บีทรูท
บีทรูท ชื่อสามัญ Garden beet, Common beet
บีทรูท ชื่อวิทยาศาสตร์ Beta vulgaris L. จัดอยู่ในวงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHACEAE)
บีทรูท หรือ บีตรูต (อ่านว่า บีท-รูท) มีชื่อเรียกอื่นว่า ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง
บีทรูท เป็นผักเพื่อสุขภาพประจำเมืองหนาวที่ปลูกกันมากทางภาคเหนือของบ้านเรา โดยมีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถบยุโรป โดยมีรากหรือหัวพืชที่สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีลักษณะทรงกลมป้อม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร เนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมู ม่วงแดง และเหลือง
การเลือกซื้อและการเก็บรักษาบีทรูท สำหรับการเลือกซื้อควรเลือกหัวบีทรูทที่มีขนาดเล็ก เพราะจะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานมากกว่าหัวบีทรูทขนาดใหญ่ มีผิวไม่เหี่ยว จับดูเนื้อแล้วไม่นิ่ม แต่ถ้าใบติดอยู่ด้วย ก็ให้เลือกหัวที่ใบยังสดอยู่ แล้วนำมาตัดใบให้เหลือก้านประมาณ 3 เซนติเมตร หลังจากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วเก็บใส่ในถุงตาข่าย วางไว้ในที่ร่ม หรือจะนำมาแช่ในตู้เย็นตรงช่องเก็บผักก็ได้ ซึ่งจะเก็บไว้ได้นานถึง 2 อาทิตย์
หัวบีทรูท มีสารสีแดงที่มีชื่อว่า บีทานิน (Betanin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโน เป็นตัวช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ แถมยังทำให้เลือดลมและระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารสีม่วงที่มีชื่อว่า แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดสารก่อมะเร็ง และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและอัมพาตได้อีกด้วย !
โดยบีทรูทจะมีขายทางภาคเหนือซะเป็นส่วนมากและมีขายทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ แต่ถ้าเป็นกรุงเทพก็หาซื้อได้ที่ตลาด อ.ต.ก, ตลาดไทย, ตลาดสี่มุมเมือง และในห้างต่าง ๆ โดยราคาของบีทรูทก็อยู่ที่ประมาณ 45-70 บาทต่อ 1 กิโลกรัม
ประโยชน์ของบีทรูท
- บีทรูทมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
- การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16% ถ้าหลังจากดื่มน้ำบีทรูทแล้วขับถ่ายออกมามีสีแดงปนเปื้อนมาด้วยก็ไม่ต้องตกใจ มันไม่ใช่เลือดแต่เป็นเพราะร่างกายขับสารสีแดงออกมาเท่านั้นเอง
- สารสกัดจากบีทรูทที่อุดมไปด้วยไนเตรตเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ช่วยลดการสะสมไขมันและลดการอุดตันในหลอดเลือด (The American Journal of Clinical Nutrition – Dietary nitrate improves vascular function in patients with hypercholesterolemia: a randomized, double-blind, placebo-controlled study)
- ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก (สารบีทานิน)
- ช่วยลดจำนวนสารก่อมะเร็งในร่างกาย (แอนโทไซยานิน)
- ช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดให้แข็งแรง
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ (แอนโทไซยานิน)
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัมพาต (แอนโทไซยานิน)
- การดื่มน้ำบีทรูทมีส่วนช่วยลดความดันเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยแก้อาการไอ เจ็บคอ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- ช่วยขับเสมหะ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- ใช้รับประทานเป็นอาหารเพื่อช่วยรักษาอาการท้องผูก
- ใช้เป็นยาระบาย (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยขับปัสสาวะ (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า)
- ช่วยบำรุงไตและถุงน้ำดี (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- ช่วยลดอาการบวมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี (ดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน)
- บีทรูทมีสรรพคุณช่วยแก้ปัญหาอาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติได้
- ปัจจุบันมีการนำไปใช้รักษาสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบ น้ำเหลืองเสียซึ่งผลเป็นที่น่าพอใจ ด้วยการใช้หัวบีทรูท 1 หัว นำมาต้มกับน้ำปริมาณตามใจชอบ
- นำมาดื่มในขณะอุ่น ๆ หรือจะรับประทานเนื้อด้วยก็ได้จะช่วยบำบัดอาการสิวและน้ำเหลืองเสียได้เป็นอย่างดี
- บีทรูทมีประโยชน์สามารถใช้เป็นสีจากธรรมชาติผสมอาหารได้
- สามารถนำมาดองทำเป็นน้ำส้มสายชูได้
- หัวบีทรูทใช้ในงานแกะสลักตกแต่งอาหารก็ได้เช่นกัน
- ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น สาคูไส้บีทรูท สลัดน้ำบีทรูท ขนมบีทรูท ขนมเค้ก เยลลี่บีทรูท พุดดิ้งนมสดบีทรูท พาสต้า ไอศกรีม ฯลฯ
- สามารถนำมาทำเป็นไวน์หรือเครื่องดื่มแบบสมูทตี้ หรือจะปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ เช่น องุ่น เสาวรส แตงโม แคร์รอต แอปเปิล ฯลฯ
คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 43 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 9.56 กรัม
- น้ำตาล 6.76 กรัม
- เส้นใย 2.8 กรัม
- ไขมัน 0.17 กรัม
- โปรตีน 1.61 กรัม
- น้ำ 87.58 กรัม
- วิตามินเอ 2 ไมโครกรัม 0%
- เบตาแคโรทีน 20 ไมโครกรัม 0%
- วิตามินบี 1 0.031 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี 2 0.04 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี 3 0.334 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี 5 0.155 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี 6 0.067 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี 9 109 ไมโครกรัม 27%
- วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแคลเซียม 16 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแมกนีเซียม 23 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุแมงกานีส 0.329 มิลลิกรัม 16%
- ธาตุฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุโพแทสเซียม 325 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุโซเดียม 78 มิลลิกรัม 5%
- ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
น้ำบีทรูท
- วิธีทำน้ำบีทรูท อย่างแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ หัวบีทรูทสด 2 หัว / น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย / เกลือป่น 1/3 ช้อนชา / น้ำสะอาด 1 ถ้วย
- นำบีทรูทมาปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- นำบีทรูทที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงในเครื่องปั่นแยกกาก ถ้าไม่มีเครื่องแยกกากก็ให้ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้ แต่ต้องหั่นเป็นฝอย ๆ ก่อนนำลงไปปั่น
- เมื่อเสร็จให้กรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อทำการแยกกากออก
- นำน้ำที่ได้ใส่หม้อตั้งไฟ จากนั้นเติมน้ำตาลทรายและเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
- นำมาเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งบดดื่มได้เลยเป็นอันเสร็จ
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)