สูงวัยหายห่วง…คอลลาเจนไดเปปไทด์ตัวช่วยเรื่องกระดูกและข้อ !

เมื่ออายุมากขึ้น สัญญาณของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ก็จะเริ่มถามหา เริ่มเดินมีเสียงที่เข่า เจ็บแปลบ ปวดเอว หรือปวดหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ควรดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่เนิ่น ๆ และคนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจเพียงแค่ การดูแลกระดูกและข้อเสริมแคลเซียมก็เพียงพอแล้ว ทั้งที่จริง ๆ แล้วการเสริมด้วยคอลลาเจนก็เป็นส่วนคำคัญเช่นกัน

ในช่วงอายุ 25-30 ปีจะเป็นช่วงที่กระดูกมีมวลหนาแน่นมากที่สุดเนื่องจากมีการสะสมมาตั้งแต่วัยเด็ก แต่หลังจากที่เราเริ่มอายุได้ 30 ปีขึ้นไป มวลกระดูกของเราก็จะเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ทางออกก็คือ เราสามารถลดอัตราการสูญเสียมวลกระดูกลงได้ด้วยการรับประทานคอลลาเจนเสริมควบคู่ไปกับการรับประทานแคลเซียม เนื่องจากคอลลาเจนจะทำหน้าที่เหมือนเสาให้แคลเซียมเกาะเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะในกระดูก ข้อกระดูก กระดูกอ่อน หลอดเลือด รวมถึงผิวหนัง

ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำคอลลาเจนมาใช้กับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมหรือในผู้ที่มีภาวะกระดูกบางหรือกระดูกเปราะด้วย โดยเฉพาะ “คอลลาเจนไดเปปไทด์” เพราะจากงานวิจัยล่าสุดเราได้พบว่าคอลลาเจนไดเปปไทด์นั้นสามารถช่วยในเรื่องกระดูกและข้อได้ ดังนี้

  • ช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อนและยับยั้งการบางลงของกระดูกอ่อน
  • ช่วยยับยั้งการเสื่อมของเซลล์คอนโดไซด์ (Chondrocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูกอ่อน
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคน (Glycosaminoglycan) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำ จึงทำให้เนื้อเยื่อข้อต่อสามารถทนทานต่อแรงกดดันได้
  • ช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและไม่เกิดการขัดกัน
  • ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงเซลล์กระดูกที่ผิดปกติในหนูทดลองที่เป็นโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) จึงมีส่วนช่วยลดภาวะความเสื่อมของข้อ
  • สามารถช่วยลดการอักเสบและอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อนได้ (จากการศึกษาของ University of Tübingen ประเทศเยอรมนี ที่ทำการทดลองในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อมจำนวน 2,000 คน ที่ได้รับคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้เล็กลงในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน)
  • ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง
  • ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายกระดูก (Osteoblast) และเซลล์ที่สร้างกระดูก (Osteoclasts) ให้ทำงานได้อย่างสมดุลเนื่องจากกระบวนการสร้างกระดูกจะมีการสลายและการสร้างทดแทนกันอยู่ตลอดเวลา

คอลลาเจนไดเปปไทด์คืออะไร ?

คอลลาเจนไดเปปไทด์ (Collagen dipeptide) คือ นวัตกรรมใหม่ของการสกัดคอลลาเจน (ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน) ที่ถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของ “ไดเปปไทด์” ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่มีกรดอะมิโนที่เป็นโครงสร้างหลักของคอลลาเจนเรียงต่อกันเพียง 2 ตัวเท่านั้น จึงทำให้โมเลกุลมีขนาดเล็กมากเฉลี่ยเพียง 200 ดาลตัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร แต่จะถูกลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าตรงสู่เซลล์เป้าหมายอย่างเซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูก และเซลล์กระดูกอ่อนได้

กล่าวแบบนี้ผู้อ่านหลายท่านอาจจะงง ๆ ถึงที่มาที่ไปหรืออาจไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนที่วางขายกันมันมีอยู่ด้วยกันหลายแบบหลายเกรด ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ต้องอธิบายว่า ตามปกติแล้วในเส้นใยโปรตีนคอลลาเจนทั่วไปในอาหาร เช่น หนังสัตว์ อาจจะมีโมเลกุลใหญ่กว่า 300,000 ดาลตัน เมื่อนำมาผ่านกระบวนการย่อยลดขนาดจะได้เป็น “คอลลาเจนเปปไทด์สายยาว” และถ้าย่อยให้เล็กลงอีกด้วยการใช้เอนไซม์บางชนิดมาตัดสายคอลลาเจนที่สกัดออกมาได้ให้เป็นสายสั้น ๆ ก็จะได้เป็น “คอลลาเจนเปปไทด์สายสั้น” ที่มีโมเลกุลขนาด 2,000 ดาลตัลที่พร้อมดูดซึม (ดูดซึมได้ช้า) และเมื่อย่อยให้เล็กลงจนเหลือกรดอะมิโนเรียงต่อกัน 3 ตัว ก็จะได้เป็น “คอลลาเจนไตรเปปไทด์” ที่จะมีโมเลกุลเฉลี่ย 500-1000 ดาลตัน (ซึ่งจะดูดซึมได้ปานกลาง) แต่ด้วยการคิดค้นและพัฒนารูปคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดจึงได้มีการย่อยลดขนาดให้เล็กลงอีกจนเหลือเพียงกรดอะมิโนเรียงต่อกัน 2 ตัว ก็จะได้เป็น “คอลลาเจนไดเปปไทด์” ที่มีโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากเพียง 200 ดาลตันเท่านั้น ซึ่งสามารถดูดซึมได้เร็วและมากกว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์หลายเท่าตัว (แม้ขนาดโมเลกุลจะต่างกันไม่มากก็ตาม)

ด้วยเหตุนี้ คอลลาเจนที่ดูดซึมได้เร็วและดีที่สุดจึงเป็น “คอลลาเจนไดเปปไทด์” นั่นเอง

YouTube video

Scotch Collagen Plus

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนที่ช่วยเรื่องกระดูกและข้อมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อหลายชนิด แต่ชนิดที่เป็นคอลลาเจนไดเปปไทด์ที่ดูดซึมได้เร็วและดีที่สุดก็มีอยู่ไม่มาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “สก๊อต คอลลาเจน พลัส” (Scotch Collagen Plus) คอลลาเจนไดเปปไทด์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของ

  1. เป็นคอลลาเจนเปปไทด์สายสั้นที่นำเข้าจากญี่ปุ่นที่พร้อมต่อการดูดซึมของร่างกายและดูดซึมได้เร็ว จึงมีผลช่วยในเรื่องกระดูกและข้อได้เป็นอย่างดี
  2. คอลลาเจนนี้สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่บริสุทธิ์และสามารถเพิ่มปริมาณของคอลลาเจนในร่างกายได้ดีกว่าแหล่งอื่น ๆ
  3. อยู่ในรูปแบบผง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ช่วยให้การดูดซึมคอลลาเจนเป็นไปได้ง่ายที่สุด โดยสามารถผสมกับเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น หรือจะผสมในอาหารก็ได้หลากหลายชนิด โดยไม่ทำให้รสชาติของเครื่องดื่มและอาหารเปลี่ยนแปลง
  4. ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลที่เป็นตัวทำลายคอลลาเจน
  5. สก๊อตเป็นยี่ห้อที่เชื่อถือได้ จำหน่ายในราคาเหมาะสม
  6. บรรจุภัณฑ์ออกแบบมาดีและคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก เพราะฝากระป๋องมีการออกแบบให้สามารถปิดได้อย่างสนิท (เพื่อป้องกันอากาศเข้าและทำให้เก็บผลิตภัณฑ์ได้นาน สะอาด และปลอดภัยมากขึ้น), ฝากระป๋องมีที่ล็อคเก็บช้อนตวง (เพื่อความสะดวกในการใช้/เก็บและป้องกันไม่ให้มือสัมผัสตัวผลิตภัณฑ์) และบรรจุภัณฑ์มีการออกแบบให้มีที่ปาดบริเวณขอบกระป๋องรูปทรงครึ่งวงกลมอยู่ตรงกลาง จึงทำให้สะดวกต่อการตักและปาดคอลลาเจนส่วนเกินออก (เพื่อให้ได้ปริมาณในการรับประทานต่อครั้งตามปริมาณที่แนะนำอย่างพอดี คือ 1 ช้อนตวง)
Scotch Collagen Plus
Scotch Collagen Plus
Scotch Collagen Plus

คำแนะนำ : แนะนำให้รับประทานวันละ 1 ช้อนตวงในกระป๋อง ไม่ควรผสมคอลลาเจนกับน้ำแข็งขณะชง เพราะจะทำให้คอลลาเจนเป็นไข ถ้าจะทานแบบเย็นให้ใส่น้ำแข็งหลังจากที่คนคอลลาเจนจนละลายแล้ว และสามารถผสมกับอาหารและเครื่องดื่มได้โดยที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับผู้ที่สนใจ “สก๊อต คอลลาเจน พลัส” (Scotch Collagen Plus) สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Boots, Watsons, Tops, Big-C, Tesco lotus, P&F, Ucare, Matsumoto Kiyoshi, Tsuruha, Shopee, Lazada และที่เว็บไซต์ http://bit.ly/2xR335a (ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ScotchFamilyTH

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด