรคถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง
- น้ำลูกแพร์มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการอักเสบต่าง ๆ
- ลูกแพร์มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเกาต์
- ลูกแพร์มีแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งเหมาะที่จะนำมารับประทานเพื่อช่วยล้างพิษในร่างกาย
- การดื่มน้ำลูกแพร์สามารถช่วยบำรุงเส้นเสียงและลำคอได้
ประโยชน์ของลูกแพร์
- ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินบี 3 วิตามินบี 9 ธาตุแคลเซียม ธาตุโพแทสเซียม และธาตุแมกนีเซียม
- ลูกแพร์เป็นผลไม้เพียงไม่กี่ชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ด้วย จึงเหมาะอย่างมากหากให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้รับประทาน
- ลูกแพร์มีกรดโฟลิกหรือวิตามินบี 9 ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับทารกในครรภ์
- นอกจากใช้รับประทานเป็นผลไม้แล้ว ยังสามารถนำไปทำเป็นของหวานได้ เช่น การนำไปทำเป็นน้ำผลไม้ที่นำไปหมัก หรือที่เรียกว่า เพอร์รี่ (Perry) และนำไปทำเป็นพาย เป็นต้น
- ผลไม้ลูกแพร์ สามารถนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ด้วย เช่น น้ำลูกแพร์ การนำไปแช่อิ่ม ตากแห้ง เชื่อม หรือบรรจุกระป๋อง
คุณค่าทางโภชนาการของลูกแพร์สด ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 58 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 13.81 กรัม
- เส้นใย 3.1 กรัม
- ไขมัน 0.12 กรัม
- โปรตีน 0.38 กรัม
- วิตามินเอ 23 หน่วยสากล 1%
- วิตามินบี 1 0.012 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 2 0.025 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 3 0.157 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 5 0.048 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี 6 0.028 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 9 7 ไมโครกรัม 2%
- วิตามินซี 13 มิลลิกรัม 16%
- วิตามินอี 0.12 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินเค 4.5 ไมโครกรัม 4%
- ธาตุแคลเซียม 9 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.17 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุทองแดง 0.082 มิลลิกรัม 9%
- ธาตุแมกนีเซียม 7 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุโพแทสเซียม 119 มิลลิกรัม 2.5%
- ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.1 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
แหล่งอ้างอิง : หนังสือคุณค่าอาหารและการกิน (นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์), www.nutrition-and-you.com, www.aperfectpear.com, www.fitsugar.com, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (en)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)