รีวิว 10 น้ำมันปลายอดนิยม & น้ำมันปลายี่ห้อไหนดี? (2024)

รีวิวผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาปี 2024

น้ำมันปลา

น้ำมันปลา หนึ่งในอาหารเสริมยอดนิยมในยุคโควิด เพราะนอกจากจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างแล้ว น้ำมันปลายังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง (ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส ทำให้ลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ), เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายอย่างเชื้อโรคเชื้อไวรัสต่าง ๆ[1], ลดความเสี่ยงภาวะอักเสบภายในร่างกายจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะภาวะปอดอักเสบในกลุ่มผู้สูงอายุหรือป่วยโรคประจำตัว, ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดจากภาวะ Long COVID (การศึกษาในอเมริกาล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ติดเชื้อโควิดมาก่อนและรักษาหายแล้ว ในช่วง 12 เดือนถัดมาจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ราว 20 ชนิด เช่น หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจหยุดเต้น โรคหลอดเลือดสมอง ลิ่มเลือดอุดตันในปอดและหลอดเลือดต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งนี้พบว่า จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาโรคหลอดเลือดมากกว่า 52% และโรคหัวใจมากกว่า 72% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อ) รวมไปถึงผู้ที่เตรียมตัวไปฉีดวัคซีนแต่กังวลการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนด้วย[2]

น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ น้ำมันที่สกัดมาจากปลาจากแหล่งธรรมชาติ ในน้ำมันปลามีกรดไขมันอยู่หลายชนิด ชนิดที่สำคัญคือ กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ที่มีกรดสำคัญมาก ๆ อยู่ 2 ชนิด คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่ช่วยระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความดันโลหิต ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ลดการปวดข้อและข้ออักเสบรูมาตอยด์ ฯลฯ และ DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่ช่วยในด้านความจำ เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและดวงตา โดยโอเมก้า-3 นี้เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ดังนั้น การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา ส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องการประโยชน์ที่ได้รับจากโอเมก้า-3 คือ EPA และ DHA เป็นหลัก

ฟิชออยล์ (Fish Oil) ปกป้องหัวใจ ช่วยเสริมภูมิฯ ลดติดเชื้อ ต้านการอักเสบ”

หมายเหตุ : Long COVID คือ อาการหลงเหลือหลังการติดเชื้อโควิดในะระยะยาวที่ไม่มีลักษณะตายตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยมีโอกาสเกิดขึ้นได้ประมาณ 30-50% จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรง ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย ๆ คืออ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตามตัว ไอเรื้อรัง ท้องอืด ท้องเสีย การรับรสและกลิ่นผิดปกติ รู้สึกเหมือนมีไข้ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ความจำไม่ดี มีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า ผมร่วง ฯลฯ[3] รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดมากกว่าปกติด้วย[2]

คำแนะนำในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา (Fish Oil)
IMAGE SOURCE : Medthai

คำแนะนำในการเลือกซื้อน้ำมันปลา

  • เลือกน้ำมันปลาที่มาจากปลาทะเลน้ำลึกที่โอเมก้า-3 สูง ซึ่งมักเป็นปลาทะเลในเขตหนาว เช่น ปลาในทะเลน้ำลึกประเทศไอซ์แลนด์ อย่างปลาแองโชวี่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งทะเลน้ำลึกที่สะอาดบริสุทธิ์ มีแหล่งปนเปื้อนของสารต่าง ๆ น้อย มีสิ่งแวดล้อมและอาหารที่เหมาะสมแก่การสร้างโอเมก้า-3 ในเนื้อปลา ทำให้ปลามีปริมาณโอเมก้า-3 สูงสุด
  • มองหาแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการยอมรับ เลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่มีคุณภาพสูง และมีกระบวนการผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล GMP และ PIC/S (มาตรฐานการผลิตยา) และผ่านการตรวจสอบปริมาณของสารปรอทและตะกั่ว
  • ต้องดูที่ปริมาณของ EPA และ DHA เป็นหลักว่ามีกรดไขมันทั้งสองตัวนี้อย่างละเท่าไหร่ หรือรวมกันแล้วมีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งน้ำมันปลาสูตรมาตรฐาน คือ น้ำมันปลา 1,000 มก. ที่มี EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. (รวมกันเท่ากับ 300 มก.) อย่าเพียงแต่ดูว่าเป็นน้ำมันปลา 1,000 มก. เท่านั้น!
  • ปริมาณของ EPA และ DHA ทั้งคู่รวมกันต้องมีมากกว่า 20% เพราะน้ำมันปลา 1,000 มก. บางยี่ห้อ มี EPA และ DHA ปริมาณน้อยมาก คือ รวมกันไม่ถึง 200 มก. หรือ 20% ที่เหลือเป็นแค่แป้งและส่วนผสมอื่น ๆ
  • สัดส่วนของ EPA : DHA ที่ดีควรเป็น 3 : 2 เช่น EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. เพราะเป็นสัดส่วนที่เชื่อว่าน่าจะออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด (บางยี่ห้อมี EPA และ DHA มากกว่านี้ แต่ก็ไม่จำเป็นครับ แนะนำให้ทานเพิ่มในมื้ออาหารถัดไปก็ได้ครับ)
  • ควรมีส่วนผสมของวิตามินอี (Vitamin E) เนื่องจากโอเมก้า-3 จะสลายตัวได้ง่ายมาก จึงจำเป็นต้องมีวิตามินอีช่วยทำหน้าที่เป็น Antioxidant เพื่อคงสภาพและปริมาณของสารสำคัญให้สูงสุดในระหว่างรอการบริโภค
  • น้ำมันปลาควรเป็นแบบเม็ดเจลนิ่ม (Soft Gel) ที่ปิดสนิท เพื่อช่วยปกป้องไม่ให้โอเมก้า-3 ข้างในเกิดการสลายตัวในระหว่างการรอบริโภค หากน้ำมันปลาถูกบรรจุในแคปซูลแข็ง ๆ อาจทำให้มีรอยรั่วตรงขอบเม็ดและทำให้มีอากาศเข้าไปเกิดการออกซิไดซ์จนปริมาณของสารสำคัญลดลงได้
  • บรรจุภัณฑ์ของน้ำมันปลาควรเป็นขวดแบบทึบแสง ป้องกันแสง และอากาศได้ดี ถ้าบรรจุภัณฑ์เป็นขวดพลาสติก ควรเป็นขวดพลาสติกเกรดยา (ขวดพลาสติกทั่วไปอาจไปทำปฏิกิริยากับน้ำมันปลาได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเก็บไว้เป็นเวลานาน) ส่วนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นขวดแก้วสีชา แบบนี้ก็ดีครับ แต่จะไม่สะดวกต่อการพกพาเท่าขวดพลาสติก แต่ก็มีข้อดีคือ มีความเป็นกลางไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำมันปลา
  • เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แสดงฉลากถูกต้อง ระบุสารสำคัญอย่างละเอียดครบถ้วน มีฉลากภาษาไทย มีวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุชัดเจน และต้องมี อย. 13 หลัก (อาหารเสริมที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศต้องมีการขออนุญาตจาก อย. เพื่อตรวจสอบและประเมินถึงความปลอดภัยของส่วนประกอบ) อย่างไรก็ตาม การดู อย. อย่างเดียวก็ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป เพราะยังมีข่าวพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอมหรือพบการปลอมฉลาก อย. อยู่บ่อย ๆ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการได้รับสารหรือส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้น หากคุณต้องซื้อน้ำมันปลาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่น ๆ ก็ควรซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ หรือถ้าเป็นน้ำมันปลายี่ห้อไม่คุ้นเคยหรือยี่ห้อนำเข้าก็ควรตรวจสอบดูให้ดีว่าเคยมีการขออนุญาตจากทาง อย. แล้วหรือไม่ โดยนำชื่อผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบกับทางเว็บไซต์ของ อย.
  • แนะนำให้ซื้อจากร้านที่มีหลักแหล่งแน่นอนและเชื่อถือได้เท่านั้น อย่างร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำอยู่ หรือร้านที่มีการจัดเก็บและขนส่งอย่างเหมาะสม เพื่อจะได้สอบถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และขนาดที่เหมาะสมในการรับประทานได้ (โดยส่วนตัวจะหลีกเลี่ยงการซื้ออาหารเสริมจากช่องทางออนไลน์ เพราะเราดูวันผลิตวันหมดอายุไม่ค่อยได้ และเคยมีประสบการณ์จากการขนส่งที่ไม่ดีจากเรื่องอุณหภูมิร้อนจากการขนส่ง ซึ่งทำให้คุณภาพของอาหารเสริมลดลง อีกทั้งเราเองก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าร้านที่เราซื้อจากทางออนไลน์นั้น แต่ละร้านมีการจัดเก็บอาหารเสริมแบบใด มีการควบคุมอุณภูมิห้องเก็บของหรือไม่ และร้านเหล่านั้นรับสินค้ามาจากแหล่งใด และมีกระบวนการขนส่งที่ดีหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำว่าอย่าเห็นแก่ของถูกเสมอไป โดยเฉพาะกับอาหารเสริมหรือยา เพราะมันอาจจะไม่คุ้มกับคุณภาพที่เสียไปหรือทานแล้วไม่ค่อยได้ผลก็ได้ครับ
  • น้ำมันปลานำเข้าหรือของต่างประเทศเท่าที่มีข้อมูล คุณภาพไม่ได้แตกต่างจากที่ผลิตในไทย เพราะยี่ห้อดี ๆ จะเลือกใช้วัตถุดิบนำเข้าคุณภาพสูงจากแหล่งเดียวกัน (แม้จะเป็นยี่ห้อที่น่าเชื่อถือและมีรีวิวดี ๆ ก็ยังไม่แนะนำให้เลือกซื้อจากช่องทางออนไลน์แล้วส่งมาไทยโดยตรงครับ ด้วยเหตุผลเรื่องการขนส่งและอุณหภูมิความร้อนตามที่ว่ามาครับ เว้นแต่ว่ายี่ห้อที่นำเข้านั้นจะมีบริษัทที่ขอนำเข้าและมีช่องทางจำหน่ายอย่างถูกต้อง แบบนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจครับ)
  • น้ำมันปลาหลายยี่ห้อก็มีราคาแพงจนน่าตกใจ ทั้ง ๆ ที่ส่วนผสมและคุณภาพก็ไม่ได้ต่างจากยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีราคาต่ำกว่ามาก หรือบางยี่ห้อราคาแพงกว่าไม่พอ แต่กลับมีส่วนผสมสำคัญน้อยกว่ายี่ห้ออื่นเป็นเท่าตัวก็มี เพราะฉะนั้นอย่าคิดไปเองว่าน้ำมันปลายิ่งแพงแล้วจะยิ่งดี หรือกลับกันน้ำมันปลาที่ถูกมาก ๆ ก็ใช่ว่าจะคุ้มค่าเสมอไป
รีวิวผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาปี 2023
IMAGE SOURCE : Medthai

น้ำมันปลายี่ห้อไหนดี ​?

ในหัวข้อนี้จะเป็นการรีวิวน้ำมันปลารวม 10 ยี่ห้อ ที่ทางเราซื้อมาจากร้านขายยา (มีบางรายการซื้อมาจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee) โดยจะเลือกมาเฉพาะยี่ห้อที่หาซื้อได้ง่ายและเป็นน้ำมันปลา 1000 mg สูตรมาตรฐาน (EPA 180 mg / DHA 120 mg) แล้วนำมาเปิดขวดวิเคราะห์รีวิวกันว่าแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันอย่างไร พร้อมกับมีการให้คะแนนกันแบบคร่าว ๆ โดยทางทีมงานของเราเอง (ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ และไม่ได้หมายความว่ายี่ห้อที่ได้คะแนนน้อยจะมีคุณภาพไม่ดีนะครับ เพราะแต่ละคนก็ล้วนมีเกณฑ์การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาหรืออาหารเสริมที่แตกต่างกันไป เช่น ถ้าเป็นผู้เขียนก็จะเน้นที่ยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือเป็นหลักเพราะบ่งบอกได้ถึงคุณภาพของวัตถุดิบและกระบวนการผลิต และต้องเป็นยี่ห้อที่สามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป ส่วนเรื่องราคาไม่ได้กังวลเท่าไหร่ เพราะราคาน้ำมันปลาแต่ละยี่ห้อนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับ เป็นต้น)

IMAGE SOURCE : Medthai

ทำไมไม่เลือกน้ำมันปลายี่ห้อต่างประเทศ ? : เพราะของไทยคุณภาพดี ๆ ก็มีให้เลือกซื้อหลายยี่ห้อครับ แต่ที่สำคัญคือเรื่องการจัดส่งและอุณหภูมิครับ เพราะถ้าเป็นยี่ห้อต่างประเทศเราก็ต้องสั่งจากทางออนไลน์ ซึ่งกว่าจะส่งมาถึงมือเราก็ต้องผ่านความร้อนจากกระบวนการจัดส่งมานานพอสมควร (ไม่เชื่อลองสังเกตดูได้นะครับ โดยเฉพาะอาหารเสริมที่เป็นขวดแก้วจะสังเกตง่าย แกะกล่องเสร็จลองจับตัวขวดดูนะครับ มันจะอุ่น ๆ ครับ และถ้าเป็นแบบแคปซูลแบบนิ่ม/ซอฟต์เจล ก็มักจะสังเกตเห็นว่าเม็ดยาติดกันเป็นก้อนหรือติดกับก้นขวด เขย่าไม่ออก ลองคิดดูนะครับว่าคุณภาพมันจะลดลงขนาดไหน) ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำครับว่า “อาหารเสริมหรือยาควรไปเลือกซื้อเองที่ร้านขายยาจะดีที่สุด โดยเฉพาะร้านที่ดูสะอาด น่าเชื่อถือ และมีเภสัชกรประจำอยู่” (ซึ่งแน่นอนครับว่าร้านเหล่านี้ก็มักจะไม่มีของยี่ห้อต่างประเทศ เราจึงไม่ได้แนะนำมากนักหรือนำมารีวิวกันครับ)

สำหรับเกณฑ์การให้คะแนนเบื้องต้นนั้นของเรานั้นมีดังนี้ครับ

  • คะแนนความน่าเชื่อถือ 10 คะแนน : เราดูจากชื่อเสียง มาตรฐานการรับรอง บริษัทหรือโรงงานที่ผลิต มาตรฐานหรือกระบวนการที่ใช้ในการผลิต บริษัทที่จัดจำหน่าย (ทั้งในแง่ของความจำเพาะในการดำเนินธุรกิจ ทุนจดทะเบียนและมูลค่าของบริษัท ณ ปัจจุบัน) รวมถึงเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดของสินค้าหรือแบรนด์
  • คะแนนภาพรวม 10 คะแนน : เราดูจากหลายอย่าง ทั้งจุดเด่น จุดด้อย วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ชนิดและแหล่งที่มาของวัตถุดิบน้ำมันปลา ส่วนผสมต่าง ๆ ในน้ำมันปลา ลักษณะของบรรจุภัณฑ์(ตั้งแต่ลักษณะขวด ฝาขวดที่ปิดสนิทหรือไม่ ฉลาก ความสวยงามและการออกแบบผลิตภัณฑ์) รวมไปถึงกลิ่นของน้ำมันปลาว่ามีมากหรือน้อย (เป็นการให้คะแนนแบบคร่าว ๆ นะครับ)
  • คะแนนด้านราคา 10 คะแนน : เนื่องจากยี่ห้อที่มีราคาต่อเม็ดถูกที่สุด คือ 2.87 บาท (BEWEL) และแพงสุด คือ 5.63 บาท (BLACKMORES ซึ่งมีราคาแพงกว่า 1.96 เท่า) เราจึงให้ยี่ห้อที่มีราคาถูกสุดได้เต็ม 10 คะแนน และเมื่อนำคะแนนเต็ม 10 มาหารด้วย 1.96 เท่า ก็จะได้ 5.1 นั่นหมายความว่า Fish Oil ยี่ห้อที่มีราคาต่อเม็ดแพงที่สุดจะได้คะแนนเพียง 5.1 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน

#1 MEGA We Care FISH OIL 1000mg

รีวิวน้ำมันปลา MEGA We Care FISH OIL 1000mg
MEGA We Care FISH OIL 1000mg

#1 เมก้า วีแคร์ (MEGA We Care FISH OIL 1000mg) ผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาแบรนด์ไทยคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม ไว้ใจได้ในเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบและมาตรฐานที่ใช้การผลิต เพราะเมก้าเป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ผ่านการรับมาตรฐานการผลิต (GMP) ระดับสากลถึง 2 สถาบัน คือ TGA จากประเทศออสเตรเลีย และ BfArM จากประเทศเยอรมัน 

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจะต้องผ่านขั้นตอนการวิจัยการผลิต การควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบสารปนเปื้อนและโลหะหนักก่อนเสมอ และในกระบวนการผลิตยังใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น SOLVENT FREE (ผลิตแคปซูลนิ่มเพื่อให้ลดการใช้ตัวทำละลายและทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากสารตกค้างอันไม่จำเป็น), ADDED PRESERVATIVES (เทคโนโลยีพิเศษและกระบวนการที่ปราศจากเชื้อ ควบคุมการผลิตโดยไม่ให้ใช้สารกันบูดในแคปซูล) และการควบคุมคุณภาพโดย QUALITY ASSURANCE และ QUALITY CONTROL ภายใต้มาตรฐานการผลิตยา

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 10 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 9.5 /10 คะแนน
    • บรรจุภัณฑ์เป็นขวดพลาสติกทึบเกรดยา หุ้มมาในซีลใส ฝาขวดเป็นแบบเกลียวหมุน เปิด-ปิดได้แน่นสนิทมาก และที่ปากขวดยังมีซีลพลาสติกอีกชั้นอย่างแน่นหนาเพื่อช่วยคงคุณภาพก่อนเปิดขวดครั้งแรก ในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยเราสามารถมั่นใจได้ด้วยมาตรฐานการผลิตเกรดยา ผ่านการตรวจสอบสารปนเปื้อน โลหะหนัก (แม้น้ำมันปลาที่ผลิตจะเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ตาม) ส่วนวัตถุดิบน้ำมันปลาที่ใช้นำเข้ามาจากประเทศไอซ์แลนด์ (ปลาแอนโชวี่) มีส่วนผสมของวิตามินอีเล็กน้อย 1.4 มก. เพื่อช่วยคงคุณภาพของน้ำมันปลา มีซองกันชื้นมาให้ด้านขวด และในส่วนเรื่องกลิ่นนั้นมีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 9.47 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (30 แคปซูลนิ่ม) ราคา 95 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3.17 บาท
  • คะแนนรวม : 28.97 /30 คะแนน

#2 VISTRA ODORLESS FISH OIL 1000mg

รีวิวน้ำมันปลา VISTRA ODORLESS FISH OIL 1000mg
VISTRA ODORLESS FISH OIL 1000mg

#2 วิสทร้า (VISTRA ODORLESS FISH OIL 1000mg) ยี่ห้อที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ผลิตโดยบริษัทโปรโนวา แลบบอราทอรีส์ ที่รับผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่าง ๆ (ผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP, HACCP, DMSc)

ผลิตโดย บริษัท โปรโนวา แลบบอราทอรีส์ จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 265 ล้านบาท) เป็นโรงงานที่รับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และจัดจำหน่ายโดยบริษัท เอ็นบีดี เฮลท์แคร์ จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 545 ล้านบาท)

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 9 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 9 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลายี่ห้อวิสตร้าจะมีอยู่ด้วยกัน 2 สูตร คือ สูตรปลาแซลมอน (เคยรีวิวไปแล้ว) และสูตรไร้กลิ่นคาวปลาที่นำมารีวิวและเป็นจุดเด่นของยี่ห้อนี้ โดยตัวบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นขวดแก้วสีชา หุ้มซีลใสชั้นนอก ฝาขวดเป็นแบบเกลียวพลาสติกหมุน หุ้มซีลปากขวดมาอย่างดี พร้อมซองกันชื้นในขวด ฝาขวดรู้สึกปิดแล้วแน่นสนิทมาก และในเรื่องกลิ่นดมแล้วไม่มีกลิ่นคาวปลา ส่วนในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้นไม่ได้ระบุว่ามาจากที่ไหนหรือใช้ปลาอะไร แต่ในสูตรมีส่วนผสมของวิตามินอีมากกว่ายี่ห้ออื่น ๆ (11.48 มก.) วิตามินอีมากน้อยแตกต่างกันอย่างไร?
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 9.77 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (45 แคปซูลนิ่ม) ราคา 135 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3 บาท
  • คะแนนรวม : 27.77 /30 คะแนน

#3 BEWEL SALMON FISH OIL 1000 mg PLUS VITAMIN E

รีวิวน้ำมันปลา BEWEL SALMON FISH OIL 1000 mg PLUS VITAMIN E
BEWEL SALMON FISH OIL 1000 mg PLUS VITAMIN E

#3 บีเวล (BEWEL SALMON FISH OIL 1000 mg PLUS VITAMIN E) เป็นน้ำมันปลาแซลมอนที่ผลิตโดย บริษัท โปรโนวา แลบบอราทอรีส์ จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 265 ล้านบาท) โรงงานผลิตเดียวกับยี่ห้อวิสทร้า ซึ่งเป็นโรงงานที่รับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เวชสำอาง และจัดจำหน่ายโดย บริษัท ดีเอสซี ซินดิเคท จำกัด (ธุรกิจขนาดกลาง มูลค่าบริษัท -11 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท)

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 7 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 8.5 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลายี่ห้อนี้เป็นสูตรปลาแซลมอน (ไม่ได้ระบุว่ามาจากประเทศไหน) มีส่วนผสมของวิตามินอี 9.09 มก. เพื่อช่วยคงคุณภาพน้ำมันปลา แต่จากการค้นข้อมูลพบว่าบริษัทที่จำหน่ายไม่มีข้อมูลของเว็บไซต์บริษัทหรือข้อมูลของผลิตภัณฑ์ให้ดูอย่างเป็นทางการ ส่วนในเพจ Facebook ก็ไม่ได้อัพเดทข้อมูลมากว่า 2 ปีแล้ว ส่วนลักษณะของขวดมาในขวดแก้วสีชา หุ้มซีสพลาสติกใส ฝาขวดเป็นแบบสุญญากาศเปิด-ปิด (แต่รู้สึกปิดได้ไม่แน่นมากเหมือนฝาแบบเกลียว) ด้านในมีซองกันชื้นมาให้ตามมาตรฐาน ส่วนเรื่องกลิ่นนั้นมีกลิ่นคาวปลาน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 10 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (30 แคปซูลนิ่ม) ราคา 86 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 2.87 บาท
  • คะแนนรวม : 25.5 /30 คะแนน

#4 REAL ELIXIR ODORLESS FISH OIL 1000 MG.

รีวิวน้ำมันปลา REAL ELIXIR ODOURLESS FISH OIL 1000 MG.
REAL ELIXIR ODOURLESS FISH OIL 1000 MG.

#4 เรียล อิลิคเซอร์ (REAL ELIXIR ODOURLESS FISH OIL 1000 MG.) น้ำมันปลาแบรนด์ไทยที่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ เป็นสูตรไร้กลิ่นคาวที่แต่งกลิ่นด้วยเปปเปอร์มินต์ ผลิตโดย บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 966 ล้านบาท) ที่รับผลิตเภสัชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และจัดจำหน่ายโดย บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 195 ล้านบาท) ผ่านมาตรฐาน ISO 22000:2005, ISO 22716, HACCP, ฮาลาล และมาตรฐาน GMP

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 7.5 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 9.5 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลายี่ห้อนี้ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ (ไม่ระบุชนิดของปลา) เป็นสูตรไร้กลิ่นคาวที่มาขวดแก้วสีชา (หุ้มซีลพลาสติกใสด้านนอก) ฝาขวดเป็นแบบกดแล้วหมุน แต่ยังรู้สึกปิดได้แน่นสนิทดี มีซีลหุ้มปากขวดที่แน่นพอสมควร มีซองกันชื้นให้ด้านใน ส่วนในเรื่องกลิ่นดมแล้วไม่มีกลิ่นคาวปลาตามชื่อสูตร แต่จะได้เป็นกลิ่นเปปเปอร์มินต์แทน ซึ่งก็หอมดีครับ และในสูตรมีส่วนผสมของวิตามินอีออยล์ 6 มก.
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 7.94 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (30 แคปซูลนิ่ม) ราคา 121 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 4.03 บาท
  • คะแนนรวม : 24.94 /30 คะแนน

#5 AMSEL Fish Oil 1,000 mg.

รีวิวน้ำมันปลา AMSEL Fish Oil 1,000 mg.
AMSEL Fish Oil 1,000 mg.

#5 แอมเซล (AMSEL Fish Oil 1,000 mg.) เป็นน้ำมันปลาที่ผลิตในประเทศแคนาดา (Viva Phamaceutical Inc.) แต่นำเข้ามาแบ่งบรรจุและจัดจำหน่ายโดย บริษัท แอมเซล นิวทราซูติคัล จำกัด  (ธุรกิจขนาดกลาง มูลค่าบริษัท -22 ล้านบาท) ซึ่งเป็นบริษัทที่จำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกประเภท

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 8 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 8 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลายี่ห้อนี้มาในขวดแก้วสีชา (ไม่มีหุ้มซีลใสด้านนอกเหมือนยี่ห้ออื่น ๆ) ฝาขวดเป็นแบบสุญญากาศเปิด-ปิด (รู้สึกปิดได้ไม่แน่นสนิทเท่าไหร่) มีซองกันชื้นด้านใน น้ำมันปลามีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ ในสูตรมีส่วนผสมของวิตามินอี 1 มก. (น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น แต่ไม่ใช่ปัญหา) แต่ไม่ได้ระบุชนิดและแหล่งที่มาของปลาที่ใช้ในการผลิต ยี่ห้อนี้ผลิตในประเทศแคนาดา นำเข้ามาแบ่งบรรจุขายในประเทศไทยภายใต้แบรนด์แอมเซล
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 8.05 /10 คะแนน
    • 1 ซอง (30 ซอฟต์เจล) ราคา 119 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3.97 บาท
  • คะแนนรวม : 24.05 /30 คะแนน

#6 21st CENTURY Fish Oil 1000 mg

รีวิวน้ำมันปลา 21st CENTURY Fish Oil 1000 mg
21st CENTURY Fish Oil 1000 mg

#6 ทเวนตี้เฟิร์ส เซนจูรี่ (21st CENTURY Fish Oil 1000 mg) แบรนด์อาหารเสริมจากอเมริกาที่มีชื่อเสียงในด้านวงการอาหารเสริม เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและผ่านการวิจัยและทดสอบก่อนวางขาย จึงมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ โดยน้ำมันปลายี่ห้อนี้ผลิตจากปลาทะเลหลายชนิด เช่น ปลาแอนโชวี่, ปลาค็อด, ปลาแฮร์ริ่ง, ปลาแมกเคอเรล, ปลาแซลมอน, ปลาซาร์ดีน, ปลาสแปรต

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 10 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 7.5 /10 คะแนน
    • เป็นน้ำมันปลาต่างประเทศที่มาขวดพลาสติกทึบแสง (ไม่มีหุ้มซีลใสด้านนอก) ฝาขวดเป็นแบบเปิด-ปิดธรรมดา จึงรู้สึกเปิด-ปิดไม่แน่นสนิทเมื่อเทียบกับแบบฝาเกลียว ปากขวดมีซีลพลาสติกตามมาตรฐาน น้ำมันปลายี่ห้อนี้ผลิตมาจากปลาทะเลหลายชนิดตามที่กล่าวไป มีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ แต่ในสูตรไม่มีส่วนผสมของวิตามินอีเพื่อช่วยคงความสดใหม่ระหว่างรอการบริโภค แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ (ถ้าการจัดส่งไม่ผ่านความร้อนในกรณีที่สั่งซื้อทางออนไลน์)
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 6.52 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (60 ซอฟต์เจล) ราคา 290 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 4.83 บาท
  • คะแนนรวม : 24.02 /30 คะแนน

#7 NUTRI MASTER FISH OIL 1000 mg.

รีวิวน้ำมันปลา NUTRI MASTER FISH OIL 1000 mg.
NUTRI MASTER FISH OIL 1000 mg.

#7 นูทรีมาสเตอร์ (NUTRI MASTER FISH OIL 1000 mg.) เป็นน้ำมันปลาที่ผลิตในไทยโดยใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ มีส่วนผสมเหมือนสูตรมาตรฐานของน้ำมันปลาทั่วไป และจัดว่ามีราคาต่อแคปซูลถูกที่สุด

ผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เอฟ.ซี.พี. จำกัด (ธุรกิจขนาดใหญ่ มูลค่าบริษัท 463 ล้านบาท) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องสำอางค์ ยารักษาโรค และเภสัชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 7.5 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 7 /10 คะแนน
    • ยี่ห้อนี้จะมีทั้งแบบซองซิป 30 ซอฟต์เจล และแบบกระปุก 100 ซอฟต์เจล ตัวกระปุกเราเคยรีวิวไปแล้ว ในรอบนี้จึงเลือกแบบซองซิปมารีวิว เท่าที่เห็นผู้เขียนรู้สึกว่าซองยามันใหญ่พอสมควร ไม่สะดวกในการพกพาหรือจัดเก็บเท่าแบบขวด (ผิดคาด) ตัวซิปค่อนข้างปิดได้แน่นดี (ไม่ต้องกังวลมากว่าจะปิดไม่สนิทถ้าเปิดปิดบ่อย เพราะมีซองกันชื้นมาให้ข้างใน และทานแค่ 2-3 อาทิตย์ก็หมดซองแล้ว) ส่วนเรื่องกลิ่นคาวนั้นมีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ ในเรื่องของวัตถุดิบนั้นใช้วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์ (ผลิตในไทย) ไม่ได้ระบุชนิดของปลาที่ใช้ในการผลิต (อาจมาจากปลาหลายชนิด) ในสูตรมีส่วนผสมของวิตามินอี 5 มก. เพื่อช่วยคงคุณภาพของน้ำมันปลา
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 9.24 /10 คะแนน
    • 1 ซองซิป (30 ซอฟต์เจล) ราคา 99 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3.3 บาท
  • คะแนนรวม : 23.74 /30 คะแนน

#8 BLACKMORES FISH OIL 1000 MG

รีวิวน้ำมันปลา BLACKMORES FISH OIL 1000 MG
BLACKMORES FISH OIL 1000 MG

#8 แบลคมอร์ส (BLACKMORES FISH OIL 1000 MG) น้ำมันปลาสูตรมาตรฐานสัญชาติออสเตรเลีย นับเป็นยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือสูงและได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในบ้านเรา เนื่องจากเป็นยี่ห้อแรก ๆ ที่เข้ามาเปิดตลาดอาหารเสริมในไทย โดดเด่นในเรื่องของการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ผลิตตามข้อกำหนดและมาตรฐานระดับสากล อย่างมาตรฐานการผลิต GMP มาตรฐานการผลิต PIC/S จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยาที่ใช้กันเป็นกฎหมายในทวีปยุโรป และผ่านการตรวจสอบสารปรอทและสารตะกั่วเช่นกัน

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 10 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 8.5 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลาคุณภาพนำเข้ามาจากออสเตรเลียที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่ว น้ำมันปลาบรรจุมาขวดแก้วสีชา (ไม่มีหุ้มซีลใสด้านนอก) ฝาขวดเป็นแบบสุญญากาศเปิด-ปิด (จึงรู้สึกว่าปิดได้ไม่แน่นเท่าแบบฝาเกลียว แต่ไม่ต้องกังวลเพราะในขวดมีซองกันชื้นใส่มาให้ตามปกติ แต่เมื่อลองเปิด-ปิดขวดบ่อย ๆ ฝาขวดนั้นค่อนข้างจะขาดง่าย) ในสูตรใช้ปลาทะเลแต่ไม่ได้ระบุชนิดหรือแหล่งที่มา มีส่วนผสมของวิตามินอีธรรมชาติ 10 หน่วยสากล และมีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ อย่างไรก็ตาม ยี่ห้อนี้ก็นับว่ามีราคาต่อแคปซูลแพงมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ (อาจเพราะไม่ได้ผลิตในบ้านเรา) ถ้าคุณไม่ได้กังวลเรื่องของราคา ยี่ห้อนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ เลยครับที่แนะนำ
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 5.1 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (80 แคปซูลนิ่ม) ราคา 450 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 5.63 บาท
  • คะแนนรวม : 23.6 /30 คะแนน

#9 Hi-Balanz Fish Oil Plus Vitamin E

รีวิวน้ำมันปลา Hi-Balanz Fish Oil Plus Vitamin E
Hi-Balanz Fish Oil Plus Vitamin E

#9 ไฮ-บาลานซ์ (Hi-Balanz Fish Oil Plus Vitamin E) แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 12 ปี ทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการควบคุมคุณภาพตามระดับมาตรฐานสากล ผ่านการตรวจสอบคุณภาพการควบคุม การผลิต และการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 และ GMP)

น้ำมันปลายี่ห้อนี้ ผลิตโดยบริษัท โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ธุรกิจขนาดกลาง มูลค่าบริษัท 61.7 ล้านบาท) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอาง และจัดจำหน่ายโดย บริษัท ไฮบาลานซ์ จำกัด (ธุรกิจขนาดเล็ก มูลค่าบริษัท 1.4 ล้านบาท) ยี่ห้อไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของปลาและชนิดของปลาที่ใช้ในการผลิต

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 6 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 9.5 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลาที่มาในกล่องกระดาษดูสวยงามหุ้มซีลพลาสติกด้านนอก บรรจุในแผงฟอยล์แผงละ 10 แคปซูล (จำนวน 3 แผง) ที่ห้อหุ้มด้วยซองพลาสติกหนาทึบอีกชั้นประกอบกับซองกันชื้น ข้อดีของแผงฟอยล์คือ ง่ายต่อการพกพาและแยกเม็ดวิตามินแต่ละเม็ดออกจากกัน จึงช่วยป้องกันออกซิเจนและความชื้น ช่วยคงสภาพและปริมาณของสารสำคัญระหว่างรอการบริโภคได้ดีที่สุด ส่วนในสูตรก็ตามมาตรฐานคือมีส่วนผสมของวิตามินอี (Mixed Tocopherols) 10 มก. แต่ไม่ได้ระบุชนิดของปลาและแหล่งที่มาที่ใช้ในการผลิต และน้ำมันปลานั้นมีกลิ่นคาวปลาพอประมาณ
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 8.05 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (30 แคปซูลนิ่ม) ราคา 119 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3.97 บาท
  • คะแนนรวม : 23.55 /30 คะแนน

#10 MaxxLife Fish Oil

รีวิวน้ำมันปลา MaxxLife Fish Oil
MaxxLife Fish Oil

#10 แม็กซ์ไลฟ์ (MaxxLife Fish Oil) น้ำมันปลาแบรนด์ไทยสูตรมาตรฐานที่ระบุว่าใช้ปลาเล็กจากประเทศไอซ์แลนด์ในการผลิต (มีสารตกค้างที่น้อยกว่า เนื่องจากปลามีอายุสั้นและยังมีอยู่มากมายตามธรรมชาติ) และผ่านกรรมวิธีการกลั่นระดับโมเลกุล เพื่อทำให้น้ำมันปลามีความบริสุทธิ์ ลดกลิ่นคาวปลา และเพื่อขจัดสารปนเปื้อน โลหะหนัก สารปรอท ตะกั่ว แคดเมียม และสารอื่น ๆ

น้ำมันปลายี่ห้อนี้ผลิตโดย บริษัท 8 เศรษฐี จำกัด (ธุรกิจขนาดกลาง มูลค่าบริษัท 37 ล้านบาท) ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และจัดจำหน่ายโดย บริษัท เวลเกท ดิสทริบิวชั่น จำกัด (ธุรกิจขนาดกลาง มูลค่าบริษัท 62 ล้านบาท) บริษัทที่จำหน่ายเครื่องสำอางและอาหารเสริมผ่านตัวแทนจำหน่าย

  • ความน่าเชื่อถือ (แบรนด์) : 6 /10 คะแนน
  • ภาพรวม : 7 /10 คะแนน
    • น้ำมันปลาที่มาขวดพลาสติกใส ตัวขวดหุ้มซีลใสด้านนอก แม้ฝาขวดจะเป็นแบบสุญญากาศเปิด-ปิด (แต่ยังมีซีลปากขวดมาให้ แต่ซีลมาไม่สนิทมากนัก) รู้สึกปิดได้ไม่ค่อยแน่นสนิทเมื่อเทียบกับฝาแบบเกลียว แต่มีซองกันชื้นมาให้ด้านใน ในสูตรมีส่วนผสมของวิตามินอี 5 มก. โดยจุดเด่นของน้ำมันปลายี่ห้อนี้คือใช้ปลาเล็กจากประเทศไอซ์แลนด์ในการผลิต จึงทำให้มีสารตกค้างต่าง ๆ น้อยกว่า แต่ข้อเสียคือมีกลิ่นคาวปลามากที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ
  • ราคาเฉลี่ยต่อเม็ด : 8.58 /10 คะแนน
    • 1 ขวด (90 แคปซูลนิ่ม) ราคา 330 บาท
    • ราคาเฉลี่ยเม็ดละ 3.67 บาท
  • คะแนนรวม : 21.58 /30 คะแนน

ตารางเปรียบเทียบน้ำมันปลา

ตารางเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์น้ำมันปลารวม 10 ยี่ห้อ (ปี 2023)
IMAGE SOURCE : Medthai

การรับประทานน้ำมันปลา

  • ต้องทราบก่อนว่าเราไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อวันได้ ดังนั้น การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งที่แนะนำ แต่ต้องอย่าเข้าใจผิดว่าอาหารเสริมเหล่านี้จะสามารถเข้าไปทดแทนอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันได้ เพียงแต่มันจะช่วยเข้าไปชดเชยความสมบูรณ์ของสารอาหารให้ครบตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ (หากร่างกายได้รับมากเกินก็จะมีกระบวนการดูดซึมและขับออกตามธรรมชาติ)
  • น้ำมันปลาอาจมีประโยชน์อย่างมากสำหรับบุคคลเหล่านี้ ได้แก่ ผู้ที่รับประทานอาหารแบบจำกัดหรือรับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ, ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้ดีอย่างสม่ำเสมอ, ผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย, ผู้ที่มีโรคเรื้อรังหรือภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่, ผู้ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (อายุ 35 ปีขึ้นไป, สูบบุหรี่จัด, ทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ, ทำงานนั่งโต๊ะและขาดการออกกำลังกาย, ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงโดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์, ผู้ที่เตรียมตัวฉีดวัคซีนโควิด AstraZeneca, ผู้ที่ติดเชื้อโควิดและหายแล้ว)
  • สำหรับน้ำมันปลาสูตรมาตรฐาน (โอเมก้า-3 300 มก.) ในวัยผู้ใหญ่ทั่วไปเราจะแนะนำให้ทานพร้อมอาหารครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1-3 ครั้ง (การทานน้ำมันปลาพร้อมอาหาร ร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่าและลดอาการข้างเคียงอื่น ๆ ได้ เช่น เรอมีกลิ่นคาว คลื่นไส้ ท้องเสีย)
  • มีคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกว่า เพื่อการดูแลสุขภาพหัวใจที่ดี ร่างกายควรได้รับโอเมก้า-3 (EPA + DHA) วันละ 200-500 มิลลิกรัม (น้ำมันปลาสูตรมารตฐานวันละ 1-2 เม็ด) แต่ก็มีคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่าในผู้หญิงควรรับประทานโอเมก้า-3 ในขนาดวันละ 1.1 กรัม และ 1.6 กรัมในผู้ชาย (คือวันละ 3-5 เม็ด แต่เราแนะนำให้คุณทานวันละ 3 เม็ด และทานอย่างสม่ำเสมอก็พอครับ เพราะในแต่ละวันเรายังได้รับโอเมก้า-3 จากการรับประทานอาหารต่าง ๆ อีก เช่น จากปลาทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก ถั่ว นม ผักสีเขียวเข้ม) ส่วนในผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีโรคเรื้อรังหรือภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือกำลังรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจล้มเหลว ต้องการลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ หรือใช้บรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ คุณอาจต้องได้รับโอเมก้า-3 มากกว่านี้ จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงขนาดการรับประทานน้ำมันปลาที่เหมาะสมครับ[4]
  • ในผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือสารที่ใช้ในการผลิตน้ำมันปลา (สังเกตได้จากฉลากของแต่ละยี่ห้อ), ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ (เช่น แอสไพริน) และผู้ที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เลือดหยุดไหลยาก ควรระมัดระวังในการรับประทานน้ำมันปลา หากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เอกสารอ้างอิง
  1. Thira Woratanarat . “โควิด ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา และไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในอนาคต”. (รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.facebook.com/thiraw. [14 ก.พ. 2022].
  2. สมิติเวช. “วิตามิน อาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกันช่วงโควิด-19”. (พญ.วรรณวิภา ทองบริสุทธิ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.samitivejhospitals.com. [15 ก.พ. 2022].
  3. โรงพยาบาลรามคำแหง. “รู้จักลองโควิด (Long COVID) อาการที่ตามมาหลังหายป่วยจากโควิด-19”. (อ้างข้อมูลจากสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ หรือNational Health Service: NHS). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.ram-hosp.co.th. [16 ก.พ. 2022].
  4. วงการแพทย์. “น้ำมันปลา (Fish oil) หัวข้อการบริโภคน้ำมันปลา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.wongkarnpat.com. [17 ก.พ. 2022].

ตรวจสอบทางการแพทย์ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2024

เภสัชกรประจำเว็บเมดไทย
ประวัติผู้เขียน : จบการศึกษาปริญญาตรี คณะเภสัชศาสตร์ สาขาเภสัชศาสตร์ มีประสบการณ์การทำงานร้านยามากกว่า 5 ปี เคยเป็นผู้จัดการร้านขายยา เคยเป็นผู้ฝึกอบรมผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพ เช่น วิตามิน อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์ และยา ปัจจุบันทำงานเป็นเภสัชกรอยู่โรงพยาบาลเอกชน โดยให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ