เบญกานี
เบญกานี ชื่อสามัญ Nutgall[2]
เบญกานี ชื่อวิทยาศาสตร์ Quercus infectoria G.Olivier จัดอยู่ในวงศ์ก่อ (FAGACEAE)[1],[2]
สมุนไพรเบญกานี มีชื่อเรียกอื่นว่า ลูกเบญกานี, ลูกเบญจกานี, หมดเจียะจี้ (จีนแต้จิ๋ว), หม้อสือจื่อ (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2]
หมายเหตุ : ในหนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย ได้ระบุว่าชื่อสมุนไพรชนิดนี้โดยใช้คำว่า “เบญจกานี” ส่วนในหนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติและในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน จะใช้คำว่า “เบญกานี” และจากการสืบค้นข้อมูลในประเทศไทย พบว่าหลาย ๆ ข้อมูลจะใช้คำว่า “เบญกานี” เป็นหลัก ผู้เขียนจึงขอเรียกสมุนไพรชนิดนี้ว่า “เบญกานี” นะครับ[1],[2]
ลักษณะของเบญกานี
- เบญกานีเป็นรังของผึ้งชนิดหนึ่ง (คือผึ้งชนิด Quercus infectoria G.Olivier แต่ข้อมูลจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุว่าเบญกานีเกิดจากการวางไข่ของแมลงชนิด Cynips tinctoria) โดยผึ้งชนิดนี้จะเข้าไปวางไข่บนต้น Quercus infectoria G.Olivier เมื่อผึ้งเจริญเติบโตเต็มที่จนเป็นผึ้งสมบูรณ์แล้วก็จะบินออกจากรังไปและทิ้งรังไว้ ซึ่งรังผึ้งชนิดนี้เองที่ถูกนำมาทำเป็นยา โดยเรียกว่า “เบญกานี” หรือ “เบญจกานี” โดยรังผึ้งดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งค่อนข้างกลมสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลอมเทา ด้านหนึ่งจะมีขั้วลักษณะคล้ายกับจุกขนาดเล็ก ผิวขรุขระมันเงา มีรูพรุนเข้าไปข้างในได้ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร บางครั้งพบซากของตัวอ่อนอยู่ภายใน โดยต้นไม้ชนิดนี้ส่วนมากแล้วจะพบได้ที่ประเทศอิหร่าน ตรุกี และประเทศกรีก[1]
- ส่วนตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของคำว่า “เบญกานี” ไว้ว่า เบญกานีคือชื่อเรียกก้อนแข็ง ๆ ที่เกิดตามใบของไม้ก่อชนิด Quercus infectoria Oliv. ในวงศ์ FAGACEAE เกิดจากการวางไข่ของแมลงชนิด Cynips tinctoria เบญกานีมีรสฝาดจัด ใช้ทำยาได้ เราเรียกว่า “ลูกเบญกานี“
สรรพคุณของลูกเบญกานี
- รังแห้งหรือลูกเบญกานี มีรสขมฝาด เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และไต ใช้เป็นยาแก้ไอเป็นเลือด หลอดลมอักเสบ[1]
- ใช้แก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้เบญกานีนำมาเผาไฟให้เกรียม แล้วบดเป็นผง ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1]
- ช่วยรักษาปากหรือลิ้นเป็นแผล ด้วยการใช้เบญกานีนำมาเผาไฟให้เกรียม แล้วบดเป็นผง ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1] แก้ปากเป็นแผล แก้ละอง ให้ละลายน้ำลูกเบญกานีแล้วนำมาฝนทาปาก[3]
- ใช้เป็นยาแก้ลิ้นเป็นฝ้า[3]
- ช่วยแก้อาเจียน[4]
- ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย[3]
- ใช้เป็นยาแก้อาการท้องร่วง ท้องเสีย[1],[3],[4]
- ช่วยแก้บิดปวดเบ่ง[1],[4]
- ใช้เป็นยาแก้บิดมูกเลือด ถ่ายเป็นเลือด ด้วยการใช้เบญกานี 35 กรัม นำมาบดให้เป็นผง แล้วทำเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลือง ใช้รับประทานครั้งละ 10 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง[1]
- ช่วยรักษาริดสีดวงภายใน ด้วยการนำเบญกานีมาเผาไฟให้เกรียม แล้วนำมาบดเป็นผงทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน หรือบดให้เป็นผงชงกับน้ำรับประทาน[1]
- ใช้เป็นยาห้ามเลือดภายใน แก้อาการตกเลือด[1],[2]
- ใช้เป็นยาแก้น้ำอสุจิเคลื่อนโดยไม่รู้ตัว[1]
- ช่วยแก้อาการปวดมดลูก[4]
- ใช้เป็นยาสมานแผลสด ห้ามเลือด ด้วยการนำเบญกานีมาบดเป็นผงทา แล้วใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1],[2]
- เบญกานีเป็นสมุนไพรที่จัดอยู่ในตำรับ “ยามันทธาตุ” โดยในตำรับยาจะประกอบด้วยลูกเบญกานีและสมุนไพรอื่น ๆ อีกหลายชนิด ซึ่งตำรับยานี้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ แก้ธาตุไม่ปกติ[3]
หมายเหตุ : การใช้สมุนไพรเบญกานีตาม [1] ให้ใช้ครั้งละ 6-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้ร่วมกับตัวยาชนิดอื่น ๆ ในตำรับยาตามที่ต้องการ ส่วนการใช้เป็นยาภายนอก ให้นำเบญกานีมาบดเป็นผงทา ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผล[1]
ข้อควรระวังในการใช้เบญกานี
- สำหรับผู้ที่เป็นบิดถ่ายแล้วมีอาการแสบร้อน และผู้ที่มีอาการท้องผูก ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเบญกานี
- พบสาร Turkish gallotannin ประมาณ 50-70%, สาร Gallic acid, Tannic acid และพบยางอีกเล็กน้อย เป็นต้น[1]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เบญจกานี”. หน้า 312.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เบญกานี Nutgall”. หน้า 213.
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ.
- ตำรับยา ตำราไทย. “สรรพคุณยาเภสัช”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thrai.sci.ku.ac.th. [31 ก.ค. 2014].
ภาพประกอบ : byherbal.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)