13 ประโยชน์ของผักออแกนิก ! (Organic)

ผักออแกนิก

ผักออแกนิก (ผักออแกนิค, ผักออร์แกนิก, ผักออร์แกนิค) หรือ ผักอินทรีย์ (Organic) ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ แล้วมันก็คือ ผักประเภทที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย เป็นผักอินทรีย์จริง ๆ เหมือนเกิดจากธรรมชาติจริง ๆ เพียงแต่การเพาะปลูกจะต้องมีการดัดแปลงสภาพต่าง ๆ เพื่อเลียนแบบธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยในดิน การบำรุงดิน อากาศ ความชื้น น้ำ ฯลฯ เพื่อให้พืชผักสามารถเจริญเติบโตได้ด้วยวิธีแบบธรรมชาติโดยอาหารจากธรรมชาติ

ผักออแกนิก นอกจากจะเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติมากแล้ว การเพาะปลูกยังมีการลงทุนที่สูง ใช้ระยะเวลาในการเพาะปลูกนาน ทำให้ผักชนิดนี้หากออกสู่ตลาดแล้วจะผักที่มีราคาแพง เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูง ไหนจะมีเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้เวลาปรับสภาพ เพื่อไม่ให้แมลงศัตรูพืชมาเบียดเบียน ซึ่งบางแห่งถึงขนาดกางมุ้งปลูกกันเลยทีเดียว แต่บางแห่งก็ปลูกกันในโรงเรือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะปลูกด้วยวิธีไหน หรือทำให้ผักเจริญเติบโตด้วยวิธีใดก็ตาม ที่สำคัญที่สุดก็คือ ห้ามใช้สารเคมีใด ๆ ไม่ว่าสารนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ก็ตาม จะใช้ได้แต่เพียง อินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติเท่านั้น จึงจะถือว่าเป็น “ผักออแกนิก

นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจผิด ๆ ว่า ผักออแกนิก ผักปลอดสารพิษ และผักไฮโดรโปนิกส์ คือผักชนิดเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้ว ผักปลอดสารนั้นคือผักที่มีการใช้สารเคมีในระหว่างการเพาะปลูกจนกระทั่งใกล้เก็บเกี่ยว จะมีการเว้นการใช้สารเคมีในช่วงการเก็บเกี่ยว (มากน้อยแล้วแต่ผู้เพาะปลูกจะเป็นคนกำหนดเวลา) จึงทำให้มีชื่อเรียกใหม่ ๆ เกิดขึ้นว่าเป็น “ผักปลอดสาร” สรุปก็คือ เป็นผักปลอดสารในช่วงตอนเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ไม่ได้ปลอดสารในระหว่างการเพาะปลูก ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ควรจะเป็นผักทั่วไปที่เราซื้อมารับประทานกันตามท้องตลาดนี่แหละครับ ส่วนผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) นั้นคือผักไร้ดิน หรือการปลูกผักโดยใช้น้ำแทนดิน ซึ่งเป็นวิธีการปลูกผักที่ประยุกต์ใช้ในเมืองที่หาพื้นดินได้ยาก ผักประเภทนี้ยังมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งสารเคมีอยู่ ไม่ว่าจะทางใบหรือทางน้ำ เพราะผักไร้ดินจะไม่มีดินที่เป็นตัวสะสมธาตุอาหาร แต่เปลี่ยนจากดินเป็นน้ำให้เป็นตัวสะสมธาตุอาหารแทน การใส่ปุ๋ยก็จะให้ทางน้ำ และปุ๋ยก็ยังคงต้องมีสารเคมี (จึงไม่ถือว่าเป็นผักออแกนิก) เพราะปุ๋ยอินทรีย์บางชนิดจะไม่สามารถผสมลงในน้ำได้ (หรือผสมได้แต่น้ำก็จะไม่ใสและมีกาก หรือขุ่น ทำให้ไหลได้ไม่ดี) และเพื่อให้เรารู้จักผักออแกนิกกันมากขึ้น จึงขออธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าผักออแกนิกคืออะไร ไปดูกันเลยครับ
ฟาร์มผักออร์แกนิค

ผักออแกนิก คืออะไร?

  • ส่วนประกอบทุกอย่างมาจากธรรมชาติ ผักออแกนิกจะไม่มีการใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ใด ๆ เลยในการปลูกและการเพาะเลี้ยง โดยจะเป็นผักที่เลี้ยงและโตขึ้นมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ปลูกในดินบ้าน ๆ ที่ปลอดสารเคมี ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูก และเมล็ดที่ใช้ไม่มีการตกแต่งพันธุกรรม จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติล้วน ๆ 100% ส่วนประกอบทุกอย่างจึงบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษต่าง ๆ มาช่วยก่อมะเร็ง
    • ดินที่ใช้ในการทำเกษตร ต้องเป็นดินที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหาร สามารถอุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อยู่ในดินมากเพื่อช่วยในการย่อยสลายสารอาหาร และทำให้รากสามารถดูดซึมสารอาหารได้ง่าย รวมไปถึงยังช่วยป้องกันโรคและแมลง ช่วยเร่งการเจริญเติบโต และทำให้พืชผักที่ปลูกมีความแข็งแรง โดยดินที่ใช้ในการเพาะปลูกต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือต้องเป็นแปลงที่ไม่มีการใช้สารเคมีมาแล้ว 5 ปี
    • น้ำที่ใช้จะต้องไม่มาจากแหล่งน้ำลำคลองทั่วไป เพราะแหล่งน้ำประเภทนี้จะปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีมากมาย ซึ่งเป็นสารตกค้างที่ถูกปล่อยมาจากการใช้น้ำตามบ้านเรือนต่าง ๆ หรือมาจากน้ำเสียของโรงงานทั่วไป โดยการปลูกผักออแกนิกบางแห่งจะใช้น้ำที่ขุดลึกภายในไร่ที่มีความลึกถึง 150 เมตร หรือน้ำที่อยู่ใต้ดิน
    • ปุ๋ยหมักบางแห่งอาจได้มาจากการนำขี้วัวหรือขี้ไก่มาเป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ยหมัก
    • การเกษตรทั่วไปจะต้องมีการต่อสู่กับวัชพืชต่าง ๆ ด้วยสารเคมี แต่ในความเป็นจริงแล้ว วัชพืชเองก็ถือว่ามีประโยชน์สำหรับการเกษตร เพราะการมีกากใยบนดินมาก จะทำให้เกิดการระบายน้ำได้ดี ในตอนฝนตกหนัก จึงช่วยรักษาพื้นดินไว้ได้ และวัชพืชยังช่วยในเรื่องการขยายของรากพืชได้อีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นกฎแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยจะทำหน้าที่สลับเปลี่ยนสารอาหารในชั้นบนและชั้นล่างของพื้นดิน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนธาตุอาหารภายในดิน และยังกลายเป็นพืชสดให้กับดิน ดังนั้น ในการเพาะปลูกผักออแกนิกบางแห่งจะไม่กำจัดวัชพืชออกไปทั้งหมด และหลังจากการเก็บเกี่ยวจะมีการพักฟื้นแปลงไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงทำการตีกลบหญ้าที่ขึ้นมาบนแปลง การทำเช่นนี้จะได้ปุ๋ยพืชสดไปในตัว ซึ่งถือเป็นการช่วยบำรุงให้ดินดีได้อย่างมาก
    • การอยู่อย่างผสมผสานกันระหว่างผักที่ปลูกบนแปลงกับหญ้าหรือวัชพืช จะทำให้ดินไม่เหลวเป็นโคลน ทำให้แมลงลดลง และทำให้รากเกิดการดูดซึมได้ดี แต่ผักบางชนิดจะไม่ชอบอยู่ร่วมกับหญ้าหรือวัชพืช ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือการปลูกผักกับวัชพืชจะต้องมีความสอดคล้องกันตามธรรมชาติ และวัชพืชจะต้องไม่ใช่ศัตรูของผัก
  • ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เลย เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารกระตุ้นสารเร่งเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ ผักออแกนิกนั้นส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ หากมีการใช้สารเคมีก็ถือว่าไม่เป็นผักออแกนิกแล้ว โปรดจำไว้ว่าสิ่งที่เพาะปลูกลงบนแปลงจะมีพลังในการปกป้อง รักษาโรค และป้องกันแมลงด้วยตัวของเค้าเอง การจะปลูกผักให้แข็งแรง จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของผักที่ปลูกให้สูงขึ้นได้ การใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง จะทำให้พลังหรือภูมิคุ้มกันในการต่อต้านโรคลดลงและเกิดโรคได้ง่าย แต่บางเจ้าจะมีการใช้สารเคมีเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่จำเป็น แบบนี้ก็อาจจะเรียกว่าเป็น “95% Organic” หรือจะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีป้ายบ่งบอกความเป็นออแกนิกไว้ 3 ระดับ คือ “100% Organic” (ธรรมชาติ 100%), “95% Organic” (ธรรมชาติ 95% ขึ้นไป เพราะใช้สารเคมีเพียงเล็กน้อยเท่าที่จำเป็น), และ “Made with Organic Ingredient (ธรรมชาติ 70% ขึ้นไป) ” แต่ถ้าต่ำกว่า 70% ก็จะไม่ถือว่าเป็นออแกนิก ซึ่งในต่างประเทศอย่างอเมริกาและแคนาดาจะมีป้ายบ่งบอกเปอร์เซ็นต์แบนี้ครับ เพราะผู้บริโภคจะค่อนข้างเลือก อาหารหรือผักที่เป็นธรรมชาติ 100% จะเป็นอะไรที่ขายดีมาก
  • ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการผลิต ผักออแกนิกนอกจากจะมุ่งเน้นให้คนที่รับประทานมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างก็คือการลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะการใช้สารเคมีต่าง ๆ จะทำให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในอากาศ และในน้ำ ซึ่งสารพิษเหล่านี้กว่าจะสลายได้ก็ต้องใช้ระยะเวลานาน หรืออาจกินเวลาเป็นสิบ ๆ ปีเลยทีเดียวกว่าจะย่อยสลาย วิธีการปลูกผักแบบออแกนิกจึงเป็นหนทางที่ดีในการฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้ผักที่ไม่มีสารเคมีแล้ว ยังเป็นการช่วยลดมลพิษไปด้วยในตัวอีกด้วย

ประโยชน์ของผักออแกนิก

  1. ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ไม่มีสารพิษตกค้าง และมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค เนื่องจากผักออแกนิกเป็นผักแบบธรรมชาติล้วน ๆ 100% ส่วนประกอบทุกอย่างจึงมีความบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษต่าง ๆ ที่เป็นสารก่อมะเร็ง
  2. การบริโภคผักออแกนิก ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
  3. ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะผักออแกนิกจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าพืชผักทั่วไป ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่ามีส่วนการใช้ต่อต้านมะเร็ง
  4. ช่วยลดอัตราเสี่ยงเด็กสมองพิการ เด็กซนผิดปกติ และโรคออทิสติก เพราะสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์นั้นมีมากกว่า 100 ชนิด ที่เป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว และการรับประทานผักออแกนิกยังเป็นผลดีแก่กับตัวคุณแม่เอง และยังช่วยทำให้น้ำนมของคุณแม่มีปริมาณของกรดไขมันที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงกว่าปกติ
  5. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ายาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ในผักทั่วไป จะมีผลโดยตรงกับฮอร์โมนเพศและทำให้เซ็กส์เสื่อมได้ หากคุณไม่อยากเสี่ยงก็ควรหยุดรับประทานผักที่ใช้สารเคมีอีกเลย
  1. เมื่อเปรียบเทียบกับผักทั่วไปแล้ว ผักออแกนิกจะมีวิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ และสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณค่ามากกว่าผักทั่วไป (แต่บางข้อมูลระบุว่าปริมาณของวิตามินของพืชผัก ระหว่างการปลูกแบบออแกนิกและการปลูกโดยทั่วไปนั้นไม่มีความแตกต่างกัน (มีเพียงฟอสฟอรัสเท่านั้นที่ผักออแกนิกมีมากกว่าผักทั่วไป) แต่มันก็ยังดีกว่าใช่ไหมละครับที่เราจะไม่ได้รับสารพิษเข้าไปในร่างกายทุกวันจากการรับประทานผักทั่วไป เพราะ 1 ใน 3 ของผักที่ปลูกตามปกตินั้นตรวจพบยาฆ่าแมลง)
  2. รสชาติของผักออแกนิกจะดีกว่าผักที่ปลูกกันทั่วไป ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงผลไม้ในฤดูกาลกับผลไม้นอกฤดูกาลที่ต้องใช้สารเคมี ว่าผลไม้แบบใดมีรสชาติที่ดีกว่า
  3. นอกจากจะเป็นผักที่ไม่มีสารพิษแล้ว กระบวนการเพาะปลูกต่าง ๆ ยังเป็นการช่วยลดมลพิษไปได้อีกด้วย เพราะการปลูกผักทั่วไปจะทำให้สารเคมีที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในดิน ในน้ำ และในอากาศ
  4. ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน เนื่องจากการเกษตรแบบใช้สารเคมีนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะทำให้ดินเสื่อมคุณภาพและไม่มีคุณสมบัติที่ดีในการเพาะปลูก ทำให้ปลูกอะไรก็ไม่ได้ผลผลิตที่ดีตามต้องการ อีกทั้งผักที่ปลูกก็แทบจะไม่ได้คุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนอย่างที่ควรจะเป็น
  5. ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยา เพราะการไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงจะช่วยทำให้มีชีวิตในท้องถิ่นมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีววิทยาไปเรื่อย ๆ
  6. ช่วยทำให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ทำให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมีเหล่านี้ได้
  7. ช่วยลดต้นทุนการผลิตในด้านค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ยและสารเคมีต่าง ๆ และช่วยลดปริมาณการนำเข้าของสารเคมีจากต่างประทศ (ในแต่ละปีประเทศไทยมีการสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก)
  8. ผักออแกนิกทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลผลิตที่ได้เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเป็นผักที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยจากสารพิษ จึงทำให้จำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด