คำไทย สรรพคุณและประโยชน์ของต้นคำไทย 50 ข้อ ! (คำเงาะ)

คำไทย

คำไทย ชื่อสามัญ Anatto tree[1],[2]

คําไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ Bixa orellana L. จัดอยู่ในวงศ์คำแสด (BIXACEAE)[1],[2]

สมุนไพรคำไทย มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า คำเงาะ คำแงะ คำแฝด คําแสด (กรุงเทพฯ), ซิติหมัก (เลย), แสด มะกายหยุม (ภาคเหนือ), ชาตรี (ภาคอีสาน), ชาด ดอกชาติ (ภาคใต้), หมากมอง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), จำปู้ ส้มปู้ (เขมร-สุรินทร์), คำยง ชาตี ชาดี (เขมร) เป็นต้น[1],[2],[4]

หมายเหตุ : ต้นคำไทยในบทความนี้เป็นพันธุ์ไม้คนละชนิดกันกับต้นคําแสด ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mallotus philippensis Mull.arg. ที่จัดอยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE  เนื่องจากทั้งสองชนิดมีชื่อท้องถิ่นที่เหมือนกันว่า “คําแสด” จึงอาจทำให้เกิดความสับสนได้ หากต้องการอ่านบทความดังกล่าว ท่านสามารถอ่านได้ที่ คำแสด

ลักษณะของคำไทย

  • ต้นคำไทย หรือ ต้นคำแสด เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในเขตร้อนของอเมริกาตอนกลาง ต่อมาได้ขยายไปทางเหนือและใต้ เช่น เม็กซิโก บราซิล และกัวเตมาลา ก่อนจะถูกนำไปปลูกในประเทศที่มีอากาศร้อนทั่วโลก โดยต้นคําไทยจัดเป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 3-8 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลมหนาทึบ เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลปนเทา ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด และการตัดกิ่งเพื่อนำไปปักชำ สามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณชื้นและตามป่าดิบแล้ง[1],[4],[5],[8]

ต้นคำแสด

คําไทยต้นคำไทย
  • ใบคำไทย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตรและยาวประมาณ 11-18 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะบางนุ่ม ใบเป็นสีเขียวเหลือบแดง ส่วนใบอ่อนเป็นสีแดง[1],[2]

ใบคำไทย

  • ดอกคำไทย ออกดอกเป็นช่อตั้ง โดยจะออกที่ปลายกิ่ง ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยประมาณ 5-10 ดอก ดอกย่อยเป็นสีขาวแกมชมพูหรือสีชมพูอ่อน ๆ กลีบดอกมี 5 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่ยาว และมีกลีบรองดอกขนาดเล็กสีเขียว ดอกอ่อนจะมีลักษณะกลม ผิวสีแดง ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมากและมีเกสรเพศเมียอีก 1 ก้าน ที่รังไข่มีขนรุงรัง ภายในมีช่อง 1 ช่อง และมีไข่อ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก[1],[2]

ดอกคําไทย

ดอกคําไทย

  • ผลคำไทย ลักษณะของผลเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายผลแหลม มีขนสีแดงคล้ายผลเงาะ ผลเมื่อแก่จัดจะแตกออกเป็น 2 ซีก ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก[1],[2]

คําแสด

คำไทย

ผลคำไทย

  • เมล็ดคำไทย เมล็ดเป็นสีน้ำตาลแดง มีลักษณะกลม และมีเนื้อหุ้มเมล็ดเป็นสีแดงหรือสีแสด[1],[2]

เมล็ดคำไทย

สรรพคุณของคำไทย

  1. ดอกใช้ปรุงเป็นยาหรือใช้ต้มกินเป็นยาบำรุงโลหิตให้สมบูรณ์ (ดอก[1],[2],[3],[4],[5], ราก[5], เปลือกต้น[5], เมล็ด[5]) และมีข้อมูลระบุว่ารากเป็นยาบำรุงเลือดลม (ราก)[9]
  2. ดอกใช้ต้มกินเป็นยารักษาโรคโลหิตจาง (ดอก)[1],[2],[3],[4],[5]
  3. หากความดันโลหิตสูง ให้ใช้เปลือกต้นประมาณ 1 ฝ่ามือต่อน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มเป็นยาดื่มวันละ 3 เวลาจะช่วยลดความดันโลหิตได้ (เปลือกต้น)[9]
  4. รากคําไทยมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย (ราก)[9]
  5. ช่วยบำรุงหัวใจ (ดอก)[5]
  6. ช่วยบำรุงประสาท บำรุงสมอง (ดอก)[5]
  7. ใบนำมาชงกับน้ำกินเป็นยาแก้กษัย (ใบ)[9]
  8. หมอพื้นบ้านจะใช้เมล็ดทำเป็นยารักษาอาการไข้ แก้ไข้ (เมล็ด)[4],[5]
  9. ใบหรือเปลือกรากใช้เป็นยาลดไข้ (ใบ, เปลือกราก)[1],[2],[4],[5]
  10. เมล็ดช่วยรักษาไข้มาลาเรีย ส่วนเปลือกรากช่วยป้องกันไข้มาลาเรีย (เมล็ด, เปลือกราก)[1],[2],[4],[5]
  1. เปลือกต้นและเมล็ดช่วยแก้ไข้ทับระดู (เปลือกต้น, เมล็ด)[5]
  2. ช่วยระงับความร้อนภายในร่างกาย (ดอก)[5]
  3. ช่วยขับเสมหะ (เมล็ด)[5]
  4. ช่วยรักษาริดสีดวงที่จมูก ด้วยการใช้ใบนำมาซอยแล้วตากแดดให้แห้ง นำมามวนเป็นยาสูบจะช่วยแก้ริดสีดวงจมูกได้ (ใบ)[9]
  5. ใบช่วยรักษาอาการเจ็บคอ (ใบ)[1],[2],[4],[5]
  6. ใบคำไทยช่วยรักษาโรคดีซ่าน (ใบ)[1],[2],[4],[5]
  7. รากใช้เป็นยาบำรุงปอด (ราก)[9]
  8. เมล็ดมีรสร้อน มีสรรพคุณเป็นยาแก้ลม (เมล็ด)[5]
  9. ดอกนำมาต้มกินจะช่วยรักษาโรคบิดได้ (ใบ, ดอก)[1],[2],[3],[4],[5] ส่วนเมล็ดมีสรรพคุณแก้บิดเช่นกัน (เมล็ด)[5]
  10. เนื้อหุ้มเมล็ดมีรสหวานร้อน เป็นยาระบายท้อง (เนื้อหุ้มเมล็ด)[1],[2],[4],[5]
  11. ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นคําไทยทั้งห้านำมาต้มรับประทานเป็นยา โดยใช้ประมาณ 1 มือต่อน้ำ 1 ลิตร แบ่งกินหลังอาหารวันละ 3 เวลา (ทั้งต้น)[9]
  12. ใช้เป็นยาขับพยาธิ (เนื้อหุ้มเมล็ด[1],[2],[4],[5], ขนจากผล[5])
  13. ใบใช้เป็นยาขับปัสสาวะ โดยใช้ใบคำไทยประมาณ 8-10 ใบ นำมาต้มกับน้ำ 1 ลิตร ใช้ดื่มวันละ 3 เวลา (ใบ[1],[2],[4],[5], เมล็ด[5]) ใบนำมาชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปัสสาวะขุ่นข้น (ใบ)[9]
  14. ช่วยแก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ด้วยการใช้เปลือกต้นประมาณ 1 ฝ่ามือต่อน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มเป็นยาดื่มวันละ 3 เวลา (เปลือกต้น)[9]
  15. ช่วยรักษาโรคหนองใน (เมล็ด, เปลือกราก)[1],[2],[4],[5]
  16. สำหรับผู้ที่ต่อมลูกหมากโต ให้ใช้เปลือกต้นประมาณ 1 ฝ่ามือต่อน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มเป็นยาดื่มวันละ 3 เวลา (เปลือกต้น)[9]
  17. ดอกช่วยบำรุงโลหิตระดูและขับระดูของสตรี ส่วนเมล็ดก็เป็นยาขับระดูเช่นกัน (ดอก, เมล็ด)[5]
  18. เมล็ดใช้ตำพอกหัวหน่าวแก้อาการปวดมดลูกของสตรีหลังการคลอดบุตร (เมล็ด)[5]
  19. รากใช้ต้มเป็นยาให้หญิงอยู่ไฟกิน (ราก)[9]
  20. ช่วยรักษาไตพิการ (ดอก)[1],[2],[4],[5]
  21. ช่วยแก้ดีพิการ (ดอก)[5]
  22. ช่วยบำรุงน้ำเหลืองให้สมบูรณ์ (ดอก)[5]
  23. เมล็ดใช้เป็นยาหอมและเป็นยาฝาดสมาน สมานแผล ส่วนดอกและผลก็เป็นยาสมานแผลเช่นกัน (เมล็ด, ดอก, ผล)[1],[2],[4],[5]
  24. เนื้อหุ้มเมล็ดช่วยรักษาโรคผิวหนัง (เนื้อหุ้มเมล็ด[1],[2],[4],[5], เมล็ด[5])
  25. ดอกช่วยรักษาอาการแสบร้อนและคันตามผิวหนัง (ดอก[1],[2],[4],[5], ราก[5])
  26. น้ำมันจากเมล็ดช่วยรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนัง (น้ำมันจากเมล็ด)[7]
  27. ดอกช่วยแก้พิษ (ดอก)[5]
  28. เมล็ดใช้เป็นยารักษาโรคพิษจากสบู่แดงและมันสำปะหลัง (เมล็ด)[1],[2],[4],[5]
  29. นอกจากนี้ยังมีการใช้ใบเพื่อรักษาการถูกงูกัด (ใบ)[4],[5]
  30. เปลือกต้นนำมาใช้ฝนทาแก้พิษงู (เปลือกต้น)[9]
  31. เมล็ดนำมาตำใช้เป็นยาพอกหรือทาแก้อาการปวดบวม (เมล็ด)[5]
  32. เถาช่วยแก้อาการปวดเมื่อย (เถา)[7]
  33. น้ำมันจากเมล็ดมีรสร้อน ใช้ทาแก้อัมพฤกษ์อัมพาต แก้อาการขัดตามข้อ (น้ำมันจากเมล็ด)[5]
  34. มีข้อมูลระบุว่า นำใบมาใช้ชงกับน้ำดื่มจะช่วยบำรุงสมรรถภาพทางเพศได้ (ใบ)[9]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของคำไทย

  • คำไทยมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านปรสิต โปรโตซัว กดระบบประสาทส่วนกลาง ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการหลั่งของกระเพาะอาหาร คลายกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ ยับยั้งการสร้างโพรสตาแกลนดิน (อังกฤษ: prostaglandin) ยับยั้งเอนไซม์ Aldolase ยับยั้งการเจริญของเซลล์ ทำให้แพ้ ไล่แมลง ฆ่าแมลง ดึงดูดแมลง และเร่งการงอกของพืช[6] บ้างว่ามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ขับปัสสาวะ ต้านการอักเสบ ต้านอาการชัก ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดการหลั่งของกรดในหนู ต้านพิษงู และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย[9]
  • จากการทดสอบความเป็นพิษพบว่า สารสกัดส่วนเหนือดินของต้นคําไทยด้วยเอทานอล : น้ำ (1:1) มีขนาดที่ทำให้หนูถีบจักรตายครึ่งหนึ่งเท่ากับ 0.375 ก./กก. หรือมากกว่า 1 ก./กก. เมื่อฉีดเข้าช่องท้อง และมีค่า 3.8 ก./กก. เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ขนาดของสารสกัดรากด้วยน้ำที่ทำให้หนูถีบจักรตายครึ่งหนึ่งมีค่าเท่ากับ 700 มก./กก. ไม่พบความเป็นพิษ[6]

ประโยชน์ของคำไทย

  1. เนื้อหุ้มเมล็ดใช้ทำเป็นสีสำหรับแต่งอาหาร แต่งสีเนย สีไอศกรีม ฝอยทอง น้ำมัน หรือเพื่อเพิ่มความเข้มของไข่แดง เป็นต้น และยังใช้เป็นสีสำหรับย้อมไหมและฝ้าย ผ้าขนแกะ ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ผสมในยาขัดรองเท้า ยาขัดหนัง ขัดพื้นเพื่อจะทำให้หนังมีสีแดงคล้ำ ฯลฯ โดยนำเมล็ดมาแช่ในน้ำร้อนและหมักทิ้งไว้หลาย ๆ วัน เพื่อทำให้ผงสีส้มที่มีชื่อว่า Bixin ตกตะกอน แล้วจึงแยกเอาเมล็ดออก แล้วนำน้ำสีที่ได้ไปเคี่ยวจนน้ำเกือบแห้ง และนำไปตากแดดจนแห้งเป็นผง เก็บไปใช้ในการย้อมสีต่อไป โดยสีที่ได้คือสีแสด หรือเรียกว่าสี Annatto, Arnotto, หรือ Orlean และเป็นสีที่ไม่มีพิษ[2],[3],[4],[5],[7],[8]
  2. ชาวท้องถิ่นดั้งเดิมในอะเมซอนจะใช้เนื้อหุ้มเมล็ดทาเพื่อแต่งลวดลายตามร่างกายและใบหน้า เพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว[8]
  3. น้ำมันจากเมล็ดสามารถช่วยรักษาสภาพของน้ำมันพืชและผลิตภัณฑ์นมได้[7]
  4. เปลือกต้นของคำไทยหรือคําแสดสามารถนำมาใช้ทำเป็นเชือกได้ดี[8]
  5. นิยมใช้ปลูกกันเป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงาม เพราะนอกจากดอกก็ยังมีผลที่ออกเป็นกลุ่ม ๆ ดูสวยงามกว่าดอกเสียอีก และยังมีความทนทานมากกว่าดอกหลายเท่าอีกด้วย โดยจะมีทั้งพันธุ์ผลสีแดงและผลสีเหลือง ในประเทศไทยเราส่วนมากแล้วจะปลูกแต่พันธุ์ผลสีแดง หากนำพันธุ์ผลสีเหลืองมาปลูกคู่กับพันธุ์ผลสีแดงก็จะทำให้เกิดความงดงามมากยิ่งขึ้น[4],[8]
  6. หมอยาอีสานจะนิยมปลูกต้นคำไทยไว้หน้าบ้าน เพื่อใช้เป็นสมุนไพรในการรักษาผู้ที่ถูกมนต์ดำหรือผู้ที่โดนของ ทั้งจากการถูกคนทำใส่หรือจากภูตผีมาทำด้วย โดยหมอยาจะให้กินยาสมุนไพรชนิดนี้หรือชนิดอื่นต้มให้รับประทาน แต่จะต้องใช้ใบคำไทยลูบตามผิวกายเพื่อดึงเอาของไม่ดีออกจากร่างกายร่วมกับมนต์คาถา หรือจะใช้ใบคำไทยร่วมกับมนต์คาถาโดยไม่ต้องกินยาสมุนไพรก็ได้[9]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “คำไทย (Kham Thai)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 79.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง.  “คําไทย”.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ).  หน้า 86.
  3. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  “คำไทย Annatto Tree”.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  หน้า 64.
  4. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5.  “คําไทย”.  (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).  หน้า 185-187.
  5. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.  “คำเงาะ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com.  [18 ก.พ. 2014].
  6. สมุนไพรในร้านยาโบราณ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.  “คำไทย”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.msu.ac.th.  [18 ก.พ. 2014].
  7. ศูนย์ปฎิบัติการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “คำแสด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.goldenjubilee-king50.com.  [18 ก.พ. 2014].
  8. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 279 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า.  “คำแสดสีสันบนใบหญ้าและผืนผ้า”.  (เดชา ศิริภัทร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th.  [18 ก.พ. 2014].
  9. กลุ่มรักษ์เขาใหญ่.  “คําไทย หน้าตาสดใส เลือดลมดี”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.rakkhaoyai.com.  [18 ก.พ. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Vietnam Plants & The USA. plants, HBarrison, go green globe, Anestor, wagner campelo, scott.zona, Alessandro Macedo Aragão, kaiyanwong223, judymonkey17)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด