5 สรรพคุณและประโยชน์ของต้นเสี้ยวดอกขาว !

เสี้ยวดอกขาว

เสี้ยวดอกขาว ชื่อสามัญ Mountain ebony tree[2], Orchid tree, Purple bauhinia[5]

เสี้ยวดอกขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Bauhinia variegata L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Phanera variegata (L.) Benth.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)

สมุนไพรเสี้ยวดอกขาว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เสี้ยวป่าดองขาว[5], เปียงพะโก, โพะเพ่[1], เสี้ยว(คนเมือง), ลำปาน(ลั้วะ), ไฮ่รูหร่า(ปะหล่อง)[2] เป็นต้น

ลักษณะของเสี้ยวดอกขาว

  • ต้นเสี้ยวดอกขาว จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ มีความสูงของต้นได้ถึง 15 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำดี มีความชื้นสูง และมีแสงแดดจัด มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและมาเลเซีย มักขึ้นตามป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือและทางภาคตะวันออกเฉียงใต้[1],[4],[5]

ต้นเสี้ยวดอกขาว

เปลือกต้นเสี้ยวดอกขาว

  • ใบเสี้ยวดอกขาว มีใบเป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้างถึงค่อนข้างกลม โดยมีลักษณะเป็น 2 พู ปลายใบเว้าลึก ส่วนโคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของใบประมาณ 6-18 เซนติเมตร และมีเส้นใบออกจากโคนของใบ[1]

ใบเสี้ยวดอกขาว

  • ดอกเสี้ยวดอกขาว ดอกมีกลิ่นหอม ออกดอกเป็นช่อสั้นตามกิ่ง จำนวนดอกน้อย ดอกมีสีขาวกลีบตั้ง มีเส้นริ้วด้านในสีเหลืองหรือสีแดงชัดเจน (และสีของดอกอาจแตกต่างไปจากนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) มีกลีบดอก 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-12 เซนติเมตรและยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยจะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์[1]

รูปเสี้ยวดอกขาว

ดอกเสี้ยวดอกขาว

เสี้ยวดอกขาวดอกสีม่วง

เสี้ยวดอกขาวดอกสีชมพู

  • ฝักเสี้ยวดอกขาว ฝักมีลักษณะแบน ฝักอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนฝักแก่เป็นสีน้ำตาล เมื่อแก่จะแตกเป็น 2 ซีก[1],[5]

ฝักเสี้ยวดอกขาว

สรรพคุณของเสี้ยวดอกขาว

  • ดอกใช้เป็นยาดับพิษไข้ (ดอก)[3]
  • ฝักแก่มีรสหวาน ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ (ฝัก)[3],[4]

ประโยชน์ของเสี้ยวดอกขาว

  • ดอกสามารถนำไปต้มแล้วนำมาผัดกินได้ หรือจะทำเป็นเมนู “ยำดอกเสี้ยว” หรือ “ดอกเสี้ยวชุบแป้งทอด” ส่วนยอดอ่อนนำไปใช้ประกอบอาหาร เช่น ทำแกง ใช้ใส่ในแกงหน่อไม้ ส่วนดอกและใบอ่อนก็สามารถนำมาแกงได้เช่นกัน[2],[3],[4] ใบอ่อนและฝักอ่อนใช้รับประทานเป็นอาหาร นำมาต้มกินกับน้ำพริกหรือนำไปแกงก็ได้[1],[3]
  • ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับริมข้างทางได้เป็นอย่างดี[1]
  • เปลือกต้นมีสารแทนนิน สามารถนำมาใช้ย้อมแหและอวนให้คงทนแข็งแรงได้[1]
เอกสารอ้างอิง
  1. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม.  “เสี้ยวดอกขาว“.  อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 1,  หนังสือไม้ต้นในสวน Tree in the Garden.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org.  [18 ธ.ค. 2013].
  2. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน).  “Mountain ebony tree“.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th.  [18 ธ.ค. 2013].
  3. ASTVผู้จัดการออนไลน์.  “ดอกเสี้ยว ขาว สวย…อร่อย“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th.  [18 ธ.ค. 2013].
  4. ข่าวสด.  “เสี้ยวดอกขาว“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.khaosod.co.th.  [18 ธ.ค. 2013].
  5. โรงเรียนบ้านซับมะนาว.  “เสี้ยวดอกขาว“.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.submanao.org.  [18 ธ.ค. 2013].

ภาพประกอบ : www.flickr.com (by incredibleayurveda, Mauricio Mercadante, plj.johnny/潘立傑, Bernard84600, Burnt Umber, yu380301)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด