ฟีนิลอะลานีน
- ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) คือกรดอะมิโนชนิดหนึ่งซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็น เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทาน
- ฟีนิลอะลานีนเป็นสารสื่อประสาทหรือสารเคมีที่ช่วยส่งผ่านสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทและสมอง เมื่อเข้าสู่ร่างกายมันจะเปลี่ยนเป็นนอร์เอพิเนฟรินและโดพามีน ที่เป็นสารสื่อประสาทประเภทตื่นตัว ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มความตื่นตัวและความกระฉับกระเฉง
- ฟีนิลอะลานีนเป็นโครงสร้างครึ่งหนึ่งของสารที่ให้ความหวานแอสพาร์แตม (ฟีนิลอะลานีนจะรวมเข้ากับกรดแอสพาร์ติก) ซึ่งพบได้ในน้ำอัดลมประเภทที่ปราศจากน้ำตาลเกือบทุกชนิด และยังพบได้ในยาลดความอ้วนบางชนิดและอาหารอีกด้วย
- แหล่งอาหารที่สามารถพบฟีนิลอะลานีนได้แก่ อาหารที่มีโปรตีนสูงทุกประเภท ไส้ขนมปัง คอตเทจชีส ผลิตภัณฑ์จากนมถั่วเหลือง นมผงขาดมันเนย ถั่วลิสง ถั่วลิมา อัลมอนด์ เมล็ดงา ฟักทอง เป็นต้น
ประโยชน์ของฟีนิลอะลานีน
- มีส่วนช่วยเพิ่มความจำ
- ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า
- ช่วยเพิ่มความตื่นตัว เพิ่มความกระฉับกระเฉง
- ช่วยเพิ่มความสนใจในเรื่องเพศ
- ช่วยลดความอยากอาหาร
คำแนะนำในการรับประทานฟีนิลอะลานีน
- ฟีนิลอะลานีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมักมีวางจำหน่ายในรูปแบบเม็ดในขนาดประมาณ 250 – 500 มิลลิกรัม
- ร่างกายจะนำฟีนิลอะลานีนไปใช้ไม่ได้หากขาดวิตามินซี
- เพื่อช่วยระงับอาการอยากอาหาร คุณควรรับประทานก่อนมื้ออาหารประมาณ 1 ชั่วโมงพร้อมน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ก็ได้
- เพื่อช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉง คุณควรเลือกรับประทานระหว่างมื้ออาหารหรือในขณะที่ท้องว่างพร้อมกับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ก็ได้
- คุณไม่ควรรับประทานฟีนิลอะลานีนพร้อมกับโปรตีนอื่น
- ก่อนที่คุณจะตัดสินใจไปรับประทานยาคลายเครียดหรือยาแก้ซึมเศร้า คุณควรลองรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฟีนิลอะลานีนซึ่งช่วยบำรุงอารมณ์ตัวนี้ดูก่อน
- ฟีนิลอะลานีนจะไม่ทำให้คุณติดมันเหมือนยาเสพติด แต่มันก็มีข้อเสียอย่างหนึ่งนั่นก็คือ มันอาจจะทำให้ความดันโลหิตของคุณสูงขึ้นได้ ดังนั้นหากคุณมีความดันโลหิตสูงหรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวนี้คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อความมั่นใจ แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็สามารถรับประทานฟีนิลอะลานีนได้ แต่ต้องรับประทานหลังอาหาร (แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ให้มั่นใจก่อนจะดีที่สุด)
- หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนัง และผู้ป่วยที่เป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) หรือโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องของเมแทบอลิซึม ห้ามรับประทานฟีนิลอะลานีนเสริมอาหารเด็ดขาด
ดีแอล-ฟีนิลอะลานีน (DL-Phenylalanine : DLPA)
- ดีแอล-ฟีนิลอะลานีน (DL-Phenylalanine) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของฟีนิลอะลานีนซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็น โดยมีส่วนผสมของสารสังเคราะห์ครึ่งหนึ่ง (D) และสารจากธรรมชาติอีกครึ่งหนึ่ง (L)
- ดีแอล-ฟีนิลอะลานีน มีหน้าที่ในการช่วยสร้างและไปกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนที่มีลักษณะคล้ายมอร์ฟีนซึ่งมีชื่อว่า “เอ็นดอร์ฟิน” (Endorphin) ที่มีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการปวดจากอาการบาดเจ็บ การเกิดอุบัติเหตุ หรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
- เอนไซม์บางตัวในร่างกายของเราจะคอยทำลายสารเอ็นดอร์ฟินอย่างต่อเนื่อง แต่ดีแอล-ฟีนิลอะลานีนจะช่วยยับยั้งเอนไซม์เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีผลเหมือนการช่วยปลดปล่อยให้สารเอ็นดอร์ฟินทำหน้าที่ลดอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ของมันต่อไปได้
- ผู้ที่มีอาการเจ็บปวดเรื้อรัง การทำงานของสารเอ็นดอร์ฟินในเลือดและน้ำเลี้ยงสมองจะต่ำกว่าปกติ เนื่องจากดีแอล-ฟีนิลอะลานีนช่วยทำให้ระดับของสารเอ็นดอร์ฟินกลับมาเป็นปกติ มันจึงช่วยลดอาการเจ็บปวดได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องอาศัยการใช้ยาใด ๆ
- มากไปกว่านั้น ดีแอล-ฟีนิลอะลานีนมีความสามารถในการเลือกระงับอาการเจ็บปวด หมายความว่า มันจะช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดขึ้นเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะไม่ระงับอาการเจ็บปวดแบบเฉียบพลันทันที (เช่น แผลไฟไหม้ แผลมีดบาด) ซึ่งถือเป็นกลไกทางสัญชาตญาณในการป้องกันตนเองตามธรรมชาติของร่างกายอยู่แล้ว
- ฤทธิ์ของดีแอล-ฟีนิลอะลานีนจะเท่ากับหรือมากกว่าฤทธิ์ของมอร์ฟีนและยาในกลุ่มฝิ่นตัวอื่น ๆ แต่ดีแอล-ฟีนิลอะลานีนนั้นมีข้อแตกต่างไปจากยาอื่น ๆ นั่นก็คือ มันไม่ทำให้เกิดอาการติดยาเหมือนสารเสพติด การบรรเทาอาการเจ็บปวดของมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามระยะเวลาโดยไม่มีอาการดื้อยาแต่อย่างใด ช่วยให้มีผลลดอาการเจ็บปวดได้มากถึง 1 เดือนโดยไม่ต้องใช้ยาอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด และยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาหรือยาอื่น ๆได้โดยไม่มีผลเคียง แถมมันช่วยต่อต้านอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญมันไม่เป็นพิษต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย
- ประโยชน์ของกรดอะมิโนชนิดนี้โดยสรุปได้แก่ ใช้เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น อาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด อาการปวดตามเส้นประสาท อาการปวดศีรษะไมเกรน ปวดหลังส่วนล่าง ข้ออักเสบ คอเคล็ด ขาและกล้ามเนื้อเป็นตะคริว รูมาตอยด์ เป็นต้น
คำแนะนำในการรับประทานดีแอล-ฟีนิลอะลานีน
- ดีแอล-ฟีนิลอะลานีนในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมักมีวางจำหน่ายในรูปแบบเม็ดในปริมาณประมาณ 375 มิลลิกรัม ซึ่งขนาดยาที่เหมาะสมนั้นจะต่างกันไปตามอาการปวดของแต่ละคน
- การรับประทาน 6 เม็ดต่อวันโดยการรับประทานครั้งละ 2 เม็ดก่อนอาหาร 15 นาทีในแต่ละมื้อ จะเป็นการเริ่มต้นการรับประทานดีแอล-ฟีนิลอะลานีนที่ดีที่สุด
- ปกติแล้วอาการเจ็บปวดต่าง ๆ จะบรรเทาภายใน 4 วันแรก แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลานานถึง 3-4 สัปดาห์หลังการรับประทาน
- อาการเจ็บปวดมักจะหายไปภายในสัปดาห์แรกที่รับประทาน คุณสามารถลดขนาดในการรับประทานลงทีละน้อยจนถึงขนาดต่ำสุดที่ยังให้ผลการรักษาอยู่ แต่ไม่ว่าขนาดที่คุณรับประทานนั้นจะมากน้อยเพียงใด ก็ควรจะแบ่งการรับประทานออกเป็นหลาย ๆ มื้อต่อวัน
- สำหรับบางรายอาจจะต้องการรับประทานดีแอล-ฟีนิลอะลานีนเพียงเดือนละประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ในขณะที่อีกรายจำเป็นต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง
- แต่หากรับประทานไปแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 3 สัปดาห์แรก ให้คุณเพิ่มปริมาณการรับประทานเป็นเท่าตัวอีก 2-3 สัปดาห์ แต่หากยังรักษาไม่ได้ผล คุณควรหยุดรับประทาน เนื่องจากพบว่าร้อยละ 5-15 ของผู้ใช้ดีแอล-ฟีนิลอะลานีนไม่ตอบสนองต่อฤทธิ์ต้านการเจ็บปวดของมัน
- คนไข้บางรายที่ไม่มีอาการตอบสนองต่อยาแก้ปวด (แอสไพรินหรือแวเลียม) แต่มีการตอบสนองต่อดีแอล-ฟีนิลอะลานีนได้ดีอย่างน่ามหัศจรรย์
- สำหรับหญิงที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และผู้ป่วยที่เป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) หรือโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องของเมแทบอลิซึม ไม่ควรรับประทานดีแอล-ฟีนิลอะลานีน เนื่องจากมันจะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงมากขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน (แต่โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้รับประทานได้หลังมื้ออาหาร)
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)