ต้อลม (Pinguecula) อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคต้อลม 6 วิธี !!

ต้อลม (Pinguecula) อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคต้อลม 6 วิธี !!

ต้อลม

ต้อลม (Pinguecula) เป็นโรคที่เกิดจากการถูกลมโกรกตาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลมในที่นี้จะหอบเอาฝุ่นละออง ไอความร้อน และรังสีอัลตราไวโอเลตติดมากระทบตาด้วย เมื่อเกิดติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็จะเป็นผลทำให้เนื้อเยื่อที่ถูกกระทบเป็นก้อนนูนขึ้นมาบนเยื่อตาขาวใกล้ ๆ กับขอบตาดำ วันดีคืนดีก็อาจเกิดการอักเสบได้ และหากไม่ได้รับการป้องกันอย่างถูกต้องอาจมีการลุกลามขยายขนาดใหญ่ขึ้นกลายเป็นแผ่นเนื้อยื่นเข้ามาในบริเวณตาดำได้ เรียกว่า “ต้อเนื้อ” โรคนี้แม้จะไม่หายขาด แต่ก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร จึงเบาใจได้

ต้อลมเป็นโรคที่พบได้บ่อยจนเกือบจะเรียกว่าเป็นโรคประจำตาของคนที่ค่อนข้างมีอายุ และแทบจะไม่พบโรคนี้เลยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี บางคนจึงเรียกโรคนี้ว่า “โรคตากร้านลม กร้านแดด” เนื่องจากเป็นโรคที่มักเกิดในคนที่ผ่านโลกมายาวนานพอสมควร มิฉะนั้นคงไม่ “กร้าน” เป็นแน่

หมายเหตุ : หากเนื้องอกอยู่เฉพาะในส่วนที่เป็นตาขาวจะเรียกว่า “ต้อลม” แต่หากเนื้องอกจากตาขาวลามเข้าไปในตาดำจะเรียกว่า “ต้อเนื้อ

สาเหตุของโรคต้อลม

ต้อลมเป็นการเสื่อมของเยื่อบุตาขาวที่พบได้บ่อย ไม่ใช่เนื้องอกหรือมะเร็ง สามารถพบเกิดได้กับแทบทุกคนที่มีความไวต่อมลภาวะหรือสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอาหารการกินแต่อย่างใด เพราะมีผู้ป่วยหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นโรคนี้แล้วต้องงดการรับประทานอาหารบางอย่าง เช่น เนื้อวัว ของทะเล ปลาร้า ของหมักดอง เห็ดโคน ฯลฯ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่

สำหรับสาเหตุการเกิดที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามลภาวะเหล่านี้ที่ตากระทบอยู่เป็นเวลานานเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้ ได้แก่

  1. ลม ลมในที่นี้หมายถึงลมที่พัดไปมาในอากาศรอบตัวเรานี่แหละครับที่พัดโกรกตาเราบ่อย ๆ โดยเฉพาะลมที่ค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง ในพื้นที่ที่แห้งแล้งกันดารหรือที่ราบสูง เช่น ในประเทศไทย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ส่วนลมที่มาจากพัดลมตั้งโต๊ะ พัดลมเพดาน หรือลมจากเครื่องปรับอากาศนั้นไม่ค่อยเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต้อลมครับ
  2. ฝุ่น ควัน สารเคมี และมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองที่ปลิวอยู่ในอากาศ ฝุ่นจากพื้นถนนหรือจากพื้นที่แห้งแล้ง หรือฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถที่เข้าตาบ่อย ๆ และมักจะมากับลมในข้อแรกเสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต้อลมได้ โดยฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศปกตินั้นจะไม่รุนแรงเท่าฝุ่นที่มีความเร็วจากลมหรือจากการที่เข้าไปสัมผัสฝุ่นด้วยเร็ว เช่น ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านบริเวณที่มีฝุ่นมาก ๆ ถ้าสังเกตก็จะพบว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบคนเป็นโรคต้อลมน้อยมาก เพราะบ้านเขาจะไม่ค่อยมีฝุ่นตามท้องถนนเหมือนอย่างบ้านเรา ยิ่งในต่างจังหวัดด้วยแล้วแทบจะถือว่าฝุ่นจากถนนเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเลยก็ว่าได้
  3. แสงแดด ในที่นี้หมายถึงแสงแดดที่ค่อนข้างรุนแรงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่ด้วย โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึงบ่าย 3 โมงเย็น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในประเทศเขตร้อนเป็นโรคต้อลม-ต้อเนื้อกันมาก
  4. ความร้อนหรือไอร้อนทั้งหลาย ได้แก่ ความร้อนจากแสงแดด ความร้อนจากเตาไฟ ความร้อนจากสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่เกิดจากอะไรก็ตาม ล้วนแต่มีผลทำให้เกิดโรคต้อลมได้ทั้งสิ้น แต่ที่สำคัญมากที่สุด คือ ความร้อนจากแสงแดด ซึ่งคนที่อยู่กลางแดดนานเป็นวัน ๆ เช่น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง คนงานก่อสร้าง นักกีฬากลางแจ้ง เป็นต้น ก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นโรคต้อลมได้ง่าย
  5. โรคตาแห้ง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคต้อลมได้
  6. ไม่ทราบสาเหตุ มีผู้ป่วยบางรายที่ไม่เคยสัมผัสกับสาเหตุดังกล่าวข้างต้นเลย คือ ไม่เคยทำงานกลางแจ้ง ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่เคยถูกฝุ่น นั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน อายุเพียงยี่สิบต้น ๆ แต่ก็ยังเป็นโรคต้อลมได้ ซึ่งในผู้ป่วยกลุ่มนี้เราเชื่อว่ามีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดที่เป็นโรคนี้เช่นเดียวกับโรคต้อเนื้อ

อาการของโรคต้อลม

  • ต้อลมจะมีลักษณะเป็นก้อนนูนเล็กน้อยสีเหลืองอ่อน (ขาวเหลือง) ขนาดประมาณเท่าหัวไม้ขีดไฟ ซึ่งจะพบอยู่บนเยื่อตาขาวใกล้ ๆ กับขอบตาดำบริเวณทางด้านหัวตาหรือหางตา โดยมากมักจะพบบริเวณทางด้านหัวตามากกว่าหางตา (เพราะส่วนของหัวตาเป็นส่วนที่มีโอกาสกระทบกับสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดโรคต้อลมได้นั่นเอง และจะไม่พบก้อนนูนสีเหลืองอ่อนของโรคนี้ที่บริเวณด้านบนหรือด้านล่างของขอบตาดำเป็นอันขาด) มีส่วนน้อยอาจพบที่หางตา โดยก้อนสีเหลืองอ่อนที่ว่านี้เมื่อนำมาตัดออกไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นเป็นชิ้นเนื้อเยื่อพังผืดยืดหยุ่น (Hyaline and Elastic tissue) เท่านั้น จึงทำให้มันสามารถขยายขนาดได้ถ้าถูกกระตุ้นด้วยสาเหตุที่กล่าวมาบ่อย ๆ (ต้อลมอาจเป็นกับตาเพียงตาเดียวและด้านเดียว คือ ด้านหัวตาหรือหาง แต่ผู้ป่วยบางรายก็เป็นต้อลมทั้งสองตา หรือเป็นทั้งด้านหัวตาและหางตา ซึ่งจะสังเกตได้ง่ายมากในตาของคนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ที่จะเห็นเป็นก้อนนูนสีเหลืองอ่อนที่ขอบตาดำ ขนาดเล็ก ใหญ่ มากน้อยแตกต่างกันไป)

    ต้อลมอันตรายไหม
    IMAGE SOURCE : www.eyerounds.org

    ต้อลม (Pinguecula)
    IMAGE SOURCE : www.eyerounds.org

    รูปต้อลม
    IMAGE SOURCE : pictures.doccheck.com, www.wikimedia.org (by Red eye2008), hubpages.com

  • โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เป็นต้อลมจะไม่มีอาการผิดปกติอะไรเช่นเดียวกับต้อเนื้อ โดยจะเป็นเพียงก้อนสีเหลืองอ่อนสงบนิ่งที่ขอบของตาดำเท่านั้น แต่บางรายอาจมีเส้นเลือดฝอยมาหล่อเลี้ยงมากผิดปกติ ทำให้เห็นเป็นปื้นเนื้อเยื่อชัดเจนได้ ถ้าเกิดการอักเสบ

    วิธีรักษาต้อลมเบื้องต้น
    IMAGE SOURCE : healthncare.info

  • ถ้าถูกลม ถูกฝุ่นมาก ๆ และรุนแรง ประกอบกับร่างกายอ่อนเพลียความต้านทานลดลง ก็อาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่ต้อลมนี้ได้ ซึ่งจะทำให้เห็นเป็นก้อนสีเหลืองอ่อนนูนสูงขึ้นอย่างชัดเจน และรอบ ๆ จะมีสีแดงของเส้นเลือดฝอยมาหล่อเลี้ยงมากผิดปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล เจ็บเล็กน้อย และอาจมีขี้ตาออกมาบ้างตอนตื่นนอนตอนเช้า

    อาการต้อลม
    IMAGE SOURCE : gudhealth.com

  • โรคนี้จะไม่หายขาด เมื่อเป็นแล้วก็เป็นอีกได้ ตราบใดที่ยังมีสาเหตุดังกล่าวมากระตุ้นอยู่

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต้อลม

หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้ป้องกัน ต้อลมจะลุกลามไปที่เนื้อ เข้าชิดตาดำกลายเป็นต้อเนื้อต่อไป แต่ก็ไม่ใช่มะเร็งและจะไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งได้

วิธีรักษาโรคต้อลม

  1. เมื่อมีความผิดปกติของตา สายตา หรือเมื่อกังวลใจในเรื่องเกี่ยวกับตา ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เสมอ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ เพราะตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ถึงแม้โรคตาส่วนใหญ่จะไม่ทำให้เสียชีวิต แต่บางโรคที่ร้ายแรงก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดได้
  1. ถ้าได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นต้อลม ก็ไม่ต้องตกใจอะไร เพราะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง การรักษาทำได้ไม่ยาก แต่อย่าไปใช้สมุนไพรหรือวิธีโบราณที่เรียกว่าวิธีตัดต้อด้วยก้านกระเทียมบ้าง กระชายบ้าง เพราะนอกจากจะไม่หายแล้วยังอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงได้ด้วย
  2. ถ้าต้อลมที่เป็นอยู่ไม่มีอาการอักเสบก็ไม่ต้องทำการรักษาแต่อย่างใด เพียงแต่ปฏิบัติตนด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดการลุกลามมากขึ้นก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าก้อนโตมาก อาจใช้ยาหยอดตาลดการอักเสบที่มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อช่วยให้ยุบการพองตัวของต้อลมลงได้บ้าง (แต่ก็ไม่ถึงกับยุบสนิท)
  3. แต่ถ้าต้อลมที่เป็นอยู่มีอาการอักเสบ (Pingueculitis) ให้ใช้ยาหยอดตาลดการอักเสบที่มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว เช่น ฮิสตาออป (Histaoph), ออฟซิลเอ (Opsil-A) หยอดตาครั้งละ 1-2 หยด วันละ 4-6 ครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการคันตา เคืองตา หลอดเลือดตาขยาย (ตาแดง) ทั้งนี้ยาหยอดตาไม่สามารถทำให้ต้อลมที่เป็นอยู่หายไปได้
  4. สำหรับการผ่าตัดลอกต้อออกนั้น แพทย์มักจะไม่แนะนำให้ทำ เนื่องจากต้อลมส่วนใหญ่มักมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ ไม่มีอันตราย ไม่ทำให้สูญเสียการมองเห็น และที่สำคัญการผ่าตัดอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นดูไม่สวยงามและต้อมักกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
  5. แต่ถ้าก้อนโตมากจนเกิดความรำคาญ ผู้ป่วยมีอาการระคายเคืองอักเสบบ่อยและได้รับการรักษาด้วยยาหยอดตา หรือต้อลามเข้าไปในตาดำพอสมควรและทำให้ตามัว (เป็นต้อเนื้อ) แพทย์อาจพิจารณาให้การผ่าตัดลอกต้อออกด้วย ซึ่งการผ่าตัดนี้เป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บ (เพราะมีการฉีดยาชาเฉพาะที่ก่อนทำการผ่าตัด) และใช้เวลาไม่นาน เพียงแค่ประมาณ 15 นาที และหลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เลย

วิธีป้องกันโรคต้อลม

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคต้อลม ได้แก่ ลม แสงแดด ฝุ่น ควัน ความร้อน สารเคมี มลพิษทางอากาศ และสิ่งระคายเคืองตาต่าง ๆ
  • ถ้าต้องออกจากบ้านหรือต้องเผชิญกับแสงแดด ลม ฝุ่น ควัน สิ่งระคายเคืองตาอื่น ๆ ควรสวมแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้ สวมหมวกปีกกว้าง และกางร่มอยู่เสมอก็จะช่วยได้มาก
  • ควรพักสายตาเป็นพัก ๆ หรือล้างหน้าล้างตาเมื่อรู้สึกแสบตา
  • สำหรับคนที่ตาแห้งควรหยอดน้ำตาเทียม

ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคต้อลม

  • ต้อลมเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และไม่มียาที่ใช้กัดต้อให้หลุดออกได้ ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือแผนโบราณก็ตาม (เพราะถ้ามีก็คงกัดเยื่อตาส่วนอื่นที่ยังปกติไปด้วย)
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยาหยอดตาที่มีตัวยาสเตียรอยด์ผสมอยู่ (Steroid eye drops) มาใช้ด้วยตัวเอง เนื่องจากหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้กลายเป็นต้อหินตาบอดได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
  1. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ต้อเนื้อ/ต้อลิ้นหมา (Pterygium)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 948-950.
  2. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 122 คอลัมน์ : ตา…หน้าต่างโลก.  “ต้อลม”.  (นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th.  [07 ธ.ค. 2016].
  3. หาหมอดอทคอม.  “ต้อเนื้อ (Pterygium) ต้อลม (Pinguecula)”.  (ศ.เกียรติคุณ พญ.สกาวรัตน์ คุณาวิศรุตย์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : haamor.com.  [07 ธ.ค. 2016].
  4. Laser Vision International LASIK Center,.  “ต้อลม (Pinguecula)”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.laservisionthai.com.  [06 ธ.ค. 2016].
  5. Siamhealth.  “โรคต้อเนื้อและต้อลม”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : www.siamhealth.net.  [06 ธ.ค. 2016].

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด