พิมเสนต้น
พิมเสนต้น ชื่อสามัญ Patchouli, Patchoulli, Patchouly[3],[4]
พิมเสนต้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Pogostemon cablin (Blanco) Benth. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pogostemon patchouli var. suavis (Ten.) Hook. f.) จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)[1],[3]
สมุนไพรพิมเสนต้น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ใบพิมเสน, ผักชีช้าง, ใบหลม ใบอีหรม (ภาคใต้), ฮั่วเซียง ก่วงฮั่วเซียง (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[6]
ลักษณะของพิมเสนต้น
- ต้นพิมเสนต้น หรือ ต้นพิมเสน มีถิ่นกำเนิดในประเทศฟิลิปปินส์ อินเดีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย และในประเทศมาเลเซีย[4] โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีความสูงของต้นประมาณ 30-100 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรงกิ่งก้านเป็นสี่เหลี่ยม โดยจะแตกกิ่งก้านสาขาบริเวณยอดต้น ทั้งต้นเมื่อนำมาขยี้ดมจะมีกลิ่นหอมฉุน และมีขนสีเหลืองปกคลุมอยู่ทั้งต้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดลำต้นปักชำ[1]
- ใบพิมเสนต้น ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-4 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ใบที่โคนต้นจะมีขนาดเล็กกว่าที่บริเวณยอดต้น แผ่นใบมีขนสีเทาอ่อนปกคลุมทั้งหน้าใบและหลังใบ โดยเฉพาะตรงส่วนของเส้นใบจะมีขนปกคลุมอยู่มาก ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร[1]
- ดอกพิมเสนต้น ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและตามซอกใบ ช่อดอกยาวประมาณ 2-8 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 เซนติเมตร ดอกเป็นสีขาวอมสีม่วง ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกยาวได้ประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ดอกมีกลีบเลี้ยงห่อหุ้มอยู่ 4 ใบ ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร มีกลีบดอก 5 กลีบ มีเกสรเพศผู้ 4 ก้าน[1]
- ผลพิมเสนต้น ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก มีขนาดเล็ก ลักษณะเป็นรูปไข่ยาว[1],[6]
หมายเหตุ : พิมเสนต้นยังมีอีกชนิดหนึ่งคือ ต้นพิมเสนป่า (Agastache rugosa (Fisch et. Mey) O.ktze.) มีดอกเป็นสีม่วงหรือสีขาว กิ่งก้านเป็นสีแดง มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่ใกล้เคียงกัน สามารถนำมาใช้แทนกันได้[1]
สรรพคุณของพิมเสนต้น
- ตำรับยาแก้อาการปวดศีรษะ ตัวร้อน มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว ให้ใช้ยาแห้ง แปะตุ๊ก หกเหล็ง เปลือกลูกหมาก อย่างละ 10 กรัม และกิ๊กแก้ จี่โซว ชะเอม ปั่วแฮ เกาโพ๊ก และโกฐสอ อย่างละ 7 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือนำมาบดรวมกันเป็นผงทำเป็นยาเม็ดลูกกลอนรับประทานก็ได้ (ทั้งต้น)[1]
- ตำรายาไทยจะใช้ใบเป็นยาลดไข้ ใช้ปรุงเป็นยาเย็น แก้ไข้ทุกชนิด ช่วยถอนพิษร้อน ทำให้ความร้อนในร่างกายลดลง โดยมากใช้ปรุงเป็นยาเขียว ถอนพิษไข้ ยาจันทลีลา ตำรับยาของทางล้านนา และยาหอมก็เข้าใบพิมเสนต้นนี้ (ใบ)[2],[3],[5]
- ทั้งต้นมีรสเผ็ดขม เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และกระเพาะอาหาร ใช้เป็นยาลดไข้ แก้หวัดแดด ตัวร้อน มีน้ำมูกไหล จมูกอักเสบ (ทั้งต้น)[1]
- ใช้เป็นยาขับลม ขับลมชื้น (ทั้งต้น)[1]
- ผงจากใบใช้เป็นยานัตถุ์และเป็นยาทำให้จาม (ใบ)[6]
- ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย อาเจียน ช่วยในการย่อยอาหาร ตำรับยาแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ด้วยการใช้ยาแห้ง แปะตุ๊ก หกเหล็ง เปลือกลูกหมาก อย่างละ 10 กรัม และกิ๊กแก้ จี่โซว ชะเอม ปั่วแฮ เกาโพ๊ก และโกฐสอ อย่างละ 7 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือนำมาบดรวมกันเป็นผงทำเป็นยาเม็ดลูกกลอนรับประทานก็ได้ (ทั้งต้น)[1] ส่วนยาชงจากยอดแห้งและรากแห้งก็มีสรรพคุณเป็นยาขับลมในทางเดินอาหารได้เช่นกัน (ยอด, ราก)[5],[6]
- ยาชงจากยอดแห้งและรากแห้งของพิมเสนต้นใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะติดขัด (ยอด, ราก)[5],[6]
- ใบสดนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปวดประจำเดือน เป็นยาขับประจำเดือน หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ (ใบ)[5]
- หากเป็นโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ให้ใช้ต้นแห้งผสมกับโกฐน้ำเต้าและสารส้มสะตุ อย่างละ 15 กรัม นำมารวมกันต้มกับน้ำ นำมาใช้ชำระผิวหนังบริเวณที่เป็น (ทั้งต้น)[1]
- ต้นใช้ภายนอกเป็นยาแก้น้ำกัดเท้า (ทั้งต้น)[1]
- น้ำมันของพิมเสนต้นในทางยาใช้ทาแก้ปวดได้ (น้ำมันพิมเสนต้น)[6]
หมายเหตุ : วิธีการใช้ตาม [1] ให้ใช้ต้นแห้ง โดยใช้ครั้งละ 5-15 กรัมนำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยาก็ได้[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของพิมเสนต้น
- สารที่พบ ได้แก่ น้ำมันระเหย 15% ในน้ำมันระเหยพบสาร Patchouli alcohol, Patchoulipyridine, Eugenol, Pinene, Cinnamic aldehyde, Pogostol, Methychavicol, Anethole, p-Methoxycinnamaldehyde เป็นต้น[1]
- น้ำมันระเหยพิมเสนต้นมีฤทธิ์เพิ่มน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น และยังมีฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะและลำไส้ จึงทำให้คลายอาการปวดได้ อีกทั้งยังช่วยทำให้อาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร หรืออาหารที่ยังไม่ย่อย ไม่บูดอีกด้วย[1]
- สารสกัดที่ได้จากพิมเสนต้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อจุลินทรีย์ เชื้อ Spirochaete ได้หลายชนิด โดยเฉพาะกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง[1]
ประโยชน์ของพิมเสนต้น
- กิ่งและใบแห้งเมื่อนำมาใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าจะช่วยทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยป้องกันแมลงมากัดเสื้อผ้าได้[6]
- ใบมีกลิ่นหอมใช้กลั่นทำน้ำหอมได้ และยังใช้เป็นสารช่วยให้น้ำหอมมีกลิ่นติดทนดีและนาน[4]
- น้ำพิมเสนที่ได้จากการกลั่นกิ่งและใบจากต้นพิมเสนต้นหรือที่เรียกว่า น้ำมันแพทชูลี (Patchouli oil) นิยมนำมาใช้ปรุงเป็นน้ำหอม ใช้แต่งกลิ่นสบู่ ใช้ผสมกับน้ำอาบเพื่อช่วยระงับกลิ่นตัว โบราณใช้ในการแต่งกลิ่นขี้ผึ้งสีปาก[6]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “พิมเสนต้น”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 388.
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “พิมเสนต้น”. หน้า 170.
- สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “พิมเสนต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [06 พ.ค. 2014].
- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “พิมเสนต้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th. [06 พ.ค. 2014].
- ศูนย์วิจัยสมุนไพรภาคเหนือ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด). “พิมเสนหนาด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.cmu.ac.th. [06 พ.ค. 2014].
- ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. (ผศ.สุปรียา ยืนยงสวัสดิ์). “พิมเสน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pcog2.pharmacy.psu.ac.th/thi/Article/2548/07-48/borneol.pdf. [06 พ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.biolib.cz, www.pharmacy.mahidol.ac.th, www.biogang.net (by NewDek01)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)