แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide) สรรพคุณ วิธีใช้ ฯลฯ

แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide หรือ Mg(OH) 2) หรือที่รู้จักกันในนามของ ยาระบายแมกนีเซีย หรือ มิลค์ ออฟ แมกนีเซีย (Milk of magnesia) หรือ เอ็มโอเอ็ม (MOM) เป็นยาตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการลดกรดในกระเพาะอาหาร และยังใช้เป็นยาระบายได้ด้วย (เนื่องจากผลข้างเคียงของยานี้ทำให้ถ่ายท้อง)

ตัวอย่างยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (ชื่อสามัญ) มีชื่อทางการค้า เช่น อัลมา (Alma), อัลแมก (Almag), อัลติคอน (Alticon), อีมัลแลกซ์ เอ็ม.โอ.เอ็ม. (Emulax M.O.M.), แมก-แมก ซัสเพนชั่น (Mag Mag Suspension), แมกนีเซีย (Magnesia) ฯลฯ

รูปแบบยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • ยาน้ำแขวนตะกอน (มีลักษณะคล้ายน้ำนม) ขนาด 400 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร และ 8,000 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร
  • ยาเม็ด ขนาด 300 มิลลิกรัม

มิลค์ ออฟ แมกนีเซีย
IMAGE SOURCE : www.healthtap.com, pantip.com (by สวยสับสน)

หมายเหตุ : ในทางเภสัชกรรมยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มักถูกนำไปผสมกับยาลดกรดอื่น ๆ เช่น อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium hydroxide) ในสัดส่วนต่าง ๆ กัน ซึ่งมีทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ

สรรพคุณของยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • ใช้รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืดแน่นท้อง ใช้เป็นยาลดกรด (ต้านฤทธิ์ของกรดในกระเพาะ) รักษาโรคกรดไหลย้อน บรรเทาอาการปวดแสบในท้อง แก้อาการเรอเหม็นเปรี้ยว ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ และใช้ป้องกันมิให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะจากยาต่าง ๆ
  • ใช้เป็นยาระบายแก้อาการท้องผูก เพราะยานี้จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้น้อย ตัวยามักจะอยู่ในลำไส้และออกฤทธิ์เฉพาะที่กระเพาะอาหาร แล้วดูดน้ำไว้ใกล้ ๆ ตัว ทำให้มีน้ำในลำไส้มากขึ้นจนเกิดการกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและเกิดการขับถ่าย

กลไกการออกฤทธิ์ของยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

เนื่องจากยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มีฤทธิ์เป็นด่าง จึงช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะได้ สำหรับการออกฤทธิ์เป็นยาระบาย ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์จะออกฤทธิ์โดยการไปช่วยเพิ่มปริมาณของน้ำในลำไส้จนเกิดการกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและขับถ่ายอุจจาระได้

ก่อนใช้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ สิ่งที่ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบมีดังนี้

  • ประวัติการแพ้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide) และยาอื่น ๆ ทุกชนิด รวมทั้งอาการจากการแพ้ยา เช่น ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก หายใจติดขัด/หายใจลำบาก เป็นต้น
  • โรคประจำตัวต่าง ๆ ยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง รวมถึงอาหารเสริม วิตามิน และยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่กำลังใช้อยู่หรือกำลังจะใช้ เพราะยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่น ๆ และ/หรืออาหารเสริมอื่น ๆ ที่รับประทานอยู่ก่อนได้ เช่น
    • การรับประทานยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ร่วมกับยาไซเมทิดีน (Cimetidine), รานิทิดีน (Ranitidine), ดิจิทาลิส (Digitalis) จะทำให้ยาเหล่านี้ถูกดูดซึมได้น้อยลง
    • การรับประทานยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ร่วมกับยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม เช่น คลอร์เตตราไซคลีน (Chlortetracycline), เตตราไซคลีน (Tetracycline), ดอกซีไซคลีน (Doxycycline), ไอเอ็นเอช/ไอโซไนอะซิด (INH/Isoniazid) ตัวยาจะไปลดการดูดซึมของยาปฏิชีวนะเหล่านี้ ทำให้ฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียลดลง
    • การรับประทานยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ร่วมกับยาบำรุงโลหิตหรือยาบำรุงร่างกายที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ เช่น เฟอรัสซัลเฟต (Ferrous sulfate), เฟอรัสฟูมาเรต (Ferrous fumarate), เฟอรัสออกซาเลต (Ferrous oxalate), เฟอริคฟอสเฟต (Ferric phosphate) ตัวยาจะไปยับยั้งการดูดซึมของธาตุเหล็ก จึงไม่ควรรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกัน
  • มีความผิดปกติหรือเคยมีประวัติความผิดปกติของการทำงานของตับหรือไต หรืออยู่ในภาวะการควบคุมโซเดียม (ควบคุมอาหารรสเค็ม)
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่ามีการตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายชนิดสามารถผ่านทางรกหรือน้ำนมและเข้าสู่ทารกจนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อทารกได้

ข้อห้าม/ข้อควรระวังในการใช้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide)
  • ห้ามใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้ป่วยโรคไต (เพราะแมกนีเซียมจะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางไต จึงอาจไปกระตุ้นให้เกิดไตวายได้) และผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ (เพราะตัวยาอาจถูกดูดซึมเข้าร่างกายและเกิดพิษต่อหัวใจได้)
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลถึงความพิการของทารกในครรภ์ได้
  • ห้ามใช้ยาที่หมดอายุ
  • ควรระมัดระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดลำไส้ (โดยเฉพาะการผ่าตัดลำไส้ใหญ่) เพราะผลข้างเคียงจากยาอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียและส่งผลต่อแผลผ่าตัดได้ เพราะฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้เสมอ
  • ยานี้อาจก่อให้เสียสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายจากการท้องเสียได้

วิธีใช้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • สำหรับรักษาอาการอาหารไม่ย่อย
    • ในผู้ใหญ่ สำหรับยาน้ำให้รับประทานครั้งละ 5-15 มิลลิลิตร วันละ 1-4 ครั้ง (หรือรับประทานยาเม็ดครั้งละ 1-3 เม็ด วันละ 1-4 ครั้ง) ส่วนยาเม็ดชนิดเคี้ยว ให้รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด ทุก ๆ 4 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ หรือ 4 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง
    • ในเด็ก เฉพาะอายุ 12-18 ปี ให้ใช้ยาเม็ดชนิดเคี้ยว รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด ทุก ๆ 4 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ หรือ 4 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง
  • สำหรับการใช้เป็นยาระบายแก้อาการท้องผูก
    • ในผู้ใหญ่ ให้รับประทานยาน้ำก่อนเข้านอนในขนาด 30-60 มิลลิตร เพียงครั้งเดียว ส่วนยาเม็ดชนิดเคี้ยว ให้รับประทานครั้งละ 8 เม็ด เพียงครั้งเดียวเช่นกัน (สำหรับยาระบายแมกนีเซีย (Milk of magnesia) ให้รับประทานก่อนเข้านอนในขนาด 1-2 ช้อนโต๊ะ แล้วดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว โดยยาระบายแมกนีเซีย 1 ช้อนโต๊ะ จะมีแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ 1,200 มิลลิกรัม)
    • ในเด็ก สำหรับยาน้ำ ถ้าเด็กอายุไม่ถึง 2 ปี ให้รับประทานในขนาด 0.5 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม, อายุ 2-5 ปี ให้รับประทานในขนาด 5-15 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม, อายุ 6-12 ปี ให้รับประทานในขนาด 15-30 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และอายุ 13-18 ปี ให้รับประทานในขนาด 30-60 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ส่วนยาเม็ดชนิดเคี้ยว ในเด็กอายุ 3-5 ปี ให้รับประทาน 2 เม็ด, อายุ 6-11 ปี ให้รับประทาน 4 เม็ด และอายุ 12-18 ปี ให้รับประทาน 8 เม็ด โดยทั้งหมดนี้ให้รับประทานเพียงครั้งเดียวก่อนเข้านอน

คำแนะนำในการใช้ยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • สำหรับยาเม็ดชนิดเคี้ยว ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน ส่วนยาน้ำแขวนตะกอน ให้เขย่าขวดก่อนรับประทานยาทุกครั้ง
  • ขนาดการใช้ยาดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำสั่งการใช้ยาของแพทย์ได้ ดังนั้น การใช้ยานี้อย่างถูกต้องและปลอดภัยจึงควรให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาสั่งจ่ายขนาดการรับประทานในผู้ป่วยแต่ละคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดที่รับประทานในเด็ก) เพราะขนาดการใช้ยานี้จะแตกต่างกันไปตามอาการ เพศ และอายุของผู้ป่วย
  • ควรรับประทานยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในขนาดที่น้อยกว่าหรือมากกว่าที่ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • ห้ามรับประทานยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ เว้นแต่แพทย์จะสั่งให้รับประทานยานี้ต่อไป
  • การรับประทานยานี้มากเกินไป อาจทำให้ถ่ายท้องรุนแรง และเกิดภาวะขาดน้ำได้

การเก็บรักษายาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • ควรเก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดให้สนิท และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเสมอ
  • ควรเก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้อง เก็บยาให้พ้นแสงแดดและความร้อน ไม่ให้อยู่ในที่มีอุณหภูมิร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น
  • ให้ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ

เมื่อลืมรับประทานยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

หากลืมรับประทานยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ ให้รับประทานยาในทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า

ผลข้างเคียงของยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์

  • อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหาร ทำให้ระบายหรือถ่ายท้อง ท้องเสีย เป็นตะคริวที่ท้อง และอาจเกิดภาวะเป็นพิษจากเกลือแมกนีเซียม (เกิดอาการง่วงซึม ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน)
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1.  “ยาต้านกรด/ยาลดกรด (Antacids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 277-278.
  2. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1.  “กลุ่มเกลือแมกนีเซียม (Magnesium salts)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 283.
  3. ยากับคุณ (Ya & You), มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.).  “MAGNESIUM HYDROXIDE”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.yaandyou.net.  [02 ต.ค. 2016].
  4. หาหมอดอทคอม.  “แมกนิเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide)”.  (ภก.อภัย ราษฎรวิจิตร).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [02 ต.ค. 2016].
  5. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 61 คอลัมน์ : คุยกันเรื่องยา.  “ยาลดกรด”.  (นพ.สมิง เก่าเจริญ, ศิรประภา แสงจันทร์, อริศร์ เทียนประเสริฐ).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [02 ต.ค. 2016].
  6. Drugs.com.  “Magnesium Hydroxide”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.drugs.com.  [02 ต.ค. 2016].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด