รีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้าใช้ดีไหม & แปรงสีฟันไฟฟ้ามีข้อดี-ข้อเสียยังไง ?

แปรงสีฟันไฟฟ้า

แปรงสีฟันไฟฟ้า (Electric Toothbrush) คือ แปรงที่ใช้หลักการการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เปลี่ยนเป็นพลังงานกลในการทำให้หัวแปรงมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ โดยหลัก ๆ แล้วที่นิยมใช้กันในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ แบบ Sonic ที่หัวแปรงจะมีการเคลื่อนที่โดยใช้การสั่นสะเทือนของขนแปรง และอีกแบบคือแบบ Oscillation ที่หัวแปรงจะมีการเคลื่อนที่ด้วยการหมุน

แรกเริ่มแปรงสีฟันไฟฟ้าถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อบุคคลที่มีข้อจำกัดในการรักษาสุขลักษณะในช่องปาก มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและแขน แต่หลัง ๆ มาก็ได้รับความนิยมมากขึ้นไปทั่วทุกกลุ่มทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการแปรงฟันมากขึ้น ประกอบกับแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เริ่มมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นทั้งในเรื่องของฟังก์ชั่นและแบตเตอรี่ เริ่มมีงานวิจัยใหม่ ๆ รองรับสนับสนุนมากขึ้น และประชาชนมีตัวเลือกมากขึ้นจากราคาที่ถูกลงจากการแข่งขันของบริษัทต่าง ๆ

แปรงสีฟันไฟฟ้า ทำความสะอาดได้ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดาหรือไม่ ?

จากการศึกษาข้อมูลถึงประสิทธิภาพของแปรงสีฟันไฟฟ้าเปรียบเทียบกับแปรงสีฟันธรรมดา ข้อมูลส่วนใหญ่พบว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าค่อนข้างมีประสิทธิภาพดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดาในการขจัดคราบจุลินทรีย์ ลดหินปูน และลดเหงือกอักเสบ แต่ก็มีบางงานวิจัยเช่นกันที่ระบุว่าแปรงทั้งสองมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน ซึ่งงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นพอจะสรุปได้ดังนี้

  • ปี ค.ศ. 2017 De Jager M. พบว่าคนปกติที่ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีความถี่สูง (แรงสั่นสูง) สามารถช่วยลดการเกิดหินปูนและโรคเหงือกอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับการแปรงฟันด้วยแปรงธรรมดาทุกวันเป็นระยะเวลา 3 เดือน [1]
  • ปี ค.ศ. 2016 Tokuhei Ikeda และคณะ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบผลของแปรงสีฟันไฟฟ้าในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่มีอายุมากกว่า 16 ปี พบว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถลดคราบจุลินทรีย์ได้ดีกว่าและมีรอยลึกปริทันต์ตื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [2]
  • ปี ค.ศ. 2014 Rosema N. และคณะ ได้ทำการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบแล้วพบว่า ในคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ประสิทธิภาพของแปรงสีฟันไฟฟ้าในการขจัดคราบจุลินทรีย์สามารถลดค่ากลางของปริมาณคราบจุลินทรีย์ลงได้ประมาณ 46% [3]
  • ปี ค.ศ. 2003 Niederman R. และคณะ พบว่าในคนปกติที่เป็นวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ การใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีการหมุนและสั่นสะเทือน สามารถลดการเกิดหินปูนและโรคเหงือกอักเสบได้ เมื่อเปรียบเทียบกับการแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันธรรมดา [4]
  • ปี ค.ศ. 2001 เช่นเดียวกัน Garcia-Godoy F. และคณะ ได้ศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพระหว่างแปรงสีฟันไฟฟ้าและแปรงสีฟันธรรมดาในเด็กอายุ 6-11 ปี ผลการศึกษาพบว่า ในกลุ่มที่แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้ามีความแตกต่างกันในการลดค่าดัชนีคราบจุลินทรีย์ แต่ไม่พบความแตกต่างในกลุ่มที่แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันธรรมดา และยังพบว่า ผลการแปรงฟันครั้งเดียวในวันแรกของกลุ่มที่ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถขจัดคราบจุลินทรีย์ได้มากกว่า [5]

เท่าที่สังเกตจากงานวิจัย จะเห็นว่าแปรงสีฟันไฟฟ้ามีประสิทธิภาพดีกว่าในการขจัดคราบจุลินทรีย์ ลดหินปูน และลดเหงือกอักเสบ

แปรงสีฟันไฟฟ้าดีอย่างไร
IMAGE SOURCE : Medthai

ประโยชน์ของแปรงสีฟันไฟฟ้า

  1. ออกแรงน้อยแต่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าหรือดีกว่า โดยที่เราไม่ต้องออกแรงข้อมือในการแปรงฟัน
  2. งานวิจัยส่วนใหญ่ระบุว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถช่วยทำความสะอาดคราบจุลินทรีย์ ลดหินปูน และลดเหงือกอักเสบได้ดีกว่า
  3. ให้เทคนิคการแปรงสีฟันที่ดีสำหรับทุกคนที่ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า โดยไม่คำนึงถึงความคล่องแคล่วหรือการฝึกด้วยตนเองเหมือนแปรงสีฟันธรรมดา (แปรงสีฟันไฟฟ้ามักถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องเรียนรู้ และเราเพียงแค่จับแปรงให้ทำมุม 45 องศากับตัวฟันในระหว่างแปรงเท่านั้น)
  4. ช่วยให้คุณโฟกัสกับการแปรงฟันมากขึ้นและส่งผลให้ช่องปากและฟันของคุณสะอาดยิ่งขึ้น เพราะการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าจะทำให้เราจดจ่อกับการทำความสะอาดฟันมากกว่าจากการที่ต้องค่อย ๆ ไล่แปรงไปทีละจุด ซึ่งต่างจากการแปรงด้วยแปรงสีฟันธรรมดาที่ตามธรรมชาติเรามักจะใช้เวลาแปรงนานตรงส่วนที่เราอยากแปรง หรือใช้เวลาน้อยเกินไปตรงส่วนที่เราไม่ได้โฟกัส
  5. แปรงสีฟันไฟฟ้าบางรุ่นอาจมีหลายโหมดที่น่าสนใจให้เลือกใช้และสามารถประดับการสั่นได้หลากหลายระดับ เพื่อให้ตรงตามความต้องการ
  6. ช่วยยืดระยะเวลาการแปรงฟันให้ครบ 2 นาทีตามมาตรฐานการแปรงฟันที่ถูกต้อง เพราะในบางครั้งที่เราแปรงฟันเราอาจแปรงฟันได้ไม่ถึง 2 นาที ซึ่งต่างจากแปรงสีฟันไฟฟ้าที่จะหยุดทำงานเมื่อครบเวลา
  7. ช่วยให้แปรงฟันได้อย่างทั่วถึงทุกมุมปาก โดยแปรงสีฟันไฟฟ้าบางรุ่นจะมีฟังก์ชั่น Quad Pacer ที่จะสั่นเตือนทุก 30 วินาทีให้เราขยับแปรงไปยังมุมอื่นของช่องปาก
  8. ช่วยลดการปะทะเหงือกและฟันระหว่างการแปรงได้ เพราะแปรงสีฟันไฟฟ้าหลายรุ่นจะมีเซ็นเซอร์วัดแรงกดที่ช่วยแจ้งเตือนเมื่อเราออกแรงกดในการแปรงฟันมากเกินไป ซึ่งจะช่วยลดการเกิดปัญหาเหงือกร่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องได้
  9. เหมาะอย่างมากกับผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและแขน ผู้ที่มีความบกพร่องทางสมองหรือกล้ามเนื้อ รวมไปถึงผู้สูงอายุบางรายที่ไม่สามารถออกแรงแขนและข้อมือเพื่อขยับแปรงสีฟันได้ตามปกติ

ข้อดี-ข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้า

ข้อดี

  • ใช้ง่าย บางรุ่นมีหลายโหมดให้เลือกใช้
  • ให้เทคนิคการแปรงฟันอย่างถูกวิธี โดยไม่ต้องอาศัยความชำนาญ
  • ไม่ต้องออกแรงมือ
  • ทำความสะอาดได้ดีกว่า
  • มีระบบจับเวลาในการแปรงฟัน
  • ช่วยให้แปรงฟันได้อย่างทั่วถึงทุกมุมปาก
  • มีเซ็นเซอร์ลดแรงปะทะเหงือก ลดความเสี่ยงการเกิดเหงือกร่น
  • แบตเตอรี่รุ่นใหม่ ๆ มีความทนทานใช้งานได้นาน
  • เกิดความรู้สึกสนุกในการแปรงฟัน
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวของมือและแขน

ข้อเสีย

  • ราคาสูง (ราคาขึ้นอยู่กับแบรนด์และฟังก์ชั่น)
  • ใช้งานช่วงแรกอาจรู้สึกไม่ชอบ
  • ต้องชาร์จแบตเตอรี่หรือใส่ถ่าน
  • มีขนาดหรือน้ำหนักที่มากกว่า ทำให้บางรุ่นอาจพกพาไม่สะดวก โดยเฉพาะรุ่นที่มีแท่นชาร์จ
  • ต้องเปลี่ยนหัวแปรงทุก 3-6 เดือน
ข้อดี ข้อเสีย แปรงสีฟันไฟฟ้า
IMAGE SOURCE : Medthai

การเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้า

  • ควรเลือกซื้อแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐานและเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ซื้อของเลียนแบบหรือของปลอม
  • ลักษณะการทำงานของหัวแปรง หลัก ๆ จะมี 2 แบบ คือแบบหมุน และแบบสั่น ซึ่งทั้งสองแบบสามารถทำความสะอาดได้ดีเหมือนกัน สามารถเลือกซื้อแบบที่ชอบได้เลย
  • ควรศึกษาประเภทของแปรงสีฟันไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองก่อนซื้อ
  • เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีขนาดหัวแปรงที่เหมาะสมกับช่องปากของคุณ เพราะหากหัวแปรงใหญ่เกินไปอาจทำความสะอาดบริเวณฟันกรามด้านในได้ยาก และนอกจากขนาดหัวแปรงแล้วยังควรดูลักษณะของด้ามจับและขนแปรงด้วย โดยขนแปรงถ้าเลือกได้ควรเลือกที่มีความอ่อนนุ่ม
  • เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีความถี่รอบแปรงประมาณ 30,000 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป และสามารถปรับระดับการสั่นได้หลายระดับ
  • เลือกรูปแบบการชาร์จแบตเตอรี่ที่เหมาะสม โดยทั่วไปแปรงสีฟันไฟฟ้าจะมีรูปแบบการชาร์จอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบใส่ถ่านอัลคาไลน์ AAA ที่พกพาได้สะดวก (แต่ต้องพกถ่านสำรองเผื่อไว้ด้วย) และอีกแบบคือแบบชาร์จไฟ ซึ่งก็จะมีแยกออกไปอีกทั้งแบบที่ต้องใช้แท่นชาร์จกับไม่ต้องใช้ แต่แนะนำเป็นรุ่นที่ใช้สายชาร์จที่แถมมาร่วมกับ AC Adaptor ที่เราใช้ชาร์จมือถือได้เพื่อความสะดวก
  • เลือกแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีระบบจับเวลาการแปรง 2 นาทีซึ่งเป็นเวลามาตรฐานของการแปรงฟันที่ดี เพื่อไม่ให้แปรงฟันน้อยหรือมากเกินไป, มีเซ็นเซอร์วัดแรงกด (Pressure Sensor) เพื่อไม่ให้แปรงฟันแรงเกินไป และมีฟังก์ชั่นเตือนให้ขยับแปรง (Quad Pacer) เพื่อช่วยให้เราแปรงฟันได้อย่างทั่วถึงทุกมุมปาก

คำแนะนำการใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า

  • ก่อนใช้ควรศึกษาคู่มือวิธีการใช้อย่างละเอียด ควรใช้แปรงให้ถูกต้อง ไม่กดน้ำหนักแรงจนเกินไป หรือไม่แปรงนานเกินกว่าเวลาที่กำหนดคือ 2 นาที หรืออย่างมากไม่เกิน 3 นาที เพราะอาจส่งผลเสียต่อเหงือกและฟันได้
  • สำหรับมือใหม่ ควรใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าในโหมดที่มีระดับการสั่นน้อยที่สุดก่อน เมื่อชินแล้วจึงค่อยเพิ่มระดับให้มากขึ้น
  • ทั้งแปรงสีฟันธรรมดาและแปรงสีฟันไฟฟ้าสามารถช่วยทำความสะอาดช่องปากประมาณ 80-90% ส่วนที่เหลือคือซอกพันที่คุณยังจำเป็นต้องใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวันเหมือนเดิม เพราะแม้เราจะแปรงนานหรือปรับแรงสั่นมากแค่ไหน ขนแปรงก็ไม่สามารถซอกซอนเข้าไปในร่องฟันได้ทั้งหมดอยู่ดี

รีวิวแปรงสีฟันไฟฟ้า

แปรงสีฟันไฟฟ้าที่นำมารีวิวประกอบบทความนี้ คือ แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ซึ่งมีราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่แพงจนเกินไป โดยเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดจากคอเกต ในภาพรวมตัวแปรงมีดีไซน์ที่ค่อนข้างสวยงาม ดูเรียบหรู ตั้งตรงไหนก็ดูสวยงามใช้ได้เลยครับ

แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต
IMAGE SOURCE : Medthai

ตัวแปรงถูกแพ็คมาในกล่องอย่างสวยงาม โดยในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวแปรงสีฟันไฟฟ้า, หัวแปรงสีฟัน 2 หัว, สายชาร์จ (รุ่นนี้มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องใช้แท่นชาร์จและสายชาร์จก็สามารถใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ที่ใช้ชาร์จมือถือได้) และคู่มือวิธีการใช้งาน (มีภาษาไทยด้วย)

แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต
IMAGE SOURCE : Medthai

ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานของแปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต สามารถปรับระดับได้มากถึง 33 แบบ จาก 4 โหมด เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. โหมดสะอาดหมดจด เป็นโหมดการสั่นความเร็วสูง จับเวลาการแปรง 2 นาที ปรับระดับการสั่นได้ 10 ระดับ
  2. โหมดฟันขาว เป็นโหมดการสั่นความเร็วสูงเช่นกันแต่ทำงานเป็นจังหวะ จับเวลาการแปรง 2 นาที ปรับระดับการสั่นได้ 10 ระดับ
  3. โหมดดูแลเหงือก เป็นโหมดการสั่นความเร็วต่ำ เพื่อการทำความสะอาดฟันและเหงือกอย่างอ่อนโยน จับเวลาการแปรง 2 นาที ปรับระดับการสั่นได้ 10 ระดับ
  4. โหมดสปาช่องปาก เป็นโหมดที่ผสานการทำงานทั้ง 3 แบบเข้าด้วยกัน จับเวลาการแปรง 3 นาที ปรับระดับการสั่นได้ 3 ระดับ

นอกจากนี้แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกตยังมีระบบสมาร์ทโคชชิ่งมาให้ด้วย คือ

  • มีเซ็นเซอร์วัดแรงกด (แจ้งเตือนเป็นไฟสีแดงกระพริบเมื่อเราออกแรงกดในการแปรงฟันมากเกินไป)
  • มีระบบจับเวลาในตัว เมื่อครบ 2 นาทีแปรงจะหยุดทำงาน และ 3 นาทีในโหมดสปาช่องปาก
  • มีระบบ Quad Pacer ที่จะคอยสั่นเตือนเราทุก ๆ 30 วินาทีให้เราขยับแปรงไปยังส่วนอื่นของช่องปาก (ให้แบ่งช่องปากออกเป็น 4 ส่วน คือ ล่างซ้าย ล่างขวา บนซ้าย และบนขวา แล้วไล่แปรงไปทีละส่วน เมื่อครบ 30 วินาทีแปรงก็จะสั่นเตือนให้เราทราบเพื่อย้ายไปแปรงส่วนอื่นจนครบ 4 ส่วน ซึ่งก็จะครบ 2 นาทีพอดี)

สำหรับการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ถ้าใช้แปรงวันละ 2 ครั้ง แบตเตอรี่ของแปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกตสามารถอยู่ได้นาน 15 วัน

แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ปรับได้ตามความต้องการ 33 ระดับ จาก 4 โหมด
IMAGE SOURCE : Medthai

ส่วนความรู้สึกหลังใช้มาเกือบ 2 สัปดาห์ มือใหม่ให้เริ่มที่ระดับการสั่นต่ำสุดใช้ให้ชินกับความแรงก่อน แล้วในการแปรงครั้งถัดไปจึงค่อย ๆ ปรับระดับการสั่นเพิ่มขึ้น ส่วนการแปรงให้แบ่งช่องปากออกเป็น 4 ส่วน แล้วค่อย ๆ เอาแปรงนาบฟันไปเรื่อย ๆ โดยทำมุม 45 องศากับตัวฟัน ค่อย ๆ แปรงไล่ไปทีละซี่ฟัน (ไม่ต้องตวัดแรง ๆ แบบแปรงสีฟันธรรมดา) ทีละส่วน ๆ โดยไม่ต้องกดแรง (ถ้าเรากดแรงไปตัวแปรงมันก็จะแจ้งเตือนให้เรารู้ด้วยครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกร่น เหงือกเป็นแผล และคอฟันสึก ซึ่งถือว่าดีมาก ๆ เลยทีเดียว) คือพอใช้เป็นแล้วรู้เลยว่ามันง่ายมาก เรียนรู้ไม่ยาก ผ่านไป 2-3 วันก็ใช้ถนัดมือแล้ว ส่วนหลังแปรงเสร็จก็รู้สึกได้ชัดเลยครับว่าฟันสะอาดขึ้นมาก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเราแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันธรรมดาซ้ำ 2-3 รอบเลยครับ แต่กับแปรงสีฟันไฟฟ้ามันจบภารกิจได้ในรอบเดียวในเวลาเพียง 2 นาที คือช่วยประหยัดเวลาและทุ่นแรงไปได้เยอะจริง ๆ

อีกอย่างตัวผมเองมีปัญหาเรื่องคอฟันซี่นึงสึกเป็นร่องเล็ก ๆ ทำให้มีเศษอาหารเข้าไปติดทุกครั้งหลังทานอาหาร ซึ่งคงเกิดเพราะนิสัยชอบแปรงฟันแรง ๆ ทำให้ตอนแปรงฟันเลยต้องเน้นแปรงบริเวณนี้เป็นพิเศษและต้องใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยทุกครั้ง แต่หลังจากใช้แปรงด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้าก็พบว่าเศษอาหารตามร่องฟันและตรงคอฟันซี่ที่มีปัญหาดูจะลดลงอย่างชัดเจนครับ เพราะพอใช้ไหมขัดฟันขัดตามแล้วเศษอาหารก็แทบไม่เหลือเลย (อันนี้ชัดเจนมาก ดีจริงจนสิ้นสงสัยแบบไม่ต้องมโนเลย) ซึ่งความสะอาดที่ล้ำลึกนี้เข้าใจว่าคงเกิดจากแรงสั่นที่สูงมาก คือ เมื่อเทียบกับแปรงธรรมดาเมื่อเราตวัดแปรงขึ้นลง 1 ครั้ง แปรงสีฟันไฟฟ้าจะแปรงให้เราไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง มันเลยทำความสะอาดได้ดีกว่า โดยเฉพาะหัวที่เป็นแบบสั่นที่ผมรู้สึกว่ามันเข้าไปตามซอกฟันได้ดีมากจริง ๆ (อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนตอนแปรงฟันด้วยแปรงธรรมดา เราอาจแปรงได้ไม่สะอาดดีพอก็ได้ พอมาเป็นแปรงสีฟันไฟฟ้า ด้วยแรงสั่นสูงประกอบกับเหมือนการมีโค้ชส่วนตัวมาช่วยเราแปรง คอยบอกวิธีการแปรงที่ถูกต้องให้กับเรา บอกให้เราขยับแปรง โดยรวมหลังแปรงมันเลยสะอาดกว่า)

แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ปรับได้ตามความต้องการ 33 ระดับ จาก 4 โหมด
IMAGE SOURCE : Medthai

จากที่ได้ลองสลับใช้มาครบทุกโหมดและปรับความแรงมาทุกระดับจนชินแล้ว ระดับการสั่นที่ชอบคือประมาณ 3-5 เพราะรู้สึกว่าแรงกำลังพอดี ส่วนโหมดที่รู้สึกชอบมากที่สุดคือ โหมดฟันขาว เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบกินกาแฟอยู่แล้ว และโหมดนี้ระดับการสั่นก็แรงพอ ๆ กับโหมดสะอาดหมดจด (แรงแต่มีหยุดสั่นเป็นจังหวะ) หลังแปรงครั้งสองครั้งก็รู้สึกเลยว่าฟันขาวขึ้นทันที ส่วนโหมดที่ชอบรองลงมาก็จะเป็นโหมดดูแลเหงือกครับที่เน้นแปรงไปเรื่อย ๆ แบบซอฟท์ ๆ อย่างเช่นการใช้แปรงในตอนเช้า เพราะรู้สึกว่ามันแปรงได้สมูทดีครับ

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ของแปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกตไม่ต้องห่วงเลยครับ ถ้าชาร์จไฟเต็มก็สามารถพกไปต่างจังหวัดได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องพกสายชาร์จ เพราะตอนได้เครื่องมาใหม่ ๆ ชาร์จไฟเต็มครั้งแรกและใช้มาจนถึงตอนนี้แบตก็ยังไม่หมด ส่วนมากก็เลยตั้งเอาไว้ใช้ในห้องน้ำ ก็โอเคเลยครับเรื่องนี้ที่ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าแบตมันจะหมดหรือต้องเอาไปวางบนแท่นชาร์จตลอดเหมือนแปรงสีฟันไฟฟ้าบางรุ่น

แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกต ขนแปรงเล็กและนุ่มมาก
IMAGE SOURCE : Medthai

ถ้าถามว่ามันจำเป็นไหม ? ต้องซื้อมาใช้มาไหม ? ถ้าเอาตามความรู้สึกผมเลยจากที่ได้ลองใช้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันเหมือนของที่ต้องมี หรือเหมือนมีแอร์ก็ต้องมีพัดลมอะไรประมาณนั้นเลย คือถ้ารู้ว่าแปรงสีฟันไฟฟ้ามันดีขนาดนี้ผมก็คงหาซื้อมาใช้ไปตั้งนานแล้วจริง ๆ เพราะหลังแปรงเสร็จแล้วมันรู้สึกว้าวมากจริง ๆ ช่องปากสะอาดขึ้นเยอะแถมยังปรับได้หลายโหมดหลายแบบมาก ๆ แบบไหนที่เข้ากับเราก็เลือกปรับใช้แบบนั้นได้เลย ก็เลยอยากให้ทุกคนที่ยังไม่เคยใช้หรืออยากลองใช้แต่ยังไม่กล้า หรือคิดว่าซื้อมาแล้วจะไม่ชอบหรือไม่ได้ใช้ อยากให้ลองเปิดใจและลองหาซื้อมาใช้กันดูครับ ผมว่าไอเท็มนี้มันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน และคุณอาจหลงรักมันเลยก็ได้ ผมพูดจริงนะ สำหรับบทความนี้คงต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ 🙂

สำหรับผู้ที่สนใจอยากทดลองใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าคอลเกตที่รีวิวไป วันนี้คุณสามารถหาซื้อมาใช้ได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น !! เพราะตอนนี้เค้าจัดโปรโมชั่นอยู่ครับที่ Lazada โดยลดราคาเหลือ 2,199 บาท (จาก 3,999 บาท)

โปรโมชั่น Lazada 5.5

  • วันที่ 5 พ.ค. 65 เวลา 00.00-02.00 น. (เที่ยงคืนถึงตีสอง)
  • ราคาดีที่สุดวันเดียวเท่านั้น! ลดทันที 40% + คูปองส่วนลด 200.-
  • เหลือ 2,199.- (จาก 3,999.-)*
  • สนใจส่งซื้อได้ที่ลิงก์ https://bit.ly/3rUQ3Yx
เอกสารอ้างอิง
  1. De Jager M., et al. (2017). The Effectiveness of Manual versus High-Frequency, High-Amplitude Sonic Powered Toothbrushes for Oral Health: A Meta-Analysis. The Journal of clinical dentistry 28, 1 Spec No A :A13-28.
  2. Tokuhei Ikeda KY, et al. (2016). Effectiveness of electric toothbrushing in patients with neuromuscular disability: A randomized observer-blind crossover trial. Special Care in Dentistry 36, 1: 13-17.
  3. Rosema, N., et al. (2016). The efficacy of powered toothbrushes following a brushing exercise: a systematic review. International Journal of Dental Hygiene 14,1 (February): 29-41.
  4. Niederman, R. (2003). Manual versus powered toothbrushes: the Cochrane review. Journal of the American Dental Association 134, 9.
  5. García-Godoy, F., et al. (2001). The safety and efficacy of a children’s power toothbrush and a manual toothbrush in 6-11 year-olds. American Journal of dentistry 14, 4: 195-199.

เขียนข้อมูลและรีวิวโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด