คำแสด สรรพคุณและประโยชน์ของต้นคําแสด 19 ข้อ ! (แทงทวย)

คำแสด สรรพคุณและประโยชน์ของต้นคําแสด 19 ข้อ ! (แทงทวย)

คำแสด

คำแสด ชื่อสามัญ Monkey-faced tree, Red berry[1],[5]

คำแสด ชื่อวิทยาศาสตร์ Mallotus philippensis (Lam.) Müll.Arg. จัดอยู่ในวงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)[1],[5]

สมุนไพรคําแสด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กายขัดหิน ขี้เนื้อ (เชียงใหม่), ขางปอย ซาดป่า (นครพนม), ลายตัวผู้ (จันทบุรี), แทงทวย (ราชบุรี), ทองขาว (เลย), สากกะเบือละว้า (สุโขทัย, พิษณุโลก), ชาตรีขาว (ภูเก็ต), พลากวางใบใหญ่ (ตรัง), ขี้เต่า (สุราษฎร์ธานี), พลับพลาขี้เต่า (นครศรีธรรมราช), มะกายคัด (ภาคเหนือ), คำแดง ทองทวย แทงทวย มะคาย แสด (ภาคกลาง), ไม้เล็ง (ไทใหญ่) เป็นต้น[1],[2],[4],[5]

หมายเหตุ : ต้นคำแสดในบทความนี้ เป็นคนละชนิดกับต้นคำแสดที่มีผลสีแดงคล้ายกับผลเงาะ (มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bixa orellana Linn. จัดอยู่ในวงศ์ Bixaceae) เนื่องจากทั้งสองชนิดมีชื่อท้องถิ่นที่เหมือนกันว่า “คำแสด”  จึงอาจทำให้เกิดความสับสนได้ หากต้องการอ่านบทความดังกล่าว ท่านสามารถอ่านได้ที่ คำไทย

ลักษณะของคำแสด

  • ต้นคำแสด จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 5-12 เมตร บ้างว่าสูงได้ประมาณ 15 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลปนเทาและมักมีร่อง ที่กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุมและมียางสีแดง ต้นคำแสดมีเขตการกระจายพันธุ์กว้าง พบได้ตั้งแต่แถบหิมาลัย ศรีลังกา พม่า อินเดีย จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ถึงไต้หวัน ออสเตรเลีย และตลอดจนหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนในประเทศสามารถพบได้ทุกภาค โดยจะขึ้นตามชายฝั่งทะเล ตามป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และจามป่าเบญจพรรณ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลจนถึงประมาณ 1,200 เมตร[1],[5]

ต้นคำแสด

คําแสด

  • ใบคำแสด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปรี ปลายใบแหลมหรือเป็นติ่งแหลม โคนใบมนหรือกลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-8 เซนติเมตรและยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร บ้างว่ายาวได้ประมาณ 4-22 เซนติเมตร หลังใบเรียบเกลี้ยง ส่วนท้องใบมีขนอยู่หนาแน่นและมีต่อมเกล็ดเป็นจำนวนมาก มีเส้นแขนงใบ 3 เส้นใบ ใบอ่อนเป็นสีน้ำตาล และมีก้านใบยาวประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร ส่วนหูใบมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ 0.5-1.3 เซนติเมตร[1],[5]

ใบคำแสด

  • ดอกคำแสด ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและตามปลายกิ่ง ดอกเป็นแบบแยกเพศและอยู่บนต้นเดียวกัน โดยช่อดอกเพศผู้จะมีความยาวได้ถึง 18 เซนติเมตร ออกเป็นกลุ่มประมาณ 3-4 ดอก ดอกเป็นสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.2-0.3 เซนติเมตร ดอกไม่มีกลีบดอก แต่มีเฉพาะกลีบเลี้ยงดอก 3-4 กลีบ และดอกมีเกสรเพศผู้ 15-20 อัน ส่วนช่อดอกเพศเมียจะมีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตร โดยดอกเพศเมียจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 เซนติเมตร เป็นสีเหลืองหรือสีแดง มีกลีบเลี้ยงดอกมีประมาณ 3-6 กลีบ มีรังไข่ 2-3 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียจะยาวได้ประมาณ 0.1 เซนติเมตร ปลายเกสรแยกเป็น 3 แฉก และยาวประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร และตามช่อดอกทุกส่วนจะมีขนปกคลุมอยู่ตลอด[1],[5]

ดอกคําแสด
ดอกคําแสดเพศผู้

ดอกคำแสดเพศผู้
ดอกคำแสดเพศผู้

ดอกคำแสด
ดอกคำแสดเพศเมีย

ดอกคำแสดเพศเมีย
ดอกคำแสดเพศเมีย

  • ผลคำแสด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแป้น แบ่งออกเป็นพู 3 พู ผลมีขนาดประมาณ 0.7-0.9 เซนติเมตร ผิวของผลมีขนสั้นและต่อมผงเล็ก ๆ สีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม ผลเมื่อแห้งจะแตกออกตามพู ภายในมีเมล็ดสีดำ ลักษณะของเมล็ดคำแสดเป็นรูปทรงรี มีความยาวประมาณ 0.4 เซนติเมตร[1],[2],[5]

ผลคำแสด

เมล็ดคำแสด

สรรพคุณของคำแสด

  1. เปลือกต้นช่วยบำรุงธาตุ (เปลือกต้น)[1]
  2. เมล็ดช่วยแก้ไข้ (เมล็ด)[3]
  3. ผลและใบนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้หวัด (ผลและใบ)[2]
  4. ช่วยแก้พรรดึก (เปลือกต้น)[1]
  5. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (เมล็ด)[3]
  6. เปลือกต้นใช้รักษาโรคกระเพาะ (เปลือกต้น)[4]
  7. เมล็ดเป็นยาขับพยาธิ (เมล็ด)[3] ขนจากผลที่เป็นผงสีแดง ใช้เป็นยาขับพยาธิตัวกลม พยาธิตัวแบน และพยาธิตัวตืด (ขนจากผล)[1],[2] สารสกัดจากผลสามารถฆ่าพยาธิตัวตืดได้ทั้งหลอดทดลองและในสัตว์ทดลอง[3]
  8. แก่นใช้ต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้ปัสสาวะแดงหรือเหลือง (แก่น)[3]
  9. ใบและดอกมีรสเฝื่อน ใช้เป็นยาพอกบาดแผล (ใบ, ดอก)[1] หรือจะนำเมล็ดมาทำเป็นผงก็ใช้พอกแผลได้เช่นกัน (เมล็ด)[2]
  10. ดอกและเปลือกต้นมีรสเฝื่อน ใช้เป็นยารักษาแผลเรื้อรัง (ดอก, เปลือกต้น)[1]
  11. ราก ใบ และขนจากผล นำมาตำรวมกับน้ำผึ้ง ใช้เป็นยาทาแก้แผลอักเสบ (ราก, ใบ, ขนจากผล)[2]
  12. เปลือกต้นมีรสเฝื่อนใช้รักษาโรคผิวหนัง (เปลือกต้น)[1]
  13. เมล็ดใช้แก้โรคเรื้อน (เมล็ด)[3]
  14. ราก ใบ และขนจากผล นำมาตำรวมกับน้ำผึ้ง ใช้เป็นยาทาแก้สัตว์มีพิษกัดต่อย (ราก, ใบ, ขนจากผล)[2]
  15. ตำรับยาพื้นบ้านใช้แก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้โรคเส้น (แก่น)[3]

ประโยชน์ของคำแสด

  • เมล็ดใช้เป็นยาเบื่อปลา[1],[3]
  • ราก ใบ และขนจากผล นำมาตำรวมกับน้ำผึ้ง ใช้เป็นยาทาแก้สิวและลอกฝ้า[2]
  • ผลใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้ โดยจะให้สีแดงที่เรียกว่า Kamela dye[5]
  • เนื้อไม้คำแสดใช้ทำเป็นฟืนได้[4]
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  “คำแสด (Kam Saed)”.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  หน้า 82.
  2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ.  “คำแสด”.  (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ).  หน้า 102.
  3. อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.  “คําแสด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/.  [18 ก.พ. 2014].
  4. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน).  “Monkey-faced tree”.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th.  [18 ก.พ. 2014].
  5. สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช.  “คำแสด”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th/botany/.  [18 ก.พ. 2014].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Black Diamond Images, Russell Cumming, andreas lambrianides, mingiweng, incredibleayurveda, dinesh_valke)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด