ชะลูด
ชะลูด ชื่อวิทยาศาสตร์ Alyxia reinwardtii Blume[1] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Alyxia reinwardtii var. lucida (Wall.) Markgr., Alyxia nitens Kerr หรืออาจได้จากต้นชะลูดช่อสั้น Alyxia schlechteri H.Lév.)[2] จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE)[1]
สมุนไพรชะลูด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ลูด (ปัตตานี), ชะนูด (สุราษฎร์ธานี), ขี้ตุ่น ช้างตุ่น ต้นธูป (ภาคอีสาน), ชะลูด (ตราด, ภาคกลาง), นูด (ภาคใต้), ชะรูด (ไทย) เป็นต้น[1],[2]
ลักษณะของต้นชะลูด
- ต้นชะลูด จัดเป็นพรรณไม้เถาขนาดเล็ก ลำต้นเกลี้ยง เปลือกต้นเป็นสีดำ ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว พรรณไม้ชนิดนี้มักขึ้นกระจัดกระจายอยู่ในป่าดิบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้และทางภาคใต้[1]
- เถาชะลูด ชะลูดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดเล็ก เปลือกค่อนข้างดำและเกลี้ยง มียางสีขาวขุ่น เถาที่เก็บมาแล้วจะต้องนำมาทุบเพื่อลอกเอาเปลือกสีดำข้างนอกทิ้ง แล้วลอกเอาแต่เนื้อที่หุ้มแก่นไม้มาใช้เป็นยาโดยนำมาผึ่งให้แห้ง เปลือกไม้ก็จะม้วนเป็นแผ่นบาง ๆ มีสีขาว กลิ่นหอมมาก รสหอมเย็นและสุขุม[2]
- ใบชะลูด ใบเป็นใบเดี่ยว จะออกรอบข้อ ข้อละ 3 ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปรี ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบเป็นครีบ ส่วนขอบใบม้วนลง ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-4 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 3.5-9 เซนติเมตร แผ่นใบด้านบนเป็นมัน เนื้อใบหนาและแข็ง มีก้านใบยาวประมาณ 3-7 เซนติเมตร[1]
- ดอกชะลูด ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อละประมาณ 4-10 ดอก ดอกมีกลิ่นหอม (ดอกจะเริ่มหอมตอนพลบค่ำ และจะเริ่มหอมแรงในตอนกลางคืน) เป็นสีเหลือง ดอกมีใบประดับที่มีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบประดับจะแหลม มีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ส่วนกลีบรองกลีบดอกจะมีอยู่ประมาณ 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร โคนกลีบติดกันเป็นท่อยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร ส่วนตรงคอท่อจะแคบและมีขน ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน โดยจะติดอยู่ภายในใกล้กับปากท่อดอก ก้านเกสรมีขนาดสั้นมาก ส่วนท่อเกสรเพศเมียจะมีลักษณะยาวเรียว ส่วนรังไข่นั้นจะมีอยู่ 2 ช่อง โดยจะแยกออกจากกัน[1]
- ผลชะลูด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อผลแห้งจะแข็ง[1]
สรรพคุณของชะลูด
- เปลือกเถาชั้นใน มีกลิ่นหอมและชุ่มชื่น ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (เถา, เปลือกเถาชั้นใน)[1],[2]
- ช่วยบำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ (เนื้อไม้[1], เปลือกเถาชั้นใน[2])
- เถาใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษในเลือดและน้ำเหลือง (เถา)[2]
- เถาใช้เป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการอ่อนเพลีย (เถา)[2]
- เปลือกเถาชั้นใน ใบ และผล มีสรรพคุณเป็นยารักษาอาการไข้ ส่วนดอกใช้เป็นยารักษาอาการไข้เพ้อคลั่ง (เปลือกเถาชั้นใน, ใบ, ดอก, ผล)[1],[2]
- รากชะลูด ตามตำรายาไทยจะใช้เป็นยารักษาพิษไข้ พิษเสมหะ และลม (ราก)[1]
- บางข้อมูลระบุว่า รากชะลูด มีสรรพคุณช่วยแก้อาการใจสั่นหรืออาการหงุดหงิดได้ด้วย (ราก)
- เนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยารักษาลมและยาขับลม (เนื้อไม้)[1]
- ช่วยขับผายลม (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- ช่วยแก้อาการปวดในท้อง แก้ปวดมวนท้อง (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- ช่วยบำรุงครรภ์รักษา (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- ช่วยแก้ดีพิการ (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- ช่วยแก้อาการปวดบวม (เปลือกเถาชั้นใน)[2]
- เปลือกชะลูดจัดอยู่ในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” โดยเป็นตำรับยาที่มีส่วนประกอบของเปลือกชะลูดร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ มีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการวิงเวียน หน้ามืดตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน ช่วยแก้ลมจุกแน่นในท้อง[2]
- นอกจากนี้ เปลือกชะลูดยังได้มาจาก ต้นชะลูดช่อสั้น (Alyxia schlechteri H. Lev.) ซึ่งนอกเหนือจากสรรพคุณที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว เปลือกของชะลูดทั้งสองจะมีสรรพคุณทางยาและมีการนำมาใช้ประโยชน์ได้เหมือน ๆ กัน แต่ดอกชะลูดช่อสั้นจะมีสรรพคุณเป็นยาแก้สะอึก แก้ดีพิการ แก้ลม ส่วนรากใช้เป็นยาแก้ลม แก้พิษไข้ แก้พิษเสมหะ เนื้อต้นใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยขับผายลม แก้อาการปวดมวนท้องหรือไซ้ท้อง และช่วยขับผายลม ส่วนใบและผล ใช้เป็นยาแก้ไข้ร้อนใน แก้สะอึก กระสับกระส่าย แก้ดีพิการ แก้คุดทะราด ตำรับยาพื้นบ้านทางภาคอีสานจะใช้ลำต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ตกขาวแก้เหน็บชา ใช้เข้ายาแก้กระษัยเส้น แก้อาการปวดเมื่อยเนื่องจากการทำงานหนัก ส่วนตำรายาพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากและเถานำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงหัวใจ[3]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของชะลูด
- เปลือกต้นชะลูดมีสาร alyxialactone, coumarin, irridoid glycoside, saponin[2]
- จากการศึกษาพบว่าสมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้และมดลูก[2]
- การศึกษาทางพิษวิทยา ด้วยการนำมาทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากเปลือกชะลูดด้วยเอทานอล 50% โดยนำมาให้หนูทดลองกินและให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 1,613 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ[2]
ประโยชน์ของชะลูด
- นิยมนำมาปลูกไว้เพื่อนำมาใช้ทำเครื่องหอมและใช้เป็นยาสมุนไพร[1]
- เปลือกชั้นในยังนำมาใช้ปรุงแต่งผ้าให้มีกลิ่นหอม ใช้ปรุงแต่งกลิ่นใบยาสูบหรือใช้อบเสื้อผ้า หรือนำมาใช้ทำเป็นเครื่องหอมอื่น ๆ เช่น ธูปหอม น้ำอบ น้ำปรุง เป็นต้น[1]
- สามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับซุ้มได้ เพราะดอกมีกลิ่นหอมชื่นใจ โดยสามารถนำมาขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำ และตอนกิ่ง เหมาะนำมาปลูกในที่ร่มรำไรหรือกลางแจ้ง แต่ต้องมีต้นไม้อื่นหรือเสาให้เลื้อยเกาะ เจริญเติบโตได้ดีในดินชื้นที่ระบายน้ำได้ดี (คณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้)
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ชะลูด”. หน้า 251-252.
- ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชะลูด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaicrudedrug.com. [12 ก.ย. 2014].
- ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชะลูดช่อสั้น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [12 ก.ย. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Yeoh Yi Shuen), www.thaicrudedrug.com (by Sudarat Homhual), paro6.dnp.go.th
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)