ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี เป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุดของคุณ !

ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี เป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุดของคุณ !

ครีมกันแดด ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ เลยมีคำถามตามมาว่า แล้วครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี ? ก่อนที่จะไปดูว่ายี่ห้อไหนเหมาะกับเรา หรือเป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราควรทำความเข้าใจก่อนว่าคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น คนเอเชียกับคนยุโรป คนผิวขาวกับคนผิวคล้ำ คนผิวมันกับคนผิวแห้ง หรือคนที่ผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว การที่จะตอบไปเลยว่าตัวไหนดี โดยเอาความเห็นของคนทั่วไปมาประกอบการตัดสินใจคงไม่ถูกต้องนัก เรามาทำความรู้จักกับครีมกันแดดกันก่อนดีกว่า

ครีมกันแดดมี 3 ประเภท ดังนี้

  1. Chemical sunscreen ใช้ส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ
  2. Physical sunscreen มีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารอื่นในกลุ่ม
  3. Chemical-Physical sunscreen เป็นแบบผสม เสริมข้อดีลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารเคมี ลดความขาวเมื่อทาครีม และช่วยเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด

ความหมายของค่าต่าง ๆ ในครีมกันแดด

  • รังสี UV-B ทำให้ผิวหนังแดงหรือผิวไหม้แดด
  • รังสี UV-A สามารถแทรกซอนถึงผิวชั้นลึก ๆ และสามารถทะลุผ่านเมฆกับกระจกได้ เป็นสาเหตุของริ้วรอยลึก
  • ค่า SPF คือ ค่าการป้องกันรังสี UV-B
  • ค่า PA คือ ค่าการป้องกันรังสี UV-A

มีคำอธิบายผิด ๆ ว่า SPF 15 หมายถึง การใช้เวลานานกว่า 15 เท่าของเวลาที่จะทำให้ผิวแดงเมื่อเทียบกับตอนที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด เช่น อาบแดดในหน้าร้อนจะแดงในเวลา 20 นาที หมายความว่า SPF 15 สามารถป้องกันไม่ให้ผิวแดงได้ 300 นาที ซึ่งเป็นการอธิบายถึงเวลาที่ต่อเนื่อง ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าหากถูกรังสี UV ในระยะเวลาที่น้อยกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ! “ทางที่ดีควรคิดใหม่ว่าถึงแม้ปริมาณรังสี UV ที่ได้รับจะเป็นเพียงแค่ 1 ใน 15 ของการครีมกันแดด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้อิทธิพลจากรังสี UV เป็นศูนย์”

ข้อควรรู้ก่อนการเลือกซื้อครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ !

  1. ครีมกันแดดที่ดีที่สุดไม่มีครีมกันแดดที่ทาแล้วจะป้องกันได้ตลอดทั้งวัน ไม่มีครีมกันแดดยี่ห้อใดในโลกนี้ที่ป้องกันรังสี UV ได้ 100% และยังต้องทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงด้วย
  2. อยู่บ้านไม่ต้องทาครีมกันแดดก็ได้มั้ง ? อย่าลืมว่าในบ้านก็ยังมีแสงจากคอมพิวเตอร์และหลอดไฟนีออน อย่าลืมครีมกันแดดในทุกเช้า แม้ขณะเล่นคอมพิวเตอร์อยู่บ้านก็ตาม
  3. ครีมกันแดดในแป้งตลับผสมรองพื้นก็ต้องทาซ้ำเหมือนครีมกันแดดทั่วไปนั่นแหละ
  4. ช่วงเวลาที่คนมักประมาทคือแสงแดดในตอนเช้าและแสงแดดในช่วงพลบค่ำ แม้แสงแดดจะอ่อนแต่ก็ส่องเข้าหน้าพอดี คิดดูสิว่าแดดกระทบหน้าอย่างจังขนาดไหน ดังนั้นตอนเย็นก็ควรจะทาครีมกันแดดด้วยเช่นกัน
  5. อัตราการป้องกันของค่า SPF จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง SPF 30 เท่านั้น เมื่อเลยจากจุดนี้อัตราการป้องกันจะขึ้นอย่างเฉื่อยมาก ๆ
  6. กันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ จะมีส่วนผสมของน้ำมันมาก ซึ่งอาจทำให้เหนียวเหนอะหนะ
  7. ครีมกันแดดที่กันน้ำหรือเหงื่อได้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะกันได้ตลอดเวลา แค่เหงื่อกันแดดก็จะเสื่อมลงเรื่อย ๆ โดยส่วนมากแล้วจะทนน้ำได้ไม่เกิน 60 นาทีก็เสื่อมหมดแล้ว
  8. ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดีรังสี UV-A และ UV-B จะมีมากที่สุดระหว่างสิบโมงเช้าถึงบ่ายสาม แต่ปริมาณของรังสี UV-A ตลอดทั้งวันจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมาก ไม่ว่าจะตอนเช้าหรือตอนเย็น จึงต้องระมัดระวัง
  9. ครีมกันแดดควรเริ่มใช้ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ซึ่งจะดีกว่าการที่มาเริ่มใช้ตอนโต เมื่อถึงตอนนั้นผิวก็อาจมีปัญหาแล้ว
  10. ลักษณะผิวของคนเอเชียจะไม่เหมือนกับสีผิวคนในยุโรปดังนั้นการเลือกใช้ครีมกันแดดก็จะต่างกัน ผิวหนังคนสีผิวขาวจะถูกทำลายโดยแสงแดดได้ง่ายกว่าคนผิวดำ
  11. ในแต่ละคนจะมีลักษณะของผิวที่ไม่เหมือนกัน บางคนจะมีผิวมัน บางคนผิวแห้ง การเลือกใช้ครีมกันแดดจึงต้องต่างกันเพราะ ถ้าคนผิวมันแล้วเลือกครีมกันแดดที่มันก็จะทำให้ไม่อยากทาครีมกันแดด และอาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้
  12. สภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น เป็นคนที่มีผิวแพ้ การเลือกใช้ครีมกันแดดก็ควรเลือกเป็นพิเศษ

การเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสถานการณ์

  • ผู้ที่ทำงานในอาคาร ไม่ต้องโดนแสงแดดมากนัก สามารถทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15
  • ผู้ที่ออกนอกสถานที่หรือมีโอกาสโดนแสงแดดบ่อย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ระหว่าง 15 – 30
  • ผู้ที่ไปเที่ยงกลางแจ้งหรือเที่ยวทะเล ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 ขึ้นไป

วิธีการใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี

  • จากผลการวิจัยพบว่า คนส่วนใหญ่จะทาครีมกันแดดเพียง 0.5-1.5 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งจะได้ผลแค่ 20-50% ของค่า SPF ที่แสดงไว้เท่านั้น ดังนั้น ควรทาซ้ำ ๆในปริมาณที่พอดี ซึ่งจะได้ผลเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า!
  • การทาครีมกันแดด สำหรับใบหน้าให้ใช้ขนาดเท่าไข่มุกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หรือหากใช้โลชั่นให้ใช้ขนาดเหรียญ 10 (อย่าลืมทาใบหูด้วย เพราะใบหูเป็นส่วนที่ไหม้แดดได้ง่าย) และสำหรับลำตัวควรทาครีมกันแดดหนาประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อ 1 ตร.ซม. ทั้งนี้ ควรทาทิ้งไว้ก่อนออกแดดประมาณ 15 – 30 นาที และต้องทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง
  • อย่างไรก็ตาม นอกจากการทาครีมกันแดด แล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น ใส่แว่น ใส่หมวก กางร่ม และเสื้อผ้าในการป้องกัน (แนะนำว่าควรใช้ผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์แทน ซึ่งกันรังสี UV ได้ถึง 80%)

วิธีทดสอบการแพ้ครีมกันแดด

ทาครีมกันแดดใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาที แล้วสังเกตว่ามีอาการบวม แดงหรือไม่ ถ้าปรากฏอาการดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีจากครีมกันแดด แต่บางคนอาจจะใช้เวลานานกว่านั้นกว่าจะปรากฏอาการแพ้ ดังนั้นจึงควรรอดูอาการ 1-3 วันเพื่อความแน่ใจ

ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี

ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี?ขอตอบแบบกลาง ๆ แล้วกันนะคะ เพราะจะให้บอกว่ายี่ห้อไหนดีคงเป็นเรื่องยาก จากเหตุผลข้างต้นเพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะขอบอกเลยแล้วกัน ^^ Banana boat ของอเมริกาที่ไม่เหนียวเนอะหนะ เพราะมันสามารถซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ง่าย และมีสูตรใหม่ ๆ เช่น ผสมคอลลาเจน วิตามิน แต่พักหลังได้รับความนิยมน้อยลง เพราะสาว ๆ ส่วนใหญ่หันไปใช้สินค้าจากประเทศเกาหลีที่เหมาะสมกับผิวคนเอเชียกันมากขึ้น เช่น Neutrogena Biore แบรนด์ไทยเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันเพราะเนื่องจากได้ทำการโปรโมตการตลาดอย่างมาก ซึ่งจากรีวิวของลูกค้าก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี สุดท้ายการเลือกครีมกันแดดนั้นควรที่จะดูส่วนผสมเป็นหลัก ดูสภาพผิวของเรา ลักษณะการใช้งาน และอย่าไปเชื่อคำโฆษณามาก เพราะไม่มีครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย
เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด