มะแว้งต้น
มะแว้งต้น ชื่อสามัญ Brinjal[8]
มะแว้งต้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum indicum L.[1],[2],[3] ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าเป็นชนิด Solanum sanitwongsei W. G. Craib[5],[8] จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE)[1]
สมุนไพรมะแว้งต้น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แว้งคม (สุราษฎร์ธานี, สงขลา), มะแคว้ง มะแคว้งขม มะแคว้งคม มะแคว้งดำ (ภาคเหนือ), หมากแข้ง หมากแข้งขม (ภาคอีสาน), มะแว้ง มะแว้งต้น (ทั่วไป), สะกังแค สะกั้งแค (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), หมากแฮ้งคง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), เทียนเฉีย ชื่อเทียนเฉีย (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2],[3],[4]
หมายเหตุ : ทั้งมะแว้งต้นและมะแว้งเครือต่างก็มีสรรพคุณทางยาที่คล้ายคลึงกัน แต่มักจะนิยมใช้มะแว้งเครือมาทำเป็นยามากกว่า แม้กระทั่งผลมะแว้งที่นำมาจิ้มกับน้ำพริกรับประทาน ก็ยังนิยมใช้ผลมะแว้งเครือเช่นกัน แต่แพทย์แผนไทยในอดีตจะนิยมใช้ทั้งมะแว้งเครือและมะแว้งต้นร่วมกัน โดยเรียกว่า “มะแว้งทั้งสอง”[8]
ลักษณะของมะแว้งต้น
- ต้นมะแว้งต้น จัดเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มีอายุประมาณ 2-5 ปี มีความสูงของต้นประมาณ 1 -1.5เมตร ลำต้นมีขนาดเล็กและกลม เนื้อแข็ง เป็นสีเขียวอมเทา แตกกิ่งก้าน ทั้งต้นมีขนนุ่มสีเทาขึ้นปกคลุม และมีหนามแหลมขึ้นกระจายอยู่ทั่วต้น ส่วนเปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล[1],[2] ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ต้องการน้ำมากและความชื้นในปริมาณปานกลาง สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติในบริเวณที่ราบ ชายป่าที่โล่งแจ้งและที่รกร้างริมทาง สามารถพบได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศ[3],[7] และคาดว่ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชียซึ่งรวมทั้งประเทศและอินเดียด้วย[8]
- ใบมะแว้งต้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี ปลายใบแหลมเล็กน้อย โคนใบมน ส่วนขอบใบหยักเว้ามนเข้าหาเส้นกลางใบและมีคลื่นเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-6 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร หลังใบ ท้องใบ และก้านใบมีขนสั้น ๆ ปกคลุม โดยท้องใบจะมีขนหนาแน่นหลังใบ มีหนามสั้น ๆ และมีก้านใบยาว[1]
- ดอกมะแว้งต้น ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบหรือปลายกิ่งประมาณ 3-6 ดอก ดอกเป็นสีม่วงอ่อน มีขนาดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ใจกลางของดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง 5 ก้าน เชื่อมติดกันกับโคนกลีบดอก ปลายกลีบดอกจะแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก ปลายแหลม คล้ายรูปดาว ก้านดอกมีหนามเป็นตุ่มเล็ก ๆ ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก 5 แหลม ปลายแหลม ด้านนอกมีขน[1]
- ผลมะแว้งต้น ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ผิวผลเรียบเกลี้ยงและมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียวหรือสีขาวไม่มีลาย ส่วนผลสุกเป็นสีแดงส้มหรือเป็นสีเหลืองอมส้ม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร หรือมีขนาดเท่ากับมะแว้งเครือ แต่จะมีสีเขียวมากกว่า และมีรสขมจัดกว่า โดยภายในผลมะแว้งต้นจะมีเมล็ดขนาดเล็ก ลักษณะเป็นรูปกลมแบน สีน้ำตาลอ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก[1]
สรรพคุณของมะแว้งต้น
- รากและผลมีรสขมเปรี้ยว เป็นยาเย็น มีพิษเล็กน้อย ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ราก, ผล)[1],[3],[4] ส่วนใบก็มีสรรพคุณบำรุงธาตุเช่นกัน (ใบ)[6]
- ใช้เป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย (ราก, ใบ, ผล)[1],[4]
- ผลสุกและผลดิบมีรสขื่นเปรี้ยว ช่วยแก้โรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้บ้าง (ผล)[1],[2],[3] ด้วยการใช้ผลมะแว้งต้นโตเต็มที่ประมาณ 10-20 ผล นำมารับประทานเป็นอาหารกับน้ำพริก (ผล)[6]
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้ปวดฟัน (ราก, ผล)[1],[4]
- ช่วยแก้ไซนัส (ราก, ผล)[1],[4]
- รากและใบช่วยแก้วัณโรค (ราก, ใบ)[1],[6]
- ช่วยแก้ไข้สารพัดพิษ แก้ไข้เพื่อเสมหะในคอ (ผล)[1],[2] ส่วนรากมีรสขมขื่นเปรี้ยว เป็นยาแก้ไข้สันนิบาต (ราก)[1],[2],[6]
- สรรพคุณของรากมะแว้งในบางตำราระบุว่าใช้ระงับความร้อน (ราก)[8]
- ตำรายาไทยจะใช้ผลเป็นยาแก้ไอ โดยใช้ได้ทั้งผลแห้งและผลสดประมาณ 5-10 ผล นำมาตำให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำผสมกับเกลือเล็กน้อย นำมารับประทาน (ผล)[1],[2],[3],[4] ส่วนใบและรากก็เป็นยาแก้ไอเช่นกัน (ใบ, ราก)[1],[2],[3],[4]
- ช่วยขับเสมหะ ด้วยการใช้ผลประมาณ 5-10 ผลนำมาตำให้แหลก คั้นเอาแต่น้ำผสมกับเกลือเล็กน้อย นำมารับประทาน (ผล)[1],[2],[3],[4] ส่วนรากช่วยกัดเสมหะ ขับเสมหะ (ราก)[1],[2],[4],[6]
- รากและผลมีรสขมขื่นเปรี้ยว ช่วยแก้น้ำลายเหนียว (ราก, ผล)[1],[2],[6]
- ช่วยแก้คอแห้ง (ผล)[6]
- ช่วยรักษาต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (ราก, ผล)[1],[4]
- ช่วยแก้โรคหอบหืด ด้วยการใช้ผลมะแว้งต้นแก่ประมาณ 10-20 ผล นำมาเคี้ยวกลืนทั้งน้ำและเนื้อ โดยให้รับประทานบ่อย ๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น (ผล)[6]
- รากและผลเป็นยาขับลม (ราก, ผล)[1],[2],[3] เนื้อไม้ช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลม (เนื้อไม้)[1]
- ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะ (ราก, ผล)[1],[4]
- ช่วยแก้ผิดสำแดง (ผล)[1]
- เนื้อไม้เป็นยาขับพยาธิ (เนื้อไม้)[1]
- รากและผลช่วยขับปัสสาวะ (ราก, ผล)[1],[2],[3],[6]
- ผลช่วยละลายก้อนนิ่ว (ผล)[1]
- ราก ผล และทั้งต้นช่วยแก้โลหิตออกทางทวารหนัก ทวารเบา (ราก, ผล, ทั้งต้น)[6]
- ช่วยรักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ (ผล)[6]
- ช่วยบำรุงน้ำดี (ราก, ผล)[1],[4],[6]
- ช่วยรักษามะเร็งเพลิง (ราก)[1]
- ช่วยแก้คัน (ราก)[1],[2],[3]
- ช่วยแก้ฟกช้ำดำเขียว ปวดบวมอักเสบ (ราก, ผล)[1],[4]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของมะแว้งต้น
- ผลมะแว้งต้นพบสาร Alkaloids หลายชนิด เช่น Diosgenin, Solanine, Solasodine (สารนี้พบได้ทั้งในส่วนของผล ใบ และต้น[6]) อีกทั้งยับพบสารจำพวก Amino acid, Flavonoid glycoside, Phenols ส่วนในเมล็ดมะแว้งต้นพบไขมันและวิตามินซี เป็นต้น[4] ส่วนใบและผลยังพบ Diogenin, Solanine, Solanidine Beta-sitosterol[6]
- สารสกัดจากมะแว้งต้นมีฤทธิ์แก้ปวด แก้อาการอักเสบได้ โดยสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์คล้ายกับ Cortisone[4]
- สาร Solasodine เป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการขับเสมหะและแก้อาการไอได้ดี[4]
- เมื่อนำสาร Solasodine ที่สกัดได้จากผลมาฉีดให้หนูที่เป็นเบาหวานในขนาด 50-100 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม พบว่าไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น แต่หากฉีดให้กับหนูที่ไม่มีโรคเบาหวาน จะมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดของหนูเพิ่มขึ้น[4]
- น้ำสกัดผลมะแว้งมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด แต่มีฤทธิ์น้อยและระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น และยังพบสเตียรอยด์ในปริมาณค่อนข้างสูง จึงไม่ควรนำมาใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน[5]
- สาร Solanine หากนำมาใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการเป็นพิษ ทำลายเซลล์ในเม็ดเลือด ทำให้มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง อาเจียน ตาพร่ามัว ขับถ่ายฉับพลัน หัวใจเต้นถี่ และค่อย ๆ ลดลงจนหัวใจหยุดเต้น หรือทำให้ควบคุมสติไม่ได้และสลบไป โดยสารดังกล่าวจะพบมากในผลมะแว้งต้นดิบ[4]
ประโยชน์ของมะแว้งต้น
- ผลอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสดได้ โดยอาจนำไปลวกหรือเผาจิ้มกับน้ำพริก หรือใช้ประกอบอาหาร ทำแกง หรือใช้ประกอบอาหารเพื่อเพิ่มรสขม เช่น แกงใส่ปลาแห้ง หรือน้ำพริก เป็นต้น โดยผลมะแว้งต้นจะมีวิตามินเอค่อนข้างสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง[1],[6],[7]
- นอกจากผลอ่อนแล้ว ยอดอ่อนก็ใช้รับประทานเป็นผักได้เช่นกัน แต่ต้องนำมาต้มให้สุกเสียก่อน แล้วจึงนำไปใช้เป็นผักจิ้ม (ส่วนผลอ่อนดิบจะใช้เป็นผักจิ้มได้เลย) นิยมกินกับปลาร้า แต่ก็ใช้จิ้มกับน้ำพริกได้เหมือนกัน โดยจะมีรสชาติค่อนข้างขื่นขม แต่เมื่อเคี้ยวไปสักครู่จะรู้สึกออกรสหวานเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของผลมะแว้งดิบ[8]
- มะแว้งต้นเป็นส่วนผสมหลักของตำรับยาประสะมะแว้ง ซึ่งองค์การเภสัชกรรมผลิตขึ้นตามตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ[5]
- ผลสุกนำมาบีบใส่ตาไก่ที่มีอาการเจ็บตา หรือนำมาขยี้แล้วทาตาไก่บริเวณบวมหรือพอง (ชาวลั้วะ, คนเมือง)[7]
เอกสารอ้างอิง
- ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “มะแว้งต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [18 พ.ค. 2014].
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “มะแว้งต้น (Ma Waeng Ton)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 238.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “มะแว้งต้น”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 642-643.
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “มะแว้งต้น”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 456.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “มะแว้งต้น”. หน้า 190.
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “มะแว้งต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [18 พ.ค. 2014].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “มะแว้งต้น, มะแขว้งขม, มะแว้ง, มะแคว้งขม”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 6 (วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [18 พ.ค. 2014].
- มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 235 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “มะแว้ง : ทั้งต้นและเครือล้วนเชื้อพันธุ์เดิม”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [18 พ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by VanLap Hoàng), www.biogang.net (by mahamasupyan), www.kasetporpeang.com (by pink lady), www.rakbankerd.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)