ฝุ่นละออง PM 2.5 คืออะไร
ฝุ่นละออง PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นมลพิษฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนเราที่มีขนาด 50-100 ไมครอน และเม็ดเลือดที่มีขนาด 5 ไมครอน กล่าวคือ เล็กมากจนสามารถเล็ดลอดผ่านขนขมูกเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย ยิ่งฝุ่นมีขนาดเล็กเท่าใดก็จะยิ่งเข้าสู่ปอด เข้าสู่เส้นเลือดฝอย และกระจายไปตามอวัยวะได้มากเท่านั้น (ฝุ่นนี้จะมีลักษณะที่ขรุขระคล้ายสำลี ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นพาหะที่นำสารอื่น ๆ เข้ามาในร่างกายด้วย เช่น ปรอท แคดเมียม โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก)
เมื่อฝุ่นนี้เข้าไปในปอด ปอดก็จะป้องกันตัวเองด้วยการห่อหุ้มฝุ่นเพื่อกำจัดฝุ่นและทำให้เกิดผังพืดในปอด ถ้าสะสมเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ เช่น โรคปอดอักเสบ และอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งคนที่ไวต่อโรคแบบนี้มากที่สุดก็คือคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว (เช่น หอบหืด) หากได้รับฝุ่นละอองเข้าไปอีก อาการก็จะรุนแรงมากกว่าคนปกติ
ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้ หลัก ๆ แล้วจะเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การเผาในที่โล่ง และจากการก่อสร้าง นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากการรวมตัวของสารเคมีอย่างเช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) กับ ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX) ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้ก็เป็นผลผลิตจากการเผาไหม้น้ำมันดีเซล การผลิตไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้วถูกลมพัดพาออกไปตามธรรมชาติ แต่ด้วยปริมาณฝุ่นที่มีจำนวนมาก ประกอบด้วยสภาพอากาศที่มีลมนิ่ง และมีความกดอากาศสูง จึงทำให้ฝุ่นเหล่านี้ลอยตัวอยู่เหนือแหล่งกำเนิดของมันและไม่ถูกลมพัดพาไป (นั่นก็คือตัวเมืองกรุงเทพนั่นเอง)
หน้ากาก N95
หน้ากากกรองอนุภาค, หน้ากากกรองอากาศชนิดกรองอนุภาค (Particulate respirators) หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า “หน้ากาก N95” คือ หน้ากากที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 95% จึงช่วยลดการรับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในอากาศที่มีขนาดใหญ่กว่าได้
- หน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ประมาณ 99.59%
- ปกติหน้ากากชนิดนี้จะถูกออกแบบให้สวมใส่ได้แนบกระชับกับใบหน้าด้วยแถบอลูมิเนียมสำหรับปรับให้เข้ากับรูปจมูกและสายคล้องหูหรือสายรัดศีรษะ เพื่อความแนบกระชับยิ่งกว่า
- ได้รับการรับรองประสิทธิภาพการกรองตามมาตรฐานสากล อาทิ NIOSH (อเมริกา), GB (จีน), EN (ยุโรป), AN/NZS (ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์)
หน้ากากอนามัยทั่วไปกันฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้
หน้ากากอนามัยธรรมดา (Surgical masks) หรือหน้ากากที่เรามักใช้สวมใส่เวลาเป็นหวัดหรือในวันที่ไม่ได้แต่งหน้านั่นแหละครับ คือ หน้ากากที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเป็นหน้ากากอนามัยทั่วไป กล่าวคือ ใช้ดักอนุภาคขนาดใหญ่จากตัวผู้สวมใส่ เช่น น้ำลาย หรือน้ำมูก จากการไอจามไปสู่บรรยากาศโดยรอบ และช่วยลดความเสี่ยงในการรับสัมผัสละอองหรือของเหลวที่กระเด็นจากบุคคลอื่นมายังผู้สวมใส่ และไม่สามารถใช้ป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้ เนื่องจาก
- หน้ากากชนิดนี้ไม่แนบกระชับกับใบหน้า (มีช่องว่างระหว่างใบหน้ากับหน้ากาก จึงทำให้อากาศที่ไม่ถูกกรองไหลผ่านเข้าสู่ระบบหายใจได้โดยตรง) เพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการสูดหายใจเข้าหรือป้องกันระบบหายใจจากอนุภาคฝุ่นในอากาศ สังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเวลาเราใส่หน้ากากอนามัยธรรมดา เรายังรู้สึกว่ามีลมผ่านรอบ ๆ บริเวณหน้ากากได้อยู่
- ไม่ได้รับการรับรองประสิทธิภาพการกรองตามมาตรฐานสากล อาทิ NIOSH (อเมริกา), GB (จีน), EN (ยุโรป), AN/NZS (ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์) เช่นเดียวกับหน้ากากกรองอากาศชนิดกรองอนุภาค
- หน้ากากอนามัยธรรมดานี้สามารถใช้กรองฝุ่นขนาด 3 ไมครอนได้ 99% แต่กรองฝุ่นขนาดน้อยกว่า 2.5 ไมครอนไม่ได้ เพราะฝุ่นมีขนาดเล็กกว่าและตัวกรองมีความละเอียดไม่เพียงพอ (จากการทดสอบ หน้ากากอนามัยธรรมดาสามารถป้องกันฝุ่นขนาดน้อยกว่า 2.5 ไมครอนได้เพียง 60-70% เท่านั้น
- สำหรับหน้ากากอนามัยพร้อมชั้นกรองคาร์บอน (ที่นิยมใช้ในบริเวณที่มีควันรถยนต์) รวมไปถึงหน้ากากแบบผ้าทั่วไปนั้น ต่างก็ไม่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นเดียวกับหน้ากากธรรมดา
อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ใช้เครื่อง Keken MT-03 เป็นตัวทดสอบประสิทธิภาพการกรองฝุ่นของหน้ากากอนามัย* พบว่าการใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา 1 ชิ้นร่วมกับกระดาษทิชชู่ 1 แผ่นที่พับครึ่งจะมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มากที่สุดคือประมาณ 98.05% (แต่ถ้าเพิ่มกระดาษทิชชู่พับครึ่งเป็น 2 แผ่นประสิทธิภาพจะลดลงเหลือ 67.04%) ส่วนการใช้หน้ากากอนามัยธรรมดา 2 ชิ้นเพียงอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นอยู่ที่ 89.75% ในขณะที่การสวมหน้ากาก N95 จะสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ประมาณ 99.59%
หมายเหตุ : การทดสอบนี้เป็นเพียงการทดสอบหาประสิทธิภาพของชั้นกรองฝุ่นรูปแบบต่าง ๆ แต่ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นเมื่อนำไปใช้จริงจะไม่ได้ผลเช่นนี้ เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดาไม่สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่ลอดเข้าจากทางด้านข้างโดยตรงได้เลย เพราะตัวหน้ากากอนามัยไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันฝุ่น (แนะนำให้ใช้แก้ขัดยามฉุกเฉินหรือในกรณีที่หน้ากาก N95 ขาดตลาดก็พอครับ ดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย)
มาตรฐานของหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5
หากหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 มีสัญลักษณ์เหล่านี้ คุณก็สามารถซื้อมาใช้ได้ เพราะมีประสิทธิภาพไม่ต่างกัน
- N95 : เป็นการรับรองมาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา (NIOSH) โดยผ่านการรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 95%
- หากเป็น N99 จะมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาค 99% ส่วน N100 จะหมายถึงมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่ 99.70%
- KN95 : เป็นมาตรฐานของจีน (GB) โดยผ่านการรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 95%
- หากเป็น KN90 จะมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาค 90% ส่วน KN100 จะหมายถึงมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่ 99.97%
- FFP2 : เป็นมาตรฐานของยุโรป (EN) โดยผ่านการรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 94%
- หากเป็น FFP1 จะมีประสิทธิภาพในการกรอง 80% ส่วน FFP3 จะหมายถึงมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่ 99%
- P2 : เป็นมาตรฐานของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (AN/NZS) โดยผ่านการรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้อย่างน้อย 94%
- หากเป็น P1 จะมีประสิทธิภาพในการกรอง 80% ส่วน P3 จะหมายถึงมีประสิทธิภาพในการกรองอนุภาคที่ 99%
คำแนะนำในการเลือกซื้อและใช้หน้ากากกันฝุ่น PM 2.5
- ผ่านการรับรองหรือได้รับมาตรฐาน ก่อนซื้อหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้ง คุณควรเช็คให้ชัวร์เสียก่อนว่าหน้ากากที่จะซื้อนั้นผ่านการรับรองมาตรฐานหรือไม่ (ตามที่ระบุไว้ในหัวข้อ มาตรฐานของหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้านบน)
- เลือกมาตรฐาน N95, KN95, P2 หรือ FFP2 เป็นอย่างน้อย และดีสุดคือมาตรฐาน N100, KN100, P3 หรือ FFP3
- ระวังหน้ากาก N95 ปลอม ! โดยเฉพาะยี่ห้อยอดนิยมอย่าง 3M ซึ่งคุณควรเลือกซื้อหน้ากากจากร้านที่เชื่อถือได้เท่านั้น มีราคาเหมาะสมไม่ถูกจนเกินไป
- พิจารณาให้ดีก่อนซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่ข้อดี-ข้อเสียของหน้ากากแต่ละรุ่น รูปร่างและ Option ต่าง ๆ ของหน้ากาก ความสบายในการสวมใส่ มีอากาศรั่วเข้าจากขอบหรือรั่วน้อยที่สุด ขนาดของหน้ากาก ฯลฯ แล้วเลือกใช้ตามความเหมาะสม (คุณสามารถอ่าน รีวิวหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ในหัวข้อด้านล่างเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อได้)
- รูปร่างของหน้ากาก มีผลต่อความสบายและการรั่วไหลของอากาศจากข้างนอก คือแทนที่ฝุ่น PM 2.5 จะผ่านแผ่นกรองเข้ามา ก็รั่วเข้ามาตามขอบ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นอากาศที่ไม่ได้ผ่านการกรอง ในการเลือกซื้อจึงต้องเลือกจากรูปร่างของหน้ากากที่เหมาะสมกับใบหน้า มีขนาดพอดีกับใบหน้า (เนื่องจากบางรุ่นจะแบ่งเป็นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ หรือแบ่งเป็นรุ่นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ซื้อจึงควรดูให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อด้วย) ซีลโดยรอบได้ดีไม่มีอากาศรั่วจากขอบ แต่ก็ต้องใส่แล้วรู้สึกสบาย และดูไม่ขัดเขินหรือแปลกตาจนเกินไป (สำหรับบางคน)
- อลูมิเนียมบริเวณดั้งจมูกและฟองน้ำรองด้านใน ซึ่งเวลาใส่เราต้องกดอลูมิเนียมให้แนบไปกับจมูกเพื่อให้อากาศรั่วไหลน้อยที่สุดและทำให้ไอร้อนจากการหายใจไม่ลอยขึ้นบนจนร้อนหน้าแสบตาหรือทำให้แว่นเป็นฝ้า (สำหรับหน้ากากบางรุ่นที่ไม่ใช่หน้ากากแบบถอดซักก็จะมีฟองน้ำนุ่ม ๆ รองรับตัวหน้ากากอยู่ด้านล่างด้วยเพื่อป้องกันการระคายเคืองตอนกดอลูมิเนียมและช่วยลดการเสียดสีไปมาระหว่างขอบหน้ากากกับใบหน้า)
- รูปแบบของสายรัด จะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ คือ แบบสายรัดศีรษะด้านหลัง (สวมใส่ยาก แต่กระชับ) กับแบบคล้องหู (สวมใส่ง่าย แต่ไม่กระชับเท่าแบบสายรัดศีรษะด้านหลัง แต่บางยี่ห้อจะมีตัวปรับสายคล้องหูมาให้ด้วย)
- วาล์วระบายอากาศ อีกหนึ่ง Option สำคัญของหน้ากากกันฝุ่นรุ่นท็อป ซึ่งจะมีวาล์วระบายอากาศติดอยู่ตรงด้านข้างหรือตรงกลางของหน้ากาก ทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อนบริเวณใบหน้าไม่ให้เกิดความอับชื้นหรืออบหน้าจนเกินไป โดยวาล์วนี้จะเปิดเฉพาะตอนหายใจออกและปิดตอนที่เราหายใจเข้า ทำให้มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 อยู่เช่นเดิม แต่ระบายอากาศได้ดีกว่า Option จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความอับชื้น ผู้ที่ใส่แว่นที่ไม่อยากเจอปัญหาแว่นเป็นฝ้าตอนหายใจออก รวมไปถึงสาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าที่กังวลว่าเครื่องสำอางจะละลายหรือทำให้เปื้อน เกิดความเหนอะหนะ
- หน้ากากอนามัยแบบใช้ซ้ำได้พร้อมกับแผ่นกรอง หน้ากากที่กำลังได้รับความนิยม เพราะหน้ากากประเภทนี้มักจะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ดูทันสมัย ใส่ได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะวัยรุ่น โดยไม่ทำให้รู้สึกขัดเขินหรือดูแปลกตาจนเกินไป อีกทั้งราคาของแผ่นกรองก็ไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับหน้ากากแบบใช้แล้วทิ้ง ส่วนข้อดีอีกอย่างที่ผมชอบมากก็คือ ไม่มีกลิ่นสารเคมีเหมือนหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 หรือหน้ากาก N95 ทั่วไป เนื่องจากตัวหน้ากากที่เป็นผ้าสามารถนำซักให้หอมก่อนแล้วค่อยใส่หรือเปลี่ยนแผ่นกรองได้
- วิธีใช้หน้ากาก คุณควรล้างมือก่อนสวมหน้ากากทุกครั้ง และสวม-ถอดหน้ากากอย่างถูกวิธี โดยการสอดมือเข้าไปในสายรัด แล้วสวมหน้ากากครอบเข้ากับใบหน้า เสร็จแล้วกดที่ปรับจมูก (ปกติจิเป็นลวกอลูมิเนียม) ให้พอดีกับใบหน้าเพื่อให้อากาศรั่วเข้าจากขอบน้อยที่สุด ส่วนตอนทิ้งถ้าเป็นไปได้ให้ทิ้งลงในถึงขยะติดเชื้อ และล้างมือให้สะอาดหลังทิ้งด้วย
- เปลี่ยนหน้ากากเมื่อไหร่ ? ข้อแนะนำที่ดีที่สุด คือ ควรเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน เนื่องจากประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นของหน้ากากจะลดลงตามอายุการใช้งาน รวมทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียอีกด้วย แต่ด้วยราคาของหน้ากากที่ค่อนข้างสูง เราอาจใช้ซ้ำโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้ากากทุกวันก็ได้ (รวมถึงหน้ากากชนิดถอดซักเปลี่ยนแผ่นกรองด้วย) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานว่าเป็นอย่างไร (แต่ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำเกิน 3 ครั้ง และห้ามใช้ซ้ำเกิน 3 วัน โดยหน้ากากที่จะนำมาใช้ซ้ำด้วยจะต้องเก็บในที่ระบายความชื้น เพื่อป้องกันการอับชื้น) เช่น ใส่หน้ากากในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองมากตลอดทั้งวัน (หน้ากากก็เสื่อมเร็วหรือมีประสิทธิภาพในการกรองน้อยลงมาก), ใส่แล้วเหงื่อออกมากหรือมีอาการไอจามบ่อย ๆ ในขณะที่สวมใส่หน้ากาก (หน้ากากก็ย่อมอับชื้นและเกิดการสะสมแบคทีเรีย), ใส่แล้วหน้ากากเริ่มเปลี่ยนสีมีสภาพสกปรก (เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทา) หรือใส่แล้วเริ่มได้กลิ่นจากภายนอกหรือหายใจสะดวกมากขึ้นกว่าปกติ (แสดงว่าหน้ากากเสื่อมแล้ว เพราะฝุ่นที่วิ่งชนบ่อย ๆ จะทำให้ขอบตาข่ายเสียหายขยายช่องใหญ่ขึ้นจนทำให้ฝุ่นหรือกลิ่นเข้ามาได้ ใส่ไปก็ป้องกันฝุ่นไม่ได้) แบบนี้คุณก็สมควรเปลี่ยนไปใช้หน้ากากใหม่ได้แล้ว
- สำหรับสายวิ่ง ถ้าคุณไม่ใช่ขาแรงที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากาก N95 ตอนวิ่ง ไม่ว่าหน้ากากนั้นจะมีวาล์วหรือไม่มีวาล์ว จะเป็นหน้ากากอนามัยทั่วไปบวกทิชชู่ธรรมดา หรือเป็นผ้าขาวม้าชุบน้ำมาพันปากจมูกก็ตาม เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายจากการแลกเปลี่ยนก๊าซไม่พอเมื่อต้องออกแรงหนัก ๆ และทำให้เหนื่อยง่ายขึ้นมาก (ถ้าอากาศไม่ดีแนะนำให้วิ่งบนลู่ไฟฟ้าในบ้านหรือที่ยิมไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพปอดและร่างกายครับ)
- สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น โรคหอบหืด โรคปอด ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากชนิดนี้ เพราะจะทำให้หายใจลำบากมากขึ้น
รีวิวหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5
สำหรับหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 ในท้องตลาดก็มีอยู่หลายยี่ห้อ (บางยี่ห้อก็แยกออกเป็นหลายรุ่น) มีตั้งแต่ยี่ห้อผ่านการรับรองมาตรฐานและไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน โดยผู้เขียนจะเลือกจากยี่ห้อน่าเชื่อถือที่ได้มาตรฐานเป็นหลัก โดยเฉพาะยี่ห้อที่เป็นที่นิยมและพบขายทั่วไปบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชอย่าง Shopee หรือ Lazada รวมถึงตามห้างร้านทั่วไป เช่น 7-11, P&F, Boots, watsons ฯลฯ
ส่วนเกณฑ์การคะแนนและจัดอันดับนั้น ผู้เขียนและทีมงานจะพิจารณาจากหลากหลายองค์ประกอบ ดังนี้
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น (เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจาก
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นตามมาตรฐานสากล, ประสิทธิภาพในการป้องกันอื่น ๆ เพิ่มเติม
- การรั่วไหลของอากาศจากขอบหน้ากาก ใส่แล้วกระชับหรือแนบสนิทของใบหน้า ไม่หลวมหรือหลุดง่าย
- การระบายอากาศ (เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจาก
- ความร้อนและความรู้สึกอับชื้นเมื่อสวมหน้ากาก
- หายใจเข้า-ออกได้สะดวกเมื่อสวมหน้ากาก
- ความสบายในการสวมใส่ (เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจาก
- สวมใส่แล้วรู้สึกสบายไม่อึดอัด ตัวหน้ากากไม่แนบชิดริมฝีปากจนเกินไป
- ความยืดหยุ่นของสายคล้องของหน้ากาก ใส่แล้วรัดพอดีหู ยืดหยุ่นกำลังดี และไม่ทำให้เจ็บหู
- กลิ่นของตัวหน้ากาก เช่น กลิ่นสารเคมี ว่ามีมากน้อยเพียงใด
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม (เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจาก
- ความสวยงามเมื่อสวมใส่หน้ากาก รูปลักษณ์ที่ดูทันสมัย
- เมื่อสวมใส่แล้วไม่ดูขัดเขินหรือดูแปลกตาจนเกินไป
- ราคาของหน้ากาก (เต็ม 10 คะแนน) โดยพิจารณาจาก
- ราคาขายปลีกต่อหน้ากาก 1 ชิ้น รวมถึงแผ่นกรอง
- ประเภทของหน้ากากที่เป็นแบบใส่ครั้งเดียวแล้วทิ้งหรือสามารถนำมากลับมาใช้ซ้ำได้
- ความคุ้มค่าในระยะยาวของหน้ากากแต่ละรุ่น
YUMA หน้ากากอนามัยถอดซักได้
อันดับ 1 หน้ากากอนามัยยูมะ (Yuma) หน้ากากอนามัยที่ได้มาจากร้าน Konvy เป็นหน้ากากอนามัยรูปลักษณ์ทันสมัยที่สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้เพียงเปลี่ยนแผ่นกรองคาร์บอนที่แถมมาให้ ตัวหน้ากากทำจากผ้าคอตตอน 100% ทำให้ใส่แล้วรู้สึกเย็นสบายซึ่งแตกต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ พร้อมทั้งยังมีวาล์วที่ช่วยระบายอากาศโดยรวมได้เป็นอย่างดี ตัวหน้ากากเมื่อใส่แล้วรู้สึกกระชับกับดีพอประมาณ ไม่รู้สึกอึดอัดตอนสวมใส่ ส่วนสายรัดจะเป็นแบบคล้องหูที่สามารถปรับความยืดหยุ่นได้ ทำใส่แล้วไม่รู้สึกตึงเจ็บหรือรำคาญ
สำหรับแผ่นกรองนั้นทำจากวัสดุที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย โดยจะเป็นแผ่นคาร์บอนจำนวน 5 ชั้นที่มีความหนาแน่นในการกรองสูงมากและผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรปที่ FFP3 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิสูงสุดในการกรองฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99% (ต่างจากมาตรฐาน N95, KN95, P2 หรือ FFP2 ที่กรองได้ 94-95%) สามารถหาซื้อได้ที่ Konvy, Beaticool, Watsons Online และ FB Page : Yuma
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ถอดซักเปลี่ยนแผ่นกรอง)
- มาตรฐาน : FFP3 (มาตรฐานยุโรป)
- รองจมูก : อลูมิเนียม
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู (สามารถปรับให้กระชับใบหน้าได้)
- ราคา : หน้ากากแถมแผ่นกรอง 2 ชิ้นราคา 149 บาท (จากราคาปกติ 199 บาท) ส่วนแผ่นกรอง 1 ห่อ 4 ชิ้น ราคา 69 บาท (จากราคาปกติ 99 บาท)
- คะแนน : 43.2/50 หรือ 48.2/50 (ในกรณีถอดซักและซื้อแผ่นกรองมาใช้ซ้ำ)
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 10/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 8/10
- การระบายอากาศ : 9.5/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 9.7/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 10/10
- สายคล้องหู : 10/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 9/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 10/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 5/10 หรือ 10/10 (ใช้ซ้ำ)
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9/10
Honeywell H950V
อันดับ 2 หน้ากากอนามัยฮันนี่เวลล์ รุ่น H950V เป็นหน้ากากแบบพับเก็บได้ชนิดมีวาล์วและพกพาสะดวก สายรัดมีความตึงปานกลาง มีกลิ่นคล้ายกลิ่นยาเล็กน้อย หน้ากากเมื่อสวมใส่แล้วรู้สึกแน่นกระชับใบหน้า การระบายอากาศก็ทำได้ดีมาก แต่รู้สึกอบอ้าวและอึดอัดเล็กน้อย
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : KN95 (มาตรฐานจีน)
- รองจมูก : อลูมิเนียม/ฟองน้ำ
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : ประมาณ 38 บาท/ชิ้น
- คะแนน : 42.5/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.75/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 10/10
- การระบายอากาศ : 9/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 7/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 8.5/10
- สายคล้องหู : 5/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 7.5/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 8/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 8.5/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.75/10
- เปรียบเทียบกับ Honeywell รุ่นยอดนิยมอื่น ๆ :
- Honeywell H901 : เป็นหน้ากากกรองอนุภาคมาตรฐาน KN95 สายรัดเป็นแบบรัดศีรษะที่ไม่ตึงจนเกินไป รูปทรงหน้ากากใส่แล้วดูแปลกตามาก แต่รู้สึกแน่นกระชับใบหน้าดี ข้อเสียคือตัวหน้ากากจะมีกลิ่น (คล้าย ๆ กลิ่นฝุ่น) ใส่ไปสักพักแล้วรู้สึกอบอ้าว ราคาประมาณ 35 บาท/ชิ้น (ถ้าให้แนะนำเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยใช้รุ่น H950V จะดีกว่าครับ)
- Honeywell H801 : หน้ากากกรองอนุภาคมาตรฐาน KN95 สายรัดเป็นแบบรัดศีรษะให้ความรู้สึกแน่นปานกลาง ตัวหน้ากากมีกลิ่นคล้ายกลิ่นยางแต่ก็ไม่มาก หน้ากากใส่แล้วรู้สึกดึงรั้งตาเล็กน้อย การระบายอากาศทำได้ไม่ค่อยดี รู้สึกอบอ้าวมาก โดยรวมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ ราคาประมาณ 35 บาท/ชิ้น
- Honeywell H801V : ตัวนี้จะเหมือนรุ่น H801 ทุกอย่าง แต่เป็นมาตรฐาน N95 (อเมริกา) แต่เป็นรุ่นที่มีวาล์วจึงช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นในระดับนึง แต่ก็ไม่มากนัก ราคาประมาณ 60 บาท/ชิ้น (แพงกว่าเกือบเท่าตัว ทำให้รุ่น H801 ตัวธรรมดาดูจะคุ้มกว่ามากครับ แต่ยังไงตัว H950V ก็ดูน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับยี่ห้อ Honeywell ครับ)
watsons PM2.5 Face Mask
อันดับ 3 หน้ากากอนามัยวัตสัน ของดี ใส่ง่าย ราคาคุ้มค่า ต้องยี่ห้อนี้ครับ ใส่แล้วรู้สึกกระชับใบหน้าและระบายอากาศได้ดีมาก สายรัดตึงกำลังดี กลิ่นปกติ (ไม่มีกลิ่น) แต่สันขอบด้านบนคมเล็กน้อย สามารถหาซื้อได้ที่ร้านวัตสัน
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : KN95 (มาตรฐานจีน)
- รองจมูก : อลูมิเนียม
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : 29 บาท/ชิ้น
- คะแนน : 41.8/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 8.5/10
- การระบายอากาศ : 9/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 8.3/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 8.5/10
- สายคล้องหู : 7.5/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 9/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 6.5/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 9/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9/10
WELLS N95 3D Masks
อันดับ 4 หน้ากากอนามัยเวลล์ส หน้ากากจากเกาหลีที่สั่งได้ที่ Shopee ใส่แล้วได้กลิ่นเล็กน้อย สายรัดไม่ตึงเกินไป โดยรวมใส่สบาย กระชับดี การระบายอากาศดีปานกลาง แต่รู้สึกอับไปเล็กน้อย
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : N95 (มาตรฐานอเมริกา)
- รองจมูก : อลูมิเนียม
- วาล์ว : ไม่มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : ประมาณ 38 บาท/ชิ้น (หน้ากากมี 2 สี คือ สีดำ และสีขาว)
- คะแนน : 40.05/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 8.25/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 7/10
- การระบายอากาศ : 7/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 7.3/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 8.5/10
- สายคล้องหู : 7/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 6.5/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 9/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 8.5/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 8.25/10
JINJIANG Folding respirator
อันดับ 5 หน้ากากอนามัยจินเจียง เป็นหน้ากากที่ผมซื้อมาจากร้านขายยา P&F สายรัดตึงกำลังดี สวมใส่แล้วรู้สึกกระชับใบหน้า หน้ากากกลิ่นมีกลิ่นเล็กน้อย การระบายอากาศทำได้ดีปานกลาง แต่ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแม้จะมีวาล์วระบายอากาศ
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : KN95 (มาตรฐานจีน)
- รองจมูก : อลูมิเนียม/ฟองน้ำ
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : 55 บาท/ชิ้น
- คะแนน : 40.05/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.25/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 9/10
- การระบายอากาศ : 8/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 7.8/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 8.5/10
- สายคล้องหู : 7/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 8/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 7.5/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 7.5/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.25/10
SNAKE BRAND N-95 RESCUE GUARD
อันดับ 6 หน้ากากอนามัยตรางู หน้ากากที่ได้มาจากร้านวัตสัน โดยรวมเป็นหน้ากากที่ดีมากตัวนึง แต่ราคาค่อนข้างแพง หน้ากากสวมใส่แล้วรู้สึกกระชับดีมาก (แต่สันขอบด้านบนแข็งคมไปนิด) การระบายอากาศก็ทำได้ดี กลิ่นปกติ ส่วนสายรัดหูก็ตึงกำลังพอดี
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : N95 (มาตรฐานอเมริกา)
- รองจมูก : อลูมิเนียม
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : 58 บาท/ชิ้น
- คะแนน : 40/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.5/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 9.5/10
- การระบายอากาศ : 9/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 8.5/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 8.5/10
- สายคล้องหู : 7.5/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 9.5/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 6/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 7/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.5/10
3M 9501
อันดับ 7 หน้ากากอนามัย 3M รุ่น 9501 เป็นหน้ากากรุ่นมาตรฐานของยี่ห้อนี้ ถ้าให้ซื้อมาใช้ รุ่น 9501 คงจะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับใคร ๆ หลายคน เพราะดูจะเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุดในบรรดา 3M เกือบทุกรุ่น ความรู้สึกตอนสวมใส่คือ หน้ากากค่อนแน่นกระชับใบหน้าดีมาก ๆ แต่ใส่แล้วรู้สึกอึดอัด หายใจได้ค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ ใส่ ๆ ไปจะรู้สึกอบอ้าว เพราะเป็นรุ่นที่ไม่มีวาล์วระบายอากาศ ส่วนสายรัดจะตึงมากจนทำให้เจ็บรำคาญหูมาก (ถ้ารูปหน้าใหญ่ใส่แล้วได้มีหูพับแน่ ๆ) โดยรุ่นนี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยาและในเซเว่น
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : KN95 (มาตรฐานจีน)
- รองจมูก : อลูมิเนียม/ฟองน้ำ
- วาล์ว : ไม่มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : ประมาณ 38 บาท/ชิ้น (หน้ากากมี 3 สี คือ สีขาว, สีฟ้า และสีชมพู)
- คะแนน : 37.75/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.75/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9.5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 10/10
- การระบายอากาศ : 6/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 5.5/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 7/10
- สายคล้องหู : 3/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 6.5/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 8/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 8.5/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.75/10
- เปรียบเทียบกับ 3M รุ่นยอดนิยมอื่น ๆ :
- 3M 9501V : เป็นตัวเดียวกับที่รีวิวครับ แต่เป็นรุ่นที่มีวาล์ว ใส่แล้วเลยรู้สึกว่าหายใจได้สะดวกมากกว่าและรู้สึกอบอ้าวน้อยกว่า (แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก แค่ประมาณ 20%) โดยราคาจะอยู่ที่ชิ้นละประมาณ 45 บาท
- 3M 9001 : ความรู้สึกสวมใส่จะคล้าย ๆ กับรุ่น 9501 แต่จะเป็นมาตรฐาน KN90 ที่ป้องกันฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้น้อยกว่าคือ 90% ราคาชิ้นละประมาณ 25 บาท
- 3M 9001V : เป็นตัวเดียวกับรุ่น 9001 แต่มีวาล์วจึงช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นพอสมควร แต่ตอนใส่ให้ระวังสันขอบด้านบนหน้ากากด้วยครับเพราะแข็งและค่อนข้างคม ส่วนราคาก็จะชิ้นละประมาณ 35 บาท
- 3M 9005 : ตัวนี้จะเหมือนกับรุ่น 9001 เกือบแทบทุกอย่าง ยกเว้นสายคล้องหูที่จะมีตัวกลัดด้านหลังทำให้ไม่รั้งหูจนเจ็บ เพราะสายรัดของหน้ากาก 3M เกือบทุกรุ่นค่อนข้างจะตึงมากใส่แล้วเจ็บรั้งหูมาก โดยรุ่นนี้จะมีราคาชิ้นละประมาณ 30 บาท
- 3M 9010 : ตัวนี้จะคล้าย ๆ กับรุ่น 9501 ธรรมดา ต่างแค่เป็นมาตรฐาน N95 (อเมริกา) ที่ป้องกันฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ 95% เช่นกัน และสายรัดเป็นแบบรัดศีรษะ สายมีความตึงกำลังดี ใส่แล้วไม่เจ็บหรือรู้สึกรำคาญ ราคาชิ้นละประมาณ 35 บาท
- 3M 8210 : หน้ากากกรองอนุภาคมาตรฐาน N95 (อเมริกา) สายรัดเป็นแบบรัดศีรษะที่ยางตึงมาก ใส่แล้วยังรู้สึกเจ็บรัดหน้าและรำคาญ ราคาชิ้นละประมาณ 60 บาท ส่วนตัวไม่แนะนำครับทั้งแพงทั้งใส่ยาก
- 3M VFlex 9105 : หน้ากากที่รูปทรงแปลกตา สายรัดแน่นพอประมาณ โดยรวมใส่ค่อนข้างยาก รู้สึกอบอ้าวและหายใจไม่ค่อยสะดวก ส่วนตัวรู้สึกว่ารุ่น 9501 ระบายอากาศได้ดีกว่าเล็กน้อย ราคาชิ้นละประมาณ 40 บาท
- 3M Aura 9322A+ : มาตรฐาน FFP2 (ป้องกันฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ 94%) เป็นรุ่นที่มีรูปทรงดูแปลกตา ใส่ค่อนข้างยาก แต่พอใส่แล้วรู้สึกสบายมาก ระบายอากาศได้ดีสุด ๆ ไม่มีอากาศรั่วไหลเลย ที่รองจมูกนุ่มมาก แต่ตัวหน้ากากมีกลิ่นสารเคมีหรือกลิ่นฟองน้ำเล็กน้อย โดยรวมเป็นรุ่นที่สวมใส่แล้วรู้สึกชอบและสบายมากที่สุดของ 3M แต่ข้อเสียคือ ราคาที่แพงมากตกชิ้นละประมาณ 100 บาท
Xiaomi MiJia AirPOP Light 360°
อันดับ 8 หน้ากากอนามัยเสียวหมี่รุ่น MiJia AirPOP Light 360° เป็นหน้ากากที่ใส่แล้วรู้สึกกระชับใบหน้าและระบายอากาศได้ดีมาก ๆ หายใจได้สะดวก สายคล้องหูก็สามารถปรับได้ใส่รู้สึกสบายหูไม่รำคาญ ตัวหน้ากากมีกลิ่นยางเล็กน้อย (แต่ไม่ได้รู้สึกเหม็น) แต่ข้อเสียคือขอบหน้ากากด้านล่างจะค่อนข้างขาดง่ายเพราะไม่ค่อยทน (แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะหน้ากากจะมีขอบยางครอบปากและจมูกเพื่อป้องกันอากาศรั่วไหลได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่ทำให้ประสิทธิภาพของหน้ากากลดลง) และอีกเรื่องก็จะเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ตอนสวมใส่ที่รุ่นนี้ใส่แล้วจะรู้สึกดูขัดเขินแปลก ๆ ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบครับ
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : ไม่ระบุ
- รองจมูก : แผ่นยางใสรอบจมูกและปาก
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู (สายรัดหูสามารถปรับได้)
- ราคา : 129 บาท/ชิ้น (หน้ากากมี 2 สี คือ สีขาวและสีดำ)
- คะแนน : 34.2/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.5/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 9/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 10/10
- การระบายอากาศ : 9.5/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 8.7/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 9/10
- สายคล้องหู : 9/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 8/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 4.5/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 2/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 9.5/10
- เปรียบเทียบกับ Xiaomi รุ่นยอดนิยมอื่น ๆ :
- Xiaomi MiJia AirPOP : หน้ากากกรองอนุภาคที่ไม่ได้ระบุมาตรฐานเอาไว้ (แต่เข้าใจว่าคือ KN95) สายรัดเป็นแบบคล้องหูที่ปรับไม่ได้ แต่ก็มีความยืดหยุ่นกำลังพอดีคือใส่แล้วรู้สึกสบายไม่เจ็บ ส่วนการระบายอากาศทำได้ดีพอสมควรแต่ยังไม่เท่า AirPOP Light 360° ส่วนข้อเสียก็เล็กน้อยตรงที่สันขอบด้านบนของหน้ากากค่อนข้างจะแข็งคม ตอนใส่ต้องระวัง และปัญหาเรื่องของราคาที่ค่อนข้างจะแพง คือ ใน 1 ซองจะมีหน้ากาก 2 ชิ้น ตกเฉลี่ยชิ้นละประมาณ 80 บาท โดยส่วนตัวชอบรุ่นนี้มากกว่า AirPOP Light 360° เพราะราคาถูกกว่าและมีรูปทรงที่ดูดีใส่แล้วไม่ขัดเขิน
- Xiaomi Smartmi Anti-Pollution Air Sport Face Mask : หน้ากากกรองอนุภาคแบบมีวาล์วเช่นเดียวกัน ได้รับมาตรฐาน KN95 สายรัดเป็นแบบคล้องหูที่ให้ความตึงพอประมาณ แต่ไม่เจ็บหู หน้ากากใส่แล้วรู้สึกกระชับหน้าดี (แต่ยังไม่เท่ารุ่น AirPOP Light 360°) มีโครงพลาสติกช่วยดันทรงหน้ากากและเพิ่มพื้นที่ในการหายใจ การระบายอากาศโดยรวมทำได้ดีมาก ใส่แล้วไม่รู้สึกอับชื้น แต่ข้อเสียคือเรื่องกลิ่นเหม็นของฟองน้ำ (เพราะทำจากฟองน้ำ) และเรื่องของราคาหน้ากากที่ตกชิ้นละประมาณ 120 บาท (มีให้เลือก 3 ขนาด เล็ก กลาง และใหญ่) เข้าใจว่ารุ่นนี้ใช้แล้วทิ้งเหมือนรุ่นอื่น ๆ หรือถอดซักใช้ซ้ำไม่เกิน 2-3 ครั้ง ส่วนตัวถ้าให้จัดอันดับของรุ่น Xiaomi ขอเรียงลำดับตามนี้ คือ 1.AirPOP รุ่นธรรมดา, 2.Smartmi รุ่นนี้, 3.AirPOP Light 360° และ 4.Purely รุ่นด้านล่าง
- Xiaomi Purely Anti-Pollution Air Mask : หน้ากากกรองอนุภาคมาตรฐาน KN95 ที่มีรูปลักษณ์ทันสมัยและมีพัดลมระบายอากาศแบบชาร์จไฟได้ (ใช้ได้นานแค่ไหนยังไม่ได้ลองแบบจริงจัง) โดยตัวพัดลมสามารถปรับความแรงได้ถึง 3 ระดับ จึงช่วยให้ระบายอากาศได้ดีมาก ๆ (ถ้าปรับแรงสุด) และไม่รู้สึกอบอ้าว แต่รุ่นนี้มีข้อเสียอยู่หลายจุดคือ 1.ใส่แล้วรู้สึกไม่ค่อยกระชับใบหน้าเหมือนจะหลวม ๆ ไม่พอดีกับใบหน้า, ตัวพัดลมค่อนข้างจะหนักแและรู้สึกรั้งหน้าลงบ้าง, 2.ปัญหาเสียงของพัดลมที่ค่อนข้างชัดน่ารำคาญ โดยเฉพาะเมื่อปรับแรงสุดเสียงจะดังจนคนรอบข้างได้ยินเลย, 3.การระบายอากาศแม้จะทำได้ดีมากแต่ก็ระบายอากาศได้ดีเฉพาะจุดที่เป็นพัดลม ส่วนอีกฝั่งยังรู้สึกอบอ้าวเหมือนปกติ (อาจเป็นเพราะตัวหน้ากากค่อนข้างจะแนบกับปากและใบหน้า จึงทำให้การระบายอากาศเป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง), 4.การเปลี่ยนแผ่นกรองทำได้ยากและต้องชาร์จไฟทุกวัน และ 5.ปัญหาเรื่องของราคาและแผ่นกรองที่ค่อนข้างมีราคาแพงมาก โดยมีราคาอยู่เครื่องละประมาณ 800 บาท (รวมแผ่นกรอง 2 แผ่น) ส่วนแผ่นกรองจะมีขายแยกประมาณชิ้นละ 45 บาท
bewell Anti Pollution Face Mask
อันดับ 9 หน้ากากอนามัยบีเวล หน้ากากที่ได้มาจาก Shopee โดยรวมเป็นหน้ากากที่ใส่ง่าย สายรัดหูใส่สบายจนไม่รู้สึกรำคาญ แต่หน้ากากยี่ห้อนี้จะมีปัญหาที่พบได้หลัก ๆ อยู่ 2 ข้อ คือ กลิ่นฟองน้ำค่อนข้างแรงไม่สบายจมูกใส่ทั้งวันคงไม่ไหว, หน้ากากไม่สามารถป้องกันการรั่วไหลของอากาศด้านข้างจมูกได้เพราะไม่มีที่ตัวปรับรูปจมูก และปัญหาเรื่องของแผ่นกรองของตัวหน้ากากใส่แล้วรู้สึกว่าไม่มีอะไรป้องกันเลย เหมือนฝุ่นจะผ่านเข้ามาได้ตรง ๆ อะไรแบบนั้นถ้าเทียบกับว่าคุณใส่หน้ากาก N95 (ตัวหน้ากากระบุว่าป้องกันฝุ่น PM 2.5 แต่ไม่ได้ระบุมาตรฐานการรับรองชัดเจน จึงไม่แน่ใจว่าป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้กี่ %)
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง หรือใช้แล้วซักได้เพียง 1-2 ครั้ง)
- มาตรฐาน : ไม่ระบุ
- รองจมูก : ไม่มี
- วาล์ว : ไม่มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : 79 บาท/ชิ้น (มี 2 ขนาด คือ ของเด็กและผู้ใหญ่)
- คะแนน : 33/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 4/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 5/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 3/10
- การระบายอากาศ : 10/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 8/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 10/10
- สายคล้องหู : 10/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 4/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 7/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 4/10
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 4/10
unicharm 3D Mask
อันดับ 10 หน้ากากอนามัยยูนิชาร์ม หน้ากากจากญี่ปุ่นที่หาซื้อได้ที่ 7-11 เป็นหน้ากากที่ใส่ง่าย ใส่สบาย สายรัดไม่เจ็บหู มีกลิ่นหอมดี การระบายอากาศทำได้ดีพอประมาณ โดยรวมหายใจได้สะดวก แต่ก็ยังรู้สึกอบอ้าวเล็กน้อย ส่วนการป้องกันอากาศรั่วไหลยังทำได้ไม่ดี เพราะตัวปรับจมูกกดแล้วไม่ค่อยคงรูป ทำให้เกิดร่องข้างจมูกและเกิดฝ้าตอนใส่แว่น โดยรวมยังรู้สึกชอบ ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องของความคุ้มค่าที่ตัวหน้ากากค่อนข้างบอบบางขาดและเป็นขุยได้ง่าย จึงไม่น่าจะใส่ซ้ำข้ามวันเหมือนรุ่นอื่น ๆ ได้
- ประเภท : หน้ากากกรองอนุภาค (ใช้แล้วทิ้ง)
- มาตรฐาน : ไม่ระบุ
- รองจมูก : พลาสติก
- วาล์ว : มี
- สายรัด : แบบคล้องหู
- ราคา : ประมาณ 35 บาท/ชิ้น (มี 3 ขนาด คือ เล็ก (ห่อสีชมพู), กลาง (ห่อสีฟ้า) และใหญ่ (ห่อสีเขียว))
- คะแนน : 31.2/50
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 6.5/10
- ประสิทธิภาพของแผ่นกรอง : 8/10
- การป้องกันการรั่วไหลของอากาศ : 5/10
- การระบายอากาศ : 7/10
- ความสบายในการสวมใส่ : 9.7/10
- ความสบายของตัวหน้ากาก : 9.5/10
- สายคล้องหู : 9.5/10
- กลิ่นของหน้ากาก : 10/10
- รูปลักษณ์/ความสวยงาม : 5/10
- ราคาและความคุ้มค่า : 3/10* (คำนวณจากการใช้งานเพียง 1 ครั้ง เนื่องจากตัวหน้ากากค่อนข้างบอบบาง ขาด ไม่มีความทนทาน และเป็นขุยง่าย จึงไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้)
- ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น : 6.5/10
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)