เตยทะเล
เตยทะเล ชื่อสามัญ Seashore screwpine
เตยทะเล ชื่อวิทยาศาสตร์ Pandanus odorifer (Forssk.) Kuntze (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pandanus odoratissimus L.f.)[1],[5],[6] จัดอยู่ในวงศ์เตยทะเล (PANDANACEAE)
สมุนไพรเตยทะเล มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า การะเกด ลำเจียก (ภาคกลาง), ปะหนัน ปาแนะ (มลายู-นราธิวาส), เกตก์, การเกด, ลำจวน, รัญจวน เป็นต้น[1],[2],[4]
ลักษณะของเตยทะเล
- ต้นเตยทะเล หรือ ต้นลำเจียก มีถิ่นกำเนิดตามชายหาดทั่วคาบสมุทรในแถบเส้นศูนย์สูตรรอบโลก โดยพบขึ้นเป็นดงอยู่ตามชายหาด ตั้งแต่หมู่เกาะของฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม คาบสมุทรมลายู หมู่เกาะฮาวาย อินเดีย ออสเตรเลีย พอลินีเชีย และวานูอาตู ส่วนในประเทศไทยพบได้มากที่จังหวัดตรังและสตูล[6] ต้นเตยทะเลและต้นลำเจียกจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลักษณะเป็นทรงพุ่ม มีความสูงของต้นประมาณ 5-6 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8-20 เซนติเมตร โคนต้นมีรากอากาศช่วยค้ำจุนลำต้น ลำต้นมีลักษณะกลมเป็นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน ๆ มีหนามแหลมสั้นกระจายอยู่ทั่วไป[1],[2],[3],[4] พรรณไม้ชนิดนี้ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกกอหรือหน่อ (ทำได้ในปีที่ 2) และวิธีการเพาะเมล็ด (ทำได้ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีเมล็ดให้เพาะ) ปลูกขึ้นได้ดีในดินอุดมร่วนซุยหรือดินเหนียวปนทรายที่อุ้มน้ำได้ดี ต้องการความชื้นและน้ำปริมาณมาก และชอบแสงแดด มักขึ้นตามชายน้ำ ชายทะเล[4],[5],[6]
- ใบเตยทะเล ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว ออกเรียงสลับเวียนรอบกิ่งที่ปลายกิ่ง ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม ส่วนขอบทั้งสองข้างจะหยักและมีหนามแหลมคม ปลายหนามมีลักษณะโค้งไปทางปลายใบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 10 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1 เมตร เนื้อใบเหนียว ใต้ท้องใบมีแกนกลาง[1],[2],[4],[5]
- ดอกเตยทะเล ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ที่ปลายยอด ปลายกิ่ง หรือออกตามซอกใบ ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะแยกกันอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้มีขนาดเล็กและมีจำนวนมาก ไม่มีกลีบดอก มีกาบรองดอกสีขาวนวล 2-3 กาบ ส่วนดอกเพศเมียเป็นสีเขียว อยู่ติดกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ และมีกาบรองดอกสีเขียว 2-3 กาบ โดยดอกจะเริ่มบานในช่วงเย็นและจะมีกลิ่นหอมฉุน สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี[1],[4],[5] ตามตำราระบุว่าต้นที่มีดอกเพศผู้จะเรียกว่า “ลําเจียก” ส่วนต้นที่มีดอกเพศเมียจะเรียกว่า “เตยทะเล“[3]
- ผลเตยทะเล ผลเป็นผลรวมคล้ายผลสับปะรด ลักษณะเป็นรูปกลมหรือขอบขนาน ผลมีลักษณะแข็ง ปลายมีหนามสั้น ๆ ติดกันเป็นกลุ่มแน่น ผลอ่อนเป็นสีเขียวอมขาวแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มหรือสีส้มอมแดง และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ภายในผลมีเมล็ดลักษณะเป็นรูปกระสวย สามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี[1],[2],[5]
สรรพคุณของเตยทะเล
- ช่อดอกเพศผู้ของต้นเตยทะเลจัดอยู่ในตำรับยาเกสรทั้งเก้า ใช้ปรุงเป็นยาหอม และยาบำรุงหัวใจ (ช่อดอกเพศผู้)[1],[2],[3]
- รากมีรสเย็นและหวานเล็กน้อย มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษโลหิต (ราก)[1],[2],[4]
- ช่วยแก้พิษไข้ (ราก)[1],[2],[3],[4]
- ช่วยแก้พิษเสมหะ ขับเสมหะ (ราก)[1],[2],[3],[4]
- รากเป็นยาขับปัสสาวะ ขับนิ่ว (ราก)[1],[2],[3],[4]
- รากอากาศใช้ปรุงเป็นยาแก้ปัสสาวะพิการและแก้นิ่ว (รากอากาศ)[1],[2],[4]
- ช่วยรักษาหนองใน (รากอากาศ)[1],[2],[4]
- ช่วยแก้มุตกิด ระดูขาวมีกลิ่นเหม็น (รากอากาศ)[1],[2],[4]
- นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เพียงแต่ว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่มีแหล่งอ้างอิง ผู้เขียนจึงไม่ยืนยันว่าพรรณไม้ชนิดนี้จะมีสรรพคุณตามที่เขียนไว้หรือไม่ ซึ่งตามข้อมูลได้ระบุสรรพคุณนอกเหนือจากที่ผู้เขียนกล่าวมาแล้วว่า รากอากาศนั้นมีสรรพคุณแก้กษัยไตพิการ ช่อดอกเพศผู้เป็นยาแก้ลม ส่วนต้นใช้เป็นยาแก้กษัยน้ำเบาพิการ ยาขับปัสสาวะ และยาแก้โรคเบาหวาน และใช้ใบเป็นยาเย็นบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น รักษาโรคผิวหนัง และแก้หัด
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเตยทะเล
- สารสกัดหยาบจากลำต้นใต้ดินของต้นลำเจียกสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของถั่วผี ถั่วเขียวผิวดำ ผักกาดหอม และไมยราบยักษ์ได้[7]
ประโยชน์ของต้นเตยทะเล
- ผลใช้รับประทานได้[6]
- ใบนำมาใช้สานเป็นเสื่อและเครื่องใช้ประเภทจักสานได้[5]
- เปลือกสามารถนำมาใช้ทำเป็นเชือกได้[6]
- นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ขึ้นได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ดินเค็ม ชายน้ำ ชายหาด ลำคลอง หนอง บึง สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อม น้ำขังแฉะ น้ำเค็ม โรคและเมลงศัตรูพืชได้ดี และชาวบ้านนิยมชอบปลูกไว้เพื่อบังลม ต้นเตยทะเลสามารถทนต่อลมแรงและอากาศแล้งได้ดี อีกทั้งต้นเป็นพุ่มใหญ่ ใบและต้นมีหนาม จึงใช้ปลูกเป็นรั้วบ้านได้[5],[6]
- นอกจากจะปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว ยังสามารถใช้ปลูกคลุมวัชพืชได้ดี เพราะมีใบหนาแน่น[6]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “เตยทะเล (Toei Thale)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 131.
- หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. “เตยทะเล”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). หน้า 101.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ลำเจียก”. หน้า 159.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ลําเจียก”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 691-692.
- พืชจักสาน, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เตยทะเล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/use/weaving.htm. [17 เม.ย. 2014].
- ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “เตยทะเล”. (นพพล เกตุประสาท). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th. [17 เม.ย. 2014].
- การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 50 วันที่ 31 ม.ค. 2555 – 2 ก.พ. 2555 สาขาส่งเสริมการเกษตรและคหกรรมศาสตร์, สาขาพืช. “การสกัดสารจากลำต้นใต้ดินของลำเจียกและผลของสารสกัดต่อการเจริญของต้นกล้าของพืชทดสอบ 4 ชนิด”. (ศานิต สวัสดิกาญจน์). หน้า 356-366.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by 翁明毅, colleeninhawaii, sclereid0309, Stan Dalone & Miran Rijavec, Jin Yao Ong, mutolisp, joegoauk25)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)