ข่าต้น
ข่าต้น ชื่อวิทยาศาสตร์ Cinnamomum porrectum (Roxb.) Kosterm. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cinnamomum parthenoxylon (Jack) Meisn.) จัดอยู่ในวงศ์อบเชย (LAURACEAE)[1],[2]
สมุนไพรข่าต้น มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า พลูต้นขาว (เชียงใหม่), เทพทาโร เทพธาโร (ปราจีนบุรี), กะเพาะต้น กระเพราต้น พลูต้น (สระบุรี), ข่าต้น (กรุงเทพฯ), ตะไคร้ต้น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), จะไคหอม จะไคต้น จะไค้ต้น (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), จวง จวงหอม ไม้จวง (ภาคใต้), มือแดกะมางิง มือแดกะมาริง (มลายู-ปัตตานี), เซียงจาง หวางจาง (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[2]
ลักษณะของข่าต้น
- ต้นข่าต้น จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ บางต้นอาจสูงได้ถึง 25 เมตร เนื้อไม้จะฟ่ามเบาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ และมีกลิ่นหอมฉุน ร้อน ๆ คล้ายกลิ่นการบูรหรือคล้ายกลิ่นของเทพทาโร พบขึ้นทั่วไปตามป่าเชิงเขา มีมากตามเชิงเขาสระบาปและบ้านอ่างจังหวัดจันทบุรี และตามป่าจังหวัดปราจีนบุรี สระบุรี ซึ่งชาวบ้านในจังหวัดปราจีนบุรีจะเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า “เทพทาโร” (ออกเสียงว่า เทบ-พะ-ทา-โร) กลับกันกับจังหวัดอื่น ๆ[1]
- ใบข่าต้น ออกใบดกและหนาทึบเป็นไม้ร่มได้ดี[1] ใบเป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-12 เซนติเมตร มีเส้นใบคล้ายขนนก เรียงเป็นคู่ประมาณ 6-8 คู่ มีกิ่งขนาดเล็ก[2]
- ดอกข่าต้น ดอกมีขนาดเล็ก ออกเป็นช่อคล้ายร่ม กลีบดอกมี 6 กลีบ กลีบดอกนั้นมีลักษณะเป็นรูปไข่ สีขาวอมเขียว ภายในดอกมีขนเล็กน้อย ดอกมีเกสรเพศผู้ 9 อัน[2]
- ผลข่าต้น ผลมีลักษณะเป็นรูปกลมไข่กลับสีดำ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ตรงขั้วเมล็ดจะมีสีแดง รูปเป็นแบบลูกกลมสามเหลี่ยม[2]
ข้อควรรู้ : พรรณไม้ชนิดนี้จะมีลักษณะต่างกับต้นเทพทาโร คือ เทพทาโรนั้นจะมีเนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน มีจำหน่ายตามร้านสมุนไพรทั่วไป[1]
สรรพคุณของข่าต้น
- เนื้อไม้มีรสเผ็ด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ (เนื้อไม้)[1]
- ตำรับยาแก้ไข้หวัด แก้ไอ อาการไอเรื้อรัง ตัวร้อน ออกหัดตัวร้อน ให้ใช้เมล็ดข่าต้นประมาณ 5-6 กรัม นำมาบดให้เป็นผงชงกับน้ำรับประทาน (เมล็ด)[2]
- เนื้อไม้ใช้ปรุงเป็นยาหอมลม รักษาท้องขึ้น อืดเฟ้อ จุกเสียด (เนื้อไม้)[1]
- ใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ (เนื้อไม้)[1]
- รากใช้ดองกับเหล้ารับประทานเป็นยาขับลมชื้นในร่างกาย (ราก)[2]
- ใช้เป็นยาแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้องน้อย (ใบ, ผล, ราก, เปลือก)[2]
- ตำรับยาแก้บิด จะใช้เมล็ดข่าต้นประมาณ 5-8 กรัม นำมาต้มกับใบยูคาลิปตัสประมาณ 6-8 กรัม รับประทาน (ตำรับยานี้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอด้วย) (เมล็ด)[2]
- เนื้อไม้ใช้ปรุงร่วมกับสะค้านและต้นดาวเรือง นำมารับประทานเป็นยารักษาฝีลม (เนื้อไม้)[1]
- ใช้เป็นยาช่วยขับโลหิตและน้ำเหลือง (เนื้อไม้)[1]
- ใบมีประสิทธิภาพในการห้ามเลือดและช่วยสมานแผลสด (ใบ)[2]
- ใช้เป็นยาแก้ฟกช้ำ ไขข้ออักเสบ เนื่องจากมีลมชื้นเกาะติดภายใน ด้วยการใช้รากนำมาดองกับเหล้ารับประทาน (ราก)[2]
- ตำรับยาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดเส้นเอ็น ให้ใช้รากข่าต้น 20 กรัม, เจตมูลเพลิง 15 กรัม, โกฐหัวบัว 20 กรัม, โกฐเชียง 15 กรัม และโกฐสอ 10 กรัม นำมาแช่กับเหล้ารับประทาน (ตำรับนี้ใช้เป็นยาขับลมชื้นในร่างกายได้เช่นเดียวกับการใช้รากเดี่ยว ๆ) (ราก)[2]
ขนาดและวิธีใช้ : การใช้ตาม [2] ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-18 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน[2]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของข่าต้น
- ในใบข่าต้นพบน้ำมันระเหย 2.6-3.3% มีส่วนประกอบเช่น การบูร น้ำมันเขียว น้ำมันไพล น้ำมันสน เป็นต้น[2]
- ในเมล็ด กิ่ง เปลือกต้น และรากข่าต้น พบน้ำมันระเหยประมาณ 2-4% ในน้ำมันระเหยพบ Safrale 60-95%, Eugenol (น้ำมันกานพลู), Cinnamic Aldehyde และ B-pinene Phellandrene[2]
ประโยชน์ของข่าต้น
- ใช้ทำเป็นไม้ตีพริก เพื่อทำให้พริกมีกลิ่นหอม และใช้เป็นยาขับลมในลำไส้ด้วย[1]
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ข่าต้น”. หน้า 104-105.
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ข่าต้น”. หน้า 122.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Paco Garin)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)