ตองแตก
ตองแตก ชื่อวิทยาศาสตร์ Baliospermum solanifolium (Burm.) Suresh (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Baliospermum axillare Blume, Baliospermum montanum (Willd.) Müll.Arg.) จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)[1],[2],[3]
สมุนไพรตองแตก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า นองป้อม ลองปอม (เลย), ตองแต่ (ประจวบคีรีขันธ์), ทนดี (ตรัง), เปล้าตองแตก (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), ถ่อนดี (ภาคกลาง), โทะโคละ พอบอเจ๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ยาบูเวอ หญ้าโวเบ่อ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น[1]
ลักษณะของตองแตก
- ต้นตองแตก จัดเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 1-2 เมตร แตกแขนงจากโคนต้น ส่วนลำต้นเป็นสีเขียวมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร หรืออาจเล็กกว่านี้ เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ยอดอ่อนมีขนสีขาว เป็นพรรณไม้ที่มีอายุอยู่ได้นานและทนทาน ตายยาก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ศรีลังกา ลงมาจนถึงพม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม อินโดจีน คาบสมุทรมาเลเซีย เกาะบอเนียว สุมาตรา ชวา มาลูกู สุราเวศรี เลสเซอร์ เกาะซันดร้า ส่วนในประเทศไทยพบขึ้นทั่วไปตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่ และตามที่รกร้าง จนถึงระดับความสูง 700 เมตร[1],[2],[3],[6],[7]
- ใบตองแตก ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ใบมีขนาดและรูปร่างต่างกัน ใบที่อยู่ส่วนยอดจะมีลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปใบหอก มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ส่วนใบที่อยู่โคนต้นขอบใบจะหยักเว้าเป็น 3-5 แฉก ลักษณะของใบจะเป็นรูปไข่แกมขอบขนานหรือเกือบกลม ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ตามขอบใบจักเป็นซี่ฟันห่างกันไม่สม่ำเสมอ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-18 เซนติเมตร เนื้อใบบาง เส้นใบด้านล่างเห็นชัดกว่าด้านบน ก้านใบมีลักษณะเรียวยาว มีความยาวประมาณ 2-6 เซนติเมตร ยอดอ่อนมีขน[1],[3]
- ดอกตองแตก ดอกมีขนาดเล็กสีขาวเหลือง ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ช่อดอกมีลักษณะเล็กเรียว ยาวประมาณ 3.5-12 เซนติเมตร ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน โดยดอกเพศผู้จะอยู่ตอนบนของช่อและมีจำนวนมาก ดอกมีรูปร่างกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีกลีบดอก แต่มีกลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ ฐานดอกมีต่อมประมาณ 4-6 ต่อม มีเกสรเพศผู้ประมาณ 15-20 อัน อับเรณูคล้ายรูปถั่ว ก้านดอกย่อยมีลักษณะเล็กเรียวคล้ายเส้นด้าย ยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะอยู่โคนช่อของดอก ไม่มีกลีบดอกเช่นกัน มีกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่ปลายแหลม ขอบจัก ฐานดอกเป็นรูปถ้วยสั้น ๆ รังไข่มี 3 พู ก้านเกสรเพศเมียจะแยกออกเป็น 2 แฉก ลักษณะม้วนออก[1],[2],[3]
- ผลตองแตก ผลมีลักษณะเป็นพู 3 พู ปลายผลเว้าหรือบุ๋ม มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ 2 อัน โคนผลกลม มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ขั้วผล ผลเป็นสีเขียว ส่วนโคนของผลจะมีสีเข้มกว่าตอนปลาย เมื่อแก่แล้วจะแตกออกตามยาวที่กลางพู แต่ละพูจะมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปขอบขนาน[1],[2],[3]
สรรพคุณของตองแตก
- รากใช้เป็นยารักษาโรคโลหิตจาง (ราก)[5]
- ชาวไทใหญ่จะใช้ใบตองแตกตากแห้ง นำมาชงเหมือนชาดื่มแก้อาการง่วง (ใบ)[5]
- รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ ส่วนใบมีสรรพคุณเป็นยาถอนพิษไข้ เมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาถ่ายพิษไข้ (ราก, ใบ, เมล็ด)[7]
- ใบนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ร้อนใน (ใบ)[6]
- ใบนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาช่วยขับเหงื่อ (ใบ)[5]
- ใบนำมาต้มกับน้ำหรือแช่กับน้ำกินเป็นยาแก้โรคหืดหอบ (ใบ)[2],[4],[5],[6]
- รากมีรสขมเล็กน้อย ใช้ต้มกับน้ำดื่มหรือฝนน้ำกินเป็นยาถ่ายเสมหะเป็นพิษ (เสมหะเขียวเป็นก้อนหรือบิด) แก้เสมหะ ขับเสมหะ (ราก)[1],[2],[3],[5],[7]
- รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับลม แก้อาการจุกเสียด แก้ท้องเสีย (ราก)[5],[6],[7]
- รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาถ่ายหรือยาระบายชนิดที่ไม่รุนแรงมากนัก เหมาะสำหรับคนไข้โรคริดสีดวงทวารที่ใช้ยาดำเป็นยาถ่ายไม่ได้ และเป็นยาถ่ายพิษพรรดึก (อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากท้องผูก ถ่ายเป็นก้อนแข็งคล้ายขี้แพะ) (ราก)[1],[2],[3],[4],[5],[7] หรือจะใช้ใบแห้งนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาถ่ายก็ได้ (ใบแห้ง)[1],[3],[4],[5] ส่วนเปลือกก็มีสรรพคุณเป็นยาถ่ายเช่นกัน (เปลือก)[2],[6]
- เมล็ดใช้เป็นยาถ่ายอย่างแรง (แรงกว่าราก) และภายในเมล็ดจะมีน้ำมันที่เป็นพิษมาก ซึ่งเป็นยารุยาถ่ายอย่างแรงถึงกับถ่ายเป็นน้ำ จึงไม่นิยมใช้กัน (เมล็ด)[1],[2],[3],[4],[5]
- ใบใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคกระเพาะ (ใบ)[8]
- ใบหรือเมล็ดใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ (ใบ, เมล็ด)[3]
- รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาขับปัสสาวะ (ราก)[5]
- ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำอาบ สำหรับผู้หญิงหลังคลอด ช่วงอยู่ไฟ (อยู่เดือน) (ทั้งต้น)[5]
- รากใช้เป็นยาแก้อาการบวมน้ำ แก้ดีซ่าน แก้ม้ามอักเสบ (ราก)[2],[3],[5]
- ต้นใช้เป็นยาบำรุงน้ำดี (ต้น)[7]
- รากใช้ต้มกับน้ำดื่มหรือฝนน้ำกินเป็นยาถ่ายลมเป็นพิษ (อาการผื่นคันหรือตุ่มหนองที่ผิวหนัง) (ราก)[1],[2],[3],[4]
- ใบใช้ตำพอกแผล ห้ามเลือด (ใบ)[6]
- น้ำยางจากยอดอ่อนใช้ใส่รักษาแผลทั้งสดและเรื้อรัง แผลโรคปากนกกระจอก (ใบ)[8]
- รากใช้ฝนทาแก้อาการฟกช้ำ (ราก)[6]
- ใช้เป็นยาแก้ฟกบวม (ใบ, เมล็ด)[3]
- น้ำมันจากเมล็ดใช้เป็นยาทาแก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด)[2],[5]
- เมล็ดใช้ภายนอกนำมาตำหรือบดทาบริเวณที่ปวดเมื่อย ทำให้ร้อนและเลือดไหลเวียน ช่วยกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณที่ทา (เมล็ด)[2],[6]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [3] ให้ใช้ใบประมาณ 2-4 ใบ หรือใช้ราก 1 หยิบมือ ยาไทยจะนิยมใช้ราก 1 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เติมเกลือเล็กน้อย แล้วนำมารับประทาน[3]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของตองแตก
- รากตองแตกมีอนุพันธ์ของ phorbol ester เช่น baliospermin และ montanin เป็นสารที่ทำให้ถ่ายและมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ในหลอดทดลอง แต่ควรมีการศึกษาวิจัยต่อไป[4]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ตองแตก (Tong Taek)”. หน้า 117.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ตองแตก”. หน้า 298-299.
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ตองแตก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [22 ธ.ค. 2014].
- อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ตองแตก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/. [22 ธ.ค. 2014].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ตองแตก, เปล้าตองแตก”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์)., หนังสือพืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์ (พงษ์ศักดิ์ พลเสนา)., หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 7 (ก่องกานดา ชยามฤต, ลีนา ผู้พัฒนพงศ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [22 ธ.ค. 2014].
- ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้. “ตองแตก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th. [22 ธ.ค. 2014].
- ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ตองแตก”. อ้างอิงใน : หนังสือพรรณไม้เมืองไทย พืชสมุนไพร 1. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [22 ธ.ค. 2014].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ตองแตก”. อ้างอิงใน : หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง (อัปสร และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [22 ธ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Anurag Sharma, Dinesh Valke, Shubhada Nikharge)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)