ตะลุมพุก สรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะลุมพุก 8 ข้อ !

ตะลุมพุก สรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะลุมพุก 8 ข้อ !

ตะลุมพุก

ตะลุมพุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Tamilnadia uliginosa (Retz.) Tirveng. & Sastre[1] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์Catunaregam uliginosa (Retz.) Sivar., Gardenia pomifera Wall., Gardenia uliginosa Retz., Posoqueria uliginosa (Retz.) Roxb., Randia uliginosa (Retz.) Poir., Solena uliginosa (Retz.) D.Dietr., Xeromphis uliginosa (Retz.) Maheshw.) จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)[1],[2],[4]

สุมนไพรตะลุมพุก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หนามแท่ง (ตาก), มะคัง (อุตรดิตถ์), ลุมพุก (ลพบุรี, นครสวรรค์, นครราชสีมา, กาญจนบุรี), มอกน้ำข้าว มะข้าว (ภาคเหนือ), ลุมปุ๊ก[2] ลุบปุ๊ก[1] (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), กระลำพุก มะคังขาว (ภาคกลาง, ภาคตะวันตกเฉียงใต้, ราชบุรี, สุโขทัย), มุยขาว, โรคขาว เป็นต้น[1],[2]

ลักษณะของต้นตะลุมพุก

  • ต้นตะลุมพุก มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา และเวียดนาม[3] โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร ตามลำต้นและปลายกิ่งก้านมีหนามแหลมยาวที่จะพัฒนาเป็นกิ่งเล็ก โดยหนามจะออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ เป็นปมขรุขระทั่วไป กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยมมน เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีเนื้อไม้เป็นสีขาวปนสีน้ำตาลอ่อน เนื้อมีความละเอียดและสม่ำเสมอมาก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือใช้วิธีการตอนกิ่ง มักพบขึ้นตามริมน้ำ ในป่าเบญจพรรณและตามป่าเต็งรัง[1],[2],[5] ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-800 เมตร[4] เป็นพันธุ์ป่าที่มีความทนทานต่อภาพแวดล้อม ไม่มีโรคและแมลงมารบกวน มีรูปทรงของต้นไม่แน่นอน ลำต้นไม่ตรง แต่สามารถดัดหรือตัดแต่งได้ไม่ยากนัก[3]

ต้นตะลุกพุก

รูปต้นตะลุมพุก

  • ใบตะลุมพุก ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบเรียบ โคนใบสอบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ มีขนาดกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตรและยาวประมาณ 8-14 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวอ่อน ผิวใบเรียบ หลังใบเรียบลื่นเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบ เนื้อใบบางและฉีกขาดได้ง่าย แผ่นใบมีขนประปรายปกคลุมอยู่ด้านล่าง มีก้านใบยาวไม่เกิน 1 เซนติเมตร และมีหูใบขนาดเล็กอยู่ระหว่างก้านใบ[2]

ใบตะลุมพุก

  • ดอกตะลุมพุก ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกตามซอกใบใกล้กับปลายยอด มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ 3-5 เซนติเมตร กลีบดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอม ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปทรงกลมใหญ่ มี 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายกลีบดอกมน กลีบดอกค่อนข้างหนา ส่วนหลอดกลีบยาวกว่ากลีบดอก ส่วนเกสรเพศผู้มี 5 ก้าน อับเรณูเป็นสีเหลือง ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 ก้าน ก้านเกสรเป็นสีขาว ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นแฉก 2 แฉก ปลายเกสรเพศเมียเป็นรูปถ้วย ยอดเกสรเพศเมียมีน้ำเมือกค่อนข้างมาก ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีขาวมี 5 กลีบ โคนเชื่อมกัน ส่วนปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก[2]

ดอกตะลุมพุก

  • ผลตะลุมพุก ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ กลมรี มีขนาดยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร เนื้อแน่น แข็ง ผิวผลเรียบ ผลสดเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส่วนปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ ภายในผลมีเมล็ดเป็นรูปทรงกลมจำนวนมาก เมล็ดมักฝ่อ[2] โดยจะติดผลในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม[3]

ผลตะลุมพุก

สรรพคุณของตะลุมพุก

  1. แก่นตะลุมพุกใช้ผสมกับแก่นตะลุมพุกแดง (มะคังแดง) น้ำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงร่างกาย (แก่น)[1],[2]
  2. รากและแก่นต้มกับน้ำดื่ม ช่วยบำรุงเลือด (ราก, แก่น)[2]
  3. ผลและรากมีรสฝาดสุขุม ช่วยแก้ท้องเสีย แก้บิดมูกเลือด (ผล, ราก)[1],[2],[4]
  4. ผลช่วยแก้อติสาร (อาการของการเจ็บไข้ที่เข้าขีดตายหรือโรคลงแดง) (ผล[1], [2])
  5. รากและแก่นนำมาต้มกับน้ำดื่ม เข้ายาแก้ปวดเมื่อย (ราก, แก่น)[2]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นตะลุมพุก

  • สารเคมีที่พบ ได้แก่ olean-12-en-28-oic acid, (-L-arabinopyranosyl(1-3)-)-(-D-galactopyranosyl (1-6))-(-D-galactopyranosyl (1-3))-3-(-hydroxy : methyl ester; olean-12-en-28-oic acid, (-arabinopyranosyl (1-3))-( -D-galactopyranosyl(1-4))-(-D-glucuronopynosyl (1-3)) -3-(-hydroxy: ; olean-12-en-28-oic acid, 3-(-hydroxy; methylester))[6]

ประโยชน์ของตะลุมพุก

  • คนโบราณจะใช้ผลของตะลุมพุกนำมาทุบให้แหลก แล้วนำไปใช้เป็นส่วนผสมของสีย้อมผ้าทำให้สีติดทนนาน อย่างเช่น จีวรพระ[5]
  • เนื้อไม้ตะลุมพุกเป็นสีขาวปนสีน้ำตาลอ่อน มีความละเอียดและสม่ำเสมอ จึงนิยมนำมาใช้ในงานแกะสลักทั่วไป[1] หรือนำมาใช้ทำเป็นเครื่องใช้สอยหรือใช้ทำด้ามเครื่องมือต่าง ๆ ทำกระสวย ใช้สำหรับงานกลึง ฯลฯ[4],[5]
  • ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการปลูกต้นตะลุมพุกไว้เป็นไม้ประดับ เพราะสามารถดัดหรือตัดแต่งได้ไม่ยาก ขยายพันธุ์และปลูกเลี้ยงดูแลได้ง่าย ดอกสวยและมีกลิ่นหอม เป็นพันธุ์ไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี เมื่อเจริญเติบโตจะสามารถให้ร่มเงาได้ดีเนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีใบเป็นจำนวนมาก[5]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “ตะลุมพุก (Talum Phuk)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 127.
  2. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “ตะลุกพุก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [10 มี.ค. 2014].
  3. ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.  “ตะลุมพุก”.  (นพพล เกตุประสาท).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th.  [10 มี.ค. 2014].
  4. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “ตะลุมพุก”.  อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [10 มี.ค. 2014].
  5. แมกโนเลีย ไทยแลนด์.  “ตะลุกพุก”.  (ririka).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.magnoliathailand.com.  [10 มี.ค. 2014].
  6. เว็บไซต์ท่องไทยแลนด์ดอทคอม.  “ตะลุกพุก”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thongthailand.com.  [10 มี.ค. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by dinesh_valke, Nelindah), www.phargarden.com (by Sudarat Homhual)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด