ชะมดเชียง
ชะมดเชียง ชื่อวิทยาศาสตร์ Moschus moschiferus Linnaeus จัดอยู่ในวงศ์กวางชะมด (MOSCHIDAE) และมีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า ชะมด, กวางชะมด, มุดลัง, เซ่อเซียง (จีนกลาง) เป็นต้น[1]
หมายเหตุ : นอกจากชะมดเชียงแล้ว ยังมี “ชะมดเช็ด” ซึ่งเป็นตัวยาสำคัญอีกชนิดหนึ่ง และเป็นคนละชนิดกับชะมดเชียง สรรพคุณของชะมดเช็ดจะคล้ายคลึงกับชะมดเชียง แต่ชะมดเช็ดจะมีราคาถูกกว่า[3]
ลักษณะของชะมดเชียง
- ชะมด เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศทิเบต[2] โดยเป็นสัตว์จำพวกกวางแต่ไม่มีเขา มีลำตัวยาวประมาณ 65-95 เซนติเมตร สูงประมาณ 60 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 8-13 กิโลกรัม มีขนสั้นและหยาบแข็ง ขนที่หน้าท้องเป็นสีขาว ปลายขนเป็นสีดำ ใบหูมีลักษณะกลมยาวและตั้งตรง ตาโต มีเขี้ยวยาว ขาเล็กยาว แต่สองขาหลังจะยาวกว่าสองขาหน้า มีหางสั้น คดงอ[1] มักอาศัยอยู่ตามป่าบนภูเขาสูงในประเทศเนปาลและจีน ออกหากินตามลำพังเวลาเช้ามืดหรือพลบค่ำ[2]
- ชะมดเชียง คือ คือไขมันในต่อมกลิ่นของชะมด (ส่วนที่ใช้ทำยาได้มาจากไขมันในต่อมกลิ่น) ซึ่งต่อมนี้จะมีเฉพาะในชะมดตัวผู้เท่านั้น โดยจะอยู่ระหว่างใต้สะดือกับอวัยวะเพศตัวผู้ มีลักษณะเป็นรูปกลมรีคล้ายรูปไข่ มีสีน้ำตาล มีขนสั้นห่อหุ้มอยู่ ตรงกลางจะมีรูเพื่อขับสารประเภทไขมันออกมา ซึ่งเป็นสารสีน้ำตาลเข้ม เหนียว และมีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาได้เรียกว่า “ชะมดเชียง” โดยชะมดเชียงที่ดีจะต้องมีกลิ่นฉุนจัด ผิวเป็นมัน เนื้ออ่อนนิ่มและเป็นสีน้ำตาลไม่ปนสีดำ ปัจจุบันตัวยาชนิดนี้หาได้ยากและมีราคาแพง (แพงมากกว่า “ชะมดเช็ด“)[1]
สรรพคุณของชะมดเชียง
- ไขมันของต่อมกลิ่นของชะมดตัวผู้หรือชะมดเชียง มีรสเผ็ดขม มีกลิ่นหอม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ตับและม้าม ใช้เป็นยาปิดทวารทั้ง 7 ทำให้ลมปราณไหลเวียนดี ช่วยกระจายการอุดตันของเส้นลมปราณและเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี[1]
- ใช้เป็นยากระตุ้นการทำงานของประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและสดชื่น[1]
- ใช้รักษาโรคเส้นประสาท[2]
- ใช้แก้อาการเป็นลมหมดสติ แก้อาการตกใจง่าย[1]
- ใช้รักษาโรคตา โรคไองอ โรคลม โลหิต กำเดา[2]
- ใช้รักษาหอบหืด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม[2]
- ช่วยรักษาอาการแน่นหน้าอก จุกเสียดปวดมวนที่หัวใจ จากรายงานทางคลินิกพบว่า เมื่อใช้ชะมดเชียงผสมกับน้ำตาลแล้วนำมาอัดเป็นเม็ด โดยใน 1 เม็ดจะมีชะมดเชียงหนัก 30 มิลลิกรัม แล้วนำมาอมไว้ใต้ลิ้นเมื่อมีอาการ จากการทดสอบกับผู้ป่วยจำนวน 160 ราย พบว่า ผู้ป่วยจำนวน 146 ราย ได้ผลการรักษาดีมาก มี 6 รายได้ผลดี และอีก 8 รายไม่ได้ผล[1]
- ใช้แก้อาการปวดท้อง จุกเสียดแน่น[1]
- ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก[1]
- ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ฝีบวมอักเสบ ปวดบวม แก้ซีสต์[1]
- ช่วยแก้อัมพฤกษ์ อัมพาต ลมชัก[1]
- ใช้เป็นยาเร่งในโรคไข้รากสาดน้อย[2]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [1] ให้ใช้ครั้งละประมาณ 0.15-0.2 กรัม นำมาบดให้เป็นผงรับประทาน หรือใช้เข้ากับตำรายาอื่น (ยาชนิดนี้ไม่นิยมนำมาต้มรับประทาน)[1]
ข้อควรระวัง : สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ เพราะจะทำให้แท้งบุตรได้[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของชะมดเชียง
- สารที่พบในสมุนไพรชะมดเชียง ได้แก่ สาร Muscone (สารให้กลิ่นหอม), Muscopyridine, Normuscone และพบแร่ธาตุต่าง ๆ อีกหลายชนิด เช่น แคลเซียม, ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, โปรตีน, ไขมัน เป็นต้น[1]
- จากการทดลองกับหนูขาว พบว่า ถ้ารับประทานสาร Muscone ในปริมาณเล็กน้อย ขนาด 0.01-0.05 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะมีฤทธิ์ไปกระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้หนูขาวมีความรู้สึกตื่นตัวและมีความสดชื่น แต่ถ้ารับประทานมากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พบว่าจะมีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ง่วงและยืดเวลาการนอนหลับให้ยาวนานขึ้น[1]
- จากการศึกษาทดลองพบว่า ชะมดเชียงมีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจที่อยู่นอกร่างของสัตว์ทดลอง ทำให้บีบตัวแรงขึ้น และพบว่าความดันโลหิตได้เพิ่มขึ้น ทำให้มีการหายใจเร็วขึ้นอีกด้วย[1]
- สารสกัดที่ได้จากชะมดเชียงมีฤทธิ์กระตุ้นต่อมดลูกที่อยู่นอกร่างของสัตว์ทดลอง ทำให้มดลูกบีบตัวไวขึ้น โดยเฉพาะกับมดลูกที่ตั้งครรภ์ ซึ่งพบว่าจะมีการบีบตัวแรงขึ้นและทำให้แท้งได้[1]
ประโยชน์ของชะมดเชียง
- ใช้ในการแต่งกลิ่นเครื่องหอมต่าง ๆ[3]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ชะมดเชียง”. หน้า 194.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ชะมดเชียง”. หน้า 247-248.
- จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑๑, พฤศจิกายน ๒๕๓๒.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Alan Hill, miketransreal)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)