วิตามินบี 6
- วิตามินบี 6 หรือ ไพริด็อกซิน เป็นคำที่ใช้เรียกรวมกันของกลุ่มสารที่มีโครงสร้างคล้ายกันและทำงานร่วมกัน ซึ่งประกอบไปด้วยไพริด็อกซิน ไพริด็อกซาล และไพริด็อกซามีน ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน และมีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (mg.)
- แบคทีเรียในลำไส้บางชนิดสามารถสังเคราะห์วิตามินบี 6 เองได้ โดยเฉพาะหากมีการรับประทานร่วมกับเซลลูโลสเสริม และวิตามินบี 6 มีความจำเป็นต่อการสร้างน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและแมกนีเซียม ร่างกายมีความจำเป็นต้องใช้วิตามินบี 6 ในการสร้างแอนติบอดีและเม็ดเลือดแดง
- แหล่งที่พบวิตามินบี 6 ตามธรรมชาติ ได้แก่ บริเวอร์ยีสต์ รำข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัต กะหล่ำปลี กากน้ำตาล แคนตาลูป ไข่ ตับ ปลา เป็นต้น (นมเป็นแหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 6 ค่อนข้างต่ำ)
- ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจเกิดอาการกระสับกระส่ายในเวลานอน ฝันเหมือนจริงเกินไป เท้าชาและมีอาการกระตุก สำหรับผู้ที่รับประทานขนาด 2,000 – 10,000 มิลลิกรัมทุกวัน อาจทำให้เกิดปัญหาต่อระบบประสาทได้ ขอแนะนำว่าควรรับประทานขนาดไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ต่อวันจะปลอดภัยกว่า
- ศัตรูของวิตามินบี6 ได้แก่ การเก็บไว้นานเกินไป การบรรจุในกระป๋อง จากกระบวนการแปรรูปอาหาร การย่างหรือต้ม การแช่แข็งผักและผลไม้ น้ำ แอลกอฮอล์ และฮอร์โมนเอสโตรเจน และโรคจากการขาดวิตามินบี6 คือ โรคโลหิตจาง ผื่นผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน
ประโยชน์ของวิตามินบี 6
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต
- ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยเปลี่ยนรูปของทริปโตเฟนให้เป็นไนอะซิน (วิตามินบี 3)
- ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด
- ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ช่วยชะลอวัยได้
- เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ
- ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด
- ลดอาการปากแห้งและปัญหาด้านการปัสสาวะที่เกิดจากการรับประทานยาต้านอาการซึมเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก
คำแนะนำในการรับประทานวิตามินบี 6
- วิตามินบี 6 ในรูปแบบของอาหารเสริมมีขนาดตั้งแต่ 50-500 มิลลิกรัม ทั้งในรูปแบบแยกเดี่ยว แบบเป็นวิตามินรวม และในรูปของวิตามินบีรวม ควรหาซื้อที่เป็นสูตรแตกตัวช้า ซึ่งจะค่อย ๆ แตกตัวโดยใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดอื่น ๆ ควรรับประทานวิตามินบี 6 ในปริมาณที่เท่า ๆ กันกับวิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2
- โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 1.6 – 2 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่, 2.2 มิลลิกรัมสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และ 2.1 มิลลิกรัมสำหรับหญิงผู้ให้นมบุตร
- วิตามินบี 12 ต้องใช้วิตามินบี 6 เพื่อช่วยในการดูดซึม
- หากคุณรับประทานยาคุมกำเนิด ร่างกายคุณจะต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้น
- เมื่อรับประทานอาหารประเภทที่มีโปรตีนสูง ร่างกายจะต้องการวิตามินบี 6 เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
- ผู้ที่รับประทานอาหารโปรตีนสูงจะต้องการวิตามินชนิดนี้มากขึ้นเป็นพิเศษ
- การรับประทานวิตามินบี 6 และกรดโฟลิกจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้
- ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบและกำลังรักษาด้วยตัวยาคูพริมิน ควรรับประทานวิตามินบี6 เสริม
- วิตามินบี 6 จะทำงานได้ดีที่สุดหากรับประทานร่วมกับวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 5 วิตามินซี และแมกนีเซียม
- วิตามินบี 6 อาจลดความต้องการอินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และหากไม่ปรับขนาดยาอาจส่งผลให้เกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำได้
- สำหรับผู้ที่รับประทานยาลีโวโดปาเพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน ไม่ควรรับประทานวิตามินบี6เสริม
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)