ดาวเรืองฝรั่ง
ดาวเรืองฝรั่ง ชื่อสามัญ Calendula, Common marigold, Cape marigold, English marigold, Garden marigold, Scottish marigold, Marigold, Pot marigold, Ruddles[3],[4]
ดาวเรืองฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Calendula officinalis L. จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)[1],[3]
สมุนไพรดาวเรืองฝรั่ง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ดาวเรืองหม้อ (กรุงเทพฯ), จินจ่านจวี๋ (จีนกลาง), กิมจั้วเก็ก (จีนแต้จิ๋ว) เป็นต้น[1],[2]
ลักษณะของดาวเรืองฝรั่ง
- ต้นดาวเรืองฝรั่ง จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีอายุประมาณ 1-2 ปี ลำต้นตั้งตรง มีความสูงได้ประมาณ 33-48 เซนติเมตร แตกกิ่งก้านสาขามากที่โคนต้น ทั้งต้นมีขนขึ้นปกคลุมเล็กน้อย ตามกิ่งและก้านจะมีร่องเหลี่ยม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เป็นไม้กลางแจ้ง เจริญเติบได้ในดินที่ระบายน้ำดี เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของยุโรปตอนใต้[1],[2],[4]
- ใบดาวเรืองฝรั่ง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเป็นคลื่น ใบมีขนาดยาวประมาณ 2.2-7.8 เซนติเมตร ไม่มีก้านใบ ใบที่อยู่ตรงโคนก้านจะมีขนาดใหญ่เรียงกันขึ้นไปหาเล็ก แผ่นใบมีสีเขียวอ่อน[1],[2]
- ดอกดาวเรืองฝรั่ง ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวหรือออกเป็นกระจุกบริเวณปลายต้น ดอกมีสีเหลืองหรือสีเหลืองปนส้ม กลีบดอกมีขนาดเล็ก ลักษณะเป็นรูปแกมขอบขนานเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ หลาย ๆ ชั้น หรือเรียงซ้อนกันเป็นวงหลายวง ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมีย ส่วนดอกวงในเป็นดอกเพศผู้ ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.3-7.8 เซนติเมตร ปลายดอกแยกออกเป็นแฉก ๆ กลีบดอกทั้งหมดจะมีขนแข็งติดอยู่ที่โคน บริเวณใต้ดอกมีกลีบเลี้ยงอยู่ 1-2 ชั้น[1],[2]
- ผลดาวเรืองฝรั่ง ผลเป็นผลแห้ง ผลมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานโค้ง ยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อยหรืออาจเกลี้ยง[1],[2]
สรรพคุณของดาวเรืองฝรั่ง
- ดอกมีสรรพคุณเป็นยาธาตุ (ดอก)[3]
- ต้นใช้เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร (ต้น)[2]
- ดอกใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล (ดอก)[3]
- รากมีรสจืด เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อตับและม้าม ใช้เป็นยาฟอกเลือด กระจายเลือดลมที่อุดตัน (ราก)[1]
- น้ำที่กลั่นจากดอกใช้เป็นยาแก้อาการอักเสบของตา (ดอก)[2]
- น้ำที่กลั่นจากดอกใช้ชงเป็นยาแก้ไข้ ขับเหงื่อ (ดอก)[2]
- ดอกนำมาต้มเป็นยาแก้ไข้ทรพิษ (ดอก)[2]
- ต้นใช้เป็นยาช่วยขับเหงื่อ (ต้น)[2]
- ใช้เป็นยาแก้คลื่นเหียนอาเจียน (ต้น)[2]
- รากใช้เป็นยาขับลม ขับกระษัยลม ด้วยการใช้รากสดประมาณ 50-80 กรัม นำมาต้มในน้ำที่ผสมกับเหล้าอย่างละเท่ากัน แล้วนำมารับประทาน (ราก)[1] ส่วนอีกข้อมูลระบุให้ใช้ดอกดาวเรืองฝรั่ง 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่ม (ดอก)[3]
- ใช้เป็นยาแก้ปวดกระเพาะเนื่องจากกระเพาะชื้นเย็นและพร่อง ด้วยการใช้รากดาวเรืองฝรั่งประมาณ 30-50 กรัม นำมาต้มกับน้ำหรือนำมาดองกับเหล้ารับประทาน (ราก)[1]
- หากมีอาการท้องผูกให้นำใบดาวเรืองฝรั่งมาคั้นเอาแต่น้ำรับประทาน (มีรสเผ็ดร้อน) (ใบ)[2]
- ใช้เป็นยาขับพยาธิ (ต้น[2], ดอก[3])
- รากหรือดอกใช้เป็นยารักษาอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ด้วยการใช้ดอกสด 10-15 ดอก นำมาต้มกับน้ำตาลกรวดรับประทาน (ราก, ดอก)[1]
- รากมีสรรพคุณเป็นยารักษาซีสต์ในมดลูกของสตรี (ราก)[1]
- ต้นนำมาชงกินเป็นยาแก้โรคดีซ่าน (ต้น)[2] ส่วนอีกข้อมูลระบุให้ใช้ดอกดาวเรืองฝรั่ง 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าเย็นเป็นยาแก้โรคดีซ่าน (ดอก)[3]
- ใบใช้เป็นยาแก้โรคต่อมน้ำเหลืองในเด็ก (ใบ)[2]
- ดอกนำมาต้มเป็นยาแก้โรคหัด (ดอก)[2]
- ใช้เป็นยาห้ามเลือด ทำให้เลือดเย็น (ราก, ดอก)[1]
- ดอกใช้เป็นยารักษาแผลทั้งภายนอกและภายใน (ดอก)[1]
- น้ำที่กลั่นได้จากดอกใช้เป็นยาแก้พุพอง (ดอก)[2]
- ดอกมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว สมานผิว (ดอก)[3]
- ใช้เป็นยารักษาแผลเรื้อรังและแก้เส้นเลือดพอง (ต้น)[2]
- หากมีอาการปวดฟกช้ำ แมลงกัดต่อย ให้ใช้ดอกดาวเรืองฝรั่งนำมาถูบริเวณที่เป็น (ดอก)[2]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [1] รากแห้งให้ใช้ครั้งละ 30-50 กรัม รากสดให้ใช้ครั้งละ 50-100 กรัม ส่วนดอกแห้งให้ใช้ครั้งละ 15-30 กรัม ดอกสดให้ใช้ครั้งละ 30-60 กรัม หรือประมาณ 10-15 ดอก[1] ส่วนการใช้ดอกตาม [3] ให้นำดอกดาวเรืองฝรั่ง 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่มเช้าเย็น[3]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของดาวเรืองฝรั่ง
- ดอกดาวเรืองฝรั่ง มีสาร Carotene ส่วนทั้งต้นพบสาร Alkaloid, Flavoxanthin, Lycopene, Rubixabthin, Violaxanthin และพบน้ำมันระเหย เป็นต้น[1]
- ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ได้แก่ ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด ลดคอเลสเตอรอล ยับยั้งการชัก ต้านบิด ต้านเชื้อรา ต้านไวรัส ป้องกันฟันผุ[3]
- สารสกัดจากดอกดาวเรืองฝรั่ง เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลาง ทำให้สงบจิตได้[1]
- สารที่สกัดจากดอกดาวเรืองฝรั่ง หากนำมาฉีดเข้าเส้นเลือดดำของสัตว์ทดลอง พบว่าจะทำให้หัวใจของสัตว์มีกำลังเต้นแรงขึ้น แต่การบีบตัวของหัวใจและความดันโลหิตลดลง ถ้านำไปฉีดในสุนัขที่มีการบาดเจ็บเป็นแผล พบว่าจะกระตุ้นการสร้างน้ำดีให้เพิ่มขึ้น และส่งผลทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นด้วย ชาวยุโรปจึงนิยมใช้ดอกดาวเรืองฝรั่งนำมารักษาแผลทั้งภายนอกและภายใน[1]
- สารสกัดจากใบและดอกดาวเรืองฝรั่ง มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคและแก้บวมอักเสบ โดยเฉพาะต่อต้านเชื้อ Streptococcus และ Staphylococcus ซึ่งสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อดังกล่าวได้นั้นจะไม่ละลายในน้ำ แต่จะละลายในแอลกอฮอล์[1]
- จากการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าสารสกัดจากดอกที่ทำให้หนูถีบจักรตายหมดเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง 580 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรมีค่า LD50 375 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม[3]
- เมื่อปี ค.ศ.1983 ที่ประเทศอินเดีย ได้ศึกษาทดลองผลในการลดไขมันในเลือดของสารสกัดจากดอกดาวเรืองฝรั่งในหนูทดลอง ผลการทดลองพบว่ามีผลต่อระบบประสาท ทำให้เพิ่มระดับการนอนหลับและลดไขมันในเลือด โดยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์จากสาร saponoside 10-50 มิลลิกรัม ได้นาน 12 สัปดาห์50
ประโยชน์ของดาวเรืองฝรั่ง
- ใบนำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผงให้ใช้เป็นยานัตถุ์ได้[2]
- ใบมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายเครื่องเทศ สามารถนำมาใช้ทำอาหารได้เหมือนผักชนิดหนึ่ง หรือใช้ใส่ในซุปให้ได้กลิ่นและรสพิเศษ[2],[4]
- กลีบดอกใช้ฉีกใส่ในซุป ใช้เป็นสมุนไพร และให้สีแทนหญ้าฝรั่น (saffron) ได้ด้วย[2]
- ต้นให้ดอกจำนวนไม่น้อย แต่ไม่ดกเท่าดาวเรืองทั่วไป ก้านดอกตรงยาวใช้ปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ดี (ถ้าจะตัดดอกเพื่อปักแจกันหรือทำเป็นไม้ตัดดอก ควรตัดดอกตอนที่ดอกยังไม่บานเต็มที่ เพราะถ้าตัดตอนที่ดอกบานเต็มที่แล้ว กลีบดอกจะร่วงเร็ว เมื่อปักแจกันก็ควรเปลี่ยนน้ำทุกวัน เพื่อให้ดอกบานได้นานขึ้น)[4]
- ดาวเรืองฝรั่งเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับทารก โดยนำมาใช้ผสมในแป้งสำหรับโรยตัวเด็ก ผสมในน้ำสำหรับอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เช่น คาโมไมล์ และคอมเฟรย์[5]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ดาวเรืองฝรั่ง”. หน้า 224.
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ดาวเรืองฝรั่ง”. หน้า 287-288.
- หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ดาวเรืองฝรั่ง” หน้า 84.
- ไทยเกษตรศาสตร์. “ดาวเรืองหม้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaikasetsart.com. [23 ธ.ค. 2014].
- หนังสือสมุนไพรธรรมชาติและประโยชน์ทางเครื่องสำอาง. (กลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา). “สมุนไพรธรรมชาติที่ใช้ในเครื่องสำอาง”. หน้า 2.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Silas Price, biosfeer-groede, Concepcio Costa, floraworks, Jochen Pippir, Marjoh), www.about-garden.com
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)