กระไดลิง
กระไดลิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Bauhinia scandens L.[2] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Lasiobema scandens (L.) de Wit[3], Lasiobema scandens var. horsfieldii (Miq.) de Wit) ส่วนข้อมูลอื่นระบุว่า เป็นชนิด Bauhinia scandens var. horsfieldii (Prain) K.Larsen & S.S.Larsen[1],[4] (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Lasiobema horsfieldii Miq.) โดยจัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)[1]
สมุนไพรกระไดลิง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มะลืมคำ (เชียงใหม่), กระไดลิง (ราชบุรี), กระไดวอก โชกนุ้ย (ชาวบน-ชัยภูมิ), เครือเสี้ยว (ไทใหญ่), กระไดวอก มะลืมดำ (ภาคเหนือ), บันไดลิง, ลางลิง เป็นต้น[1],[2],[4]
ลักษณะของกระไดลิง
- ต้นกระไดลิง จัดเป็นพรรณไม้เถาเนื้อแข็งผลัดใบขนาดใหญ่ มีมือเกาะ มักขึ้นพาดพันตามเรือนยอดของต้นไม้อื่นไปได้ไกล เถาแก่มีลักษณะแข็ง เหนียว แบน โค้งไปมาเป็นลอนสม่ำเสมอ ลักษณะเป็นขั้น ๆ ดูคล้ายบันได จึงเรียกชื่อพรรณไม้ชนิดนี้ว่า “กระไดลิง” ตามกิ่งอ่อนจะมีขนขึ้นประปราย ส่วนกิ่งแก่จะเกลี้ยงไม่มีขน มีเขตการกระจายพันธุ์ในอินเดีย ภูมิภาคอินโดจีน และอินโดนีเซีย ส่วนในประเทศไทยพบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วภาคของประเทศ ยกเว้นภาคใต้ เช่น จังหวัดเลย, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, อยุธยา, กาญจนบุรี, สระบุรี, จันทบุรี, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ตราด, ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ โดยมักขึ้นตามป่าดิบแล้งและตามป่าเบญจพรรณชื้น[1],[3]
- ใบกระไดลิง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปพัด ปลายใบแหลมหรือเว้ามากหรือน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-12 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-11 เซนติเมตร ใบที่อยู่ส่วนปลายจะเว้าลึกลงมาค่อนใบ แผ่นใบจะมีลักษณะเป็นสองแฉก โคนใบกว้างและมักเว้าเล็กน้อย ที่รอยต่อก้านใบเป็นรูปคล้ายหัวใจ มีเส้นใบออกจากโคนใบ 5-7 เส้น ผิวใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนด้านล่างมีขนขึ้นประปรายหรือเกลี้ยง ก้านใบยาวประมาณ 1.5-5 เซนติเมตร หูใบมีขนาดเล็กมาก เป็นติ่งยาวและร่วงได้ง่าย[1]
- ดอกกระไดลิง ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นแบบช่อแยกแขนง ยาวประมาณ 12-25 เซนติเมตร มีขนขึ้นประปราย แตกแขนงน้อย แต่ละแขนงจะมีดอกขนาดเล็กจำนวนมาก กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ติดกันคล้ายรูปถ้วย ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นสีขาวอมเหลือง แยกจากกัน คล้ายรูปหัด ก้านกลีบดอกสั้น ดอกมีเกสรเพศผู้สมบูรณ์ 3 อัน และเกสรเพศผู้ไม่สมบูรณ์อีก 2 อัน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า รังไข่ก้านสั้น[1]
- ผลกระไดลิง ออกผลเป็นฝัก ฝักมีลักษณะแบน รูปรี หรือรูปไข่แกมรี ปลายฝักมน มีติ่งแหลมสั้น ๆ ฝักมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ฝักแก่เป็นสีน้ำตาลแดง[1] เมื่อแห้งจะแตกออก ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน[3]
สรรพคุณของกระไดลิง
- เถามีรสเบื่อเมา มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษทั้งปวง (กะจำนวนพอประมาณใช้ต้มกับน้ำดื่ม) แก้พิษฝี แก้ไข้ตัวร้อน ขับเหงื่อ[2],[5],[6] แก้พิษไข้ แก้พิษร้อน แก้ร้อนใน แก้ไข้เซื่องซึม แก้พิษโลหิต แก้พิษไข้ทั้งปวง แก้พิษเลือดลม และเป็นยาแก้กระษัย (เถา)[5]
- ในประเทศอินโดนีเซียจะนิยมใช้น้ำเลี้ยง (sap) หรือน้ำที่ตัดได้จากเถาหรือต้นสดของกระไดลิงที่ไหลซึมออกมา แล้วใช้ภาชนะรอง นำมาจิบกินบ่อย ๆ เพื่อเป็นยาบรรเทาอาการไอ (น้ำจากเถา)[1],[6]
- ตำรายาพื้นบ้านทางภาคอีสานของไทยจะใช้เถาหรือต้นนำมาต้มกับน้ำหรือฝนกับน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด (เถา)[6]
- เปลือกมีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคผิวหนัง แก้ปวดข้อ[5] ใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำอาบเพื่อใช้เป็นยาคุมกำเนิด แต่คนท้องห้ามใช้เพราะอาจจะทำให้แท้งบุตรได้ (เปลือกต้น)[4]
- รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษต่าง ๆ (ราก)[5]
- ใบมีสรรพคุณเป็นยาขับเหงื่อ แก้ไข้ตัวร้อน (ใบ)[5]
- เมล็ดใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ไข้เซื่องซึม มีอาการหน้าหมองเนื่องมาจากพิษไข้ แก้ร้อนใน ช่วยขับเหงื่อ (เมล็ด)[5],[6]
ประโยชน์ของกระไดลิง
- บางข้อมูลระบุว่า เปลือกของต้นกระไดลิงมีความเหนียว สามารถนำมาใช้แทนเชือกได้ ส่วนเถาแห้งที่คดงอไปมานั้นนิยมนำมาใช้ในงานประดิษฐ์หลายอย่าง เช่น ต้นไม้ประดิษฐ์ (ประกอบเข้ากับใบหรือดอกไม้พลาสติก), กรอบรูป, แกนของโคมไฟ ฯลฯ
เอกสารอ้างอิง
- ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กระไดลิง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [21 ส.ค. 2015].
- สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. “กระไดลิง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.saiyathai.com. [21 ส.ค. 2015].
- ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้. “กระไดลิง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th. [21 ส.ค. 2015].
- โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “กระไดลิง”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [21 ส.ค. 2015].
- หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “กระไดลิง”. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [21 ส.ค. 2015].
- ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “กระไดลิง สรรพคุณน่ารู้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thairath.co.th. [22 ส.ค. 2015].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Ventilago), commons.wikimedia.org (by Vinayaraj), biodiversity.forest.go.th
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)